เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤษภาคม 08, 2025, 12:49:00 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความต่าง ระหว่างนายกฯ คนที่ 24-23  (อ่าน 3074 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1044
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12332


เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน


เว็บไซต์
« เมื่อ: ตุลาคม 03, 2006, 07:25:52 PM »

ลองอ่านกันดูครับ

ความต่าง 11 ประการ ระหว่างนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 กับ 23 พลเอกสุรยุทธ์ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ

          พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ - นายกรัฐมนตรีคนที่ 24 ของประเทศไทย มีคุณลักษณะแตกต่างจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร - นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 อย่างไร ?

         1) "สุรยุทธ์" เป็นนายทหาร "พลเอก" แต่ "ทักษิณ" เคยเป็นนายตำรวจ "พันตำรวจโท"

         2) พลเอกสุรยุทธ์รับราชการทหาร เติบโตมาจากสาย "กองรบพิเศษ" - "ศูนย์สงคราม พิเศษ" แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยรับราชการตำรวจ โดยมี "การค้าพิเศษ" และต่อมาก็ทำธุรกิจการค้าเต็มตัว โดยมุ่งแสวงหา "กำไรพิเศษ" จากธุรกิจผูกขาด

         3) ตำแหน่งสุดท้ายก่อนจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่รู้จักในฐานะ "นักธุรกิจสัมปทานผูกขาด" แต่พลเอกสุรยุทธ์เป็น "องคมนตรี"

         4) พลเอกสุรยุทธ์ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ได้ซื้อ กกต. ไม่ได้ซื้อเสียง ไม่ได้โกงเลือกตั้ง ไม่ได้ไล่ซื้อตัวนักการเมืองและพรรคการเมือง ไม่ได้เจรจาต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ เพื่อให้มาอยู่ใต้อาณัติของตนเอง

         5) พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบเดินห้างสรรพสินค้า ช็อปปิ้งกับภรรยา แต่พลเอกสุรยุทธ์ ชอบเดินป่า เสาะหาธรรมชาติและธรรมะ

         6) พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างภาพ "ซีอีโอ" (CEO) ของประเทศ จนทำให้สังคมไทยบางกลุ่มเกิด ความรู้สึกต่อนักการเมืองว่า "โกงบ้างก็ได้ แต่ขอให้ทำงาน" แต่พลเอกสุรยุทธ์ก้าวเข้ามาพร้อมกับ จุดยืนและภาพลักษณ์ของ "บุรุษแห่งคุณธรรม" และประกาศว่าจะบริหารราชการแผ่นดินโดยเน้นระบบ คุณธรรม

         7) พ.ต.ท.ทักษิณเน้นการสร้างตัวเลขจีดีพี (GDP) ของประเทศ เน้นการบริโภค การเพิ่มตัวเงิน และหนี้สินของประชาชน รวมทั้งการผลักดันประเทศไปสู่ทุนนิยมสามานย์ แต่พลเอกสุรยุทธ์ประกาศ เน้น "ความผาสุกของประชาชน" และแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง

         Cool พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทำลายเนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญหลายมาตราจนเหลือแต่แบบฟอร์ม เสมือนหนึ่งรัฐธรรมนูญถูกลบล้างจนไม่สามารถใช้งานได้จริง แต่พลเอกสุรยุทธ์มีหน้าที่จะต้องฟื้นคืน เนื้อหาสาระของประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ ทำให้รัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ได้จริงๆ

         9) พ.ต.ท.ทักษิณ ฉวยจังหวะเข้ามาสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในยามที่ประเทศกำลังมีกระแส ชาตินิยม อันเป็นผลจากภัยวิกฤติเศรษฐกิจ คนในชาติกำลังสมานฉันท์ร่วมกันต่อสู้กับภัยโลกาภิวัตน์ แต่ พลเอกสุรยุทธ์ต้องเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีในยามที่ประเทศชาติกำลังมีความแตกแยก ถูกยุยงปลุกปั่น แบ่งแยกทางความคิด ขาดความสมานฉันท์รุนแรง และยังต้องต่อสู้กับท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ไปพูด ชี้นำต่อต่างชาติว่า หากการเลือกตั้งของไทยถูกจัดการโดยสหประชาชาติ ตนเองน่าจะชนะเลือกตั้งได้ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

         10) พ.ต.ท.ทักษิณ มีเวลาให้ทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรี มีอำนาจเต็มที่ และได้กระทำต่อ บ้านเมืองมาตลอด 5 ปี แต่พลเอกสุรยุทธ์ มีเวลาในการปฏิบัติหน้าที่เพียง 1 ปี

         11) ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีพฤติกรรมที่สะท้อนความเชื่อถือเรื่องหมอดู ไม่ว่าจะเป็นหมอเขมร หรือหมอดูอีทีของพม่า ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเรื่องในทางไสย์ ไม่ใช่พุทธ แต่พลเอกสุรยุทธ์ เชื่อถือในพระพุทธศาสนา เคยบวชปฏิบัติธรรม ยึดมั่นในทางสายพุทธ ไม่ยึดติดเรื่องทางไสย์ และภารกิจ แรกที่กระทำในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือ การเข้าไปกราบสมเด็จพระสังฆราช

บันทึกการเข้า

"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
Sticker
Hero Member
*****

คะแนน 90
ออฟไลน์

กระทู้: 2160



« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2006, 07:31:31 PM »

...เป็นความแตกต่าง...ที่ดูเห็นเด่นชัด...ตามบุคลิกและนิสัย...+พฤติกรรมของ

บุคคล..๒ คน..ได้อย่างแจ่มชัดทีเดียวครับ..........

...การปกครองคนด้วยคุณธรรม....สำคัญกว่าสิ่งอืนใดครับ.............
บันทึกการเข้า

ความจำสั้น     แต่รักฉันยาว ...
C.J. - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 314
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5383


ขอ...นัดเดียว


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2006, 08:47:24 PM »

..ไม่สามารถเทียบกันได้ครับ....
บันทึกการเข้า

ธรรมของสัตบุรุษ

๑. ธัมมัญญุตา - รู้จักเหตุ ๒. อัตตัญญุตา - รู้จักผล ๓. อัตตัญญุตา - รู้จักตน ๔. มัตตัญญุตา - รู้ประมาณ ๕. กาลัญญุตา - รู้จักกาล ๖. ปริสัญญญุตา - รู้จักประชุมชน ๗. ปุคคลปโรปรัญญุตา - รู้จักเลือกบุคคล

http://www.dopaservice.com/eservice/content.do?ctm_id=gun&function=document&gro
อั๋น
ยอมแพ้ในวันนี้ เพื่อชนะในวันพรุ่งนี้
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 139
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3109



« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2006, 09:13:56 PM »

ขอขอบคุณครับ Smiley
บันทึกการเข้า

มาด้วยใจ ไปด้วยกัน
หมูแดง
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 19
ออฟไลน์

กระทู้: 234



« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2006, 09:14:27 PM »

ลูกดูทีวี แล้วบอกผมว่า "ท่านสุรยุทธ์ ที่พ่อพูดถึงบ่อยๆตั้งแต่หนูจำความได้ เป็นนายกแล้วละ"  เด็กยังรู้จักคนดี แต่ไฉน ห้าปีที่ผ่านมาหลายล้านคนเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ดังนั้นสำหรับ ทักษิณ ชื่อนี้ไม่อยากได้ยิน   อย่าให้กลับมาอีกนะ
บันทึกการเข้า

ขอบคุณที่ช่วยเหลือสินค้า OTOP
M 60 - 7 รักในหลวง
๗๗๖๙ "จับตาทุกความเคลื่อนไหว เฝ้าฟังทุกคำพูดของผู้คิดร้ายทำลายชาติ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1562
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2569



« ตอบ #5 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2006, 10:03:07 PM »

ท่านสุรยุทธ์มุ่งมั่นในความดีงาม  ส่วนอีกท่านมุ่งหวังกำไรและความร่ำรวย
บันทึกการเข้า
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2006, 10:03:29 PM »

 Smiley ขอบคุณครับ พี่Charoon
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
Sig228-kolok
KU47 AGGIE / SOTUS HS9VOL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2947
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 40236



« ตอบ #7 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2006, 10:16:03 PM »

ด้วยความเคารพครับ......



ขอบคุณครับ..................
บันทึกการเข้า

ขายที่ดิน 20 ไร่ บริเวณคลอง 8 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมฯ ไร่ละ 1.8 ล้าน โทร 086-2859988
กดที่นี่ >>http://www.wikimapia.org/#lat=14.0499777&lon=100.7824481&z=17&l=0&m=b
☆ *~PLOY~* ☆
Hero Member
*****

คะแนน 62
ออฟไลน์

กระทู้: 4190



« ตอบ #8 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2006, 10:43:23 PM »

               จะเปรียบว่าเป็น ฟ้ากับเหว ดีมั้ย....................... Huh
บันทึกการเข้า

[URL=h
xiehua dun
เรารักในหลวง
Hero Member
*****

คะแนน 134
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6209


ปัจจุบันวัดความดีของคนที่ กม.


« ตอบ #9 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2006, 12:38:19 AM »

ฟ้ากับร่องลึกทะเลคงจะเหมาะนะครับ
บันทึกการเข้า


เพราะฉันจะไป ด้วยหัวใจดวงนี้ สองขาที่มีจะปีนสู่ภูผา
เพราะฉันจะไป ให้เห็นความสุขแท้มันด้วยตา
เมื่อได้มองลงมาเห็นโลกในมุมอีกมุม     มันคงช่างงดงาม
FUFUFUFU
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2006, 01:37:25 AM »

  ช่างเปรียบเทียบดีครับ เห็นภาพเลย
 
บันทึกการเข้า
โป้ง*กันบอย - รักในหลวง
YOU'LL NEVER WALK ALONE
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1629
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16886


คนฮัก เต้าผืนหนัง........คนจัง เต้าผืนสาด


เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2006, 02:10:30 AM »

จาก นสพ. ไทยรัฐ 3 / 10 / 49
5 ปี 7 เดือนในมือแม้ว ไทยกำลังจะแพ้ญวน


พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าบริหารประเทศ เมื่อ 9 ก.พ. 2544 ด้วยมาดนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จรวยล้นฟ้า

ชาวบ้านร้านช่องฝันไปไกล ได้นักบริหารเศรษฐกิจมืออาชีพ...เมืองไทย คนไทยคงได้รวยตามท่านผู้นำ

5 ปี 7 เดือน 11 วันที่ผ่านไป มีผลงานชิ้นไหนบ้างที่บอกได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยดีขึ้น

ปลดหนี้ไอเอ็มเอฟ...จะว่าใช่ก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะมีผลงานรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ช่วยกู้ชาติให้พ้นวิกฤติเศรษฐกิจ

รวมอยู่ด้วย กู้เศรษฐกิจติดลบในปี 2541 ให้ฟื้นขึ้นมาเป็นบวก ประเทศชาติเลยมีเงินมีทองเก็บสะสมไว้

รัฐบาลทักษิณมารับช่วงต่อเลยมีเงินไปปลดหนี้ไอเอ็มเอฟ

จะว่ามีผลงานบริหารประเทศทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ตลอด 5 ปี เฉลี่ยแล้วทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นปีละ 5%

รัฐบาลชวน 2 สู้ไม่ได้ เพราะช่วงปี 42-43 นั้นทำเศรษฐกิจให้โตได้แค่ 4.4% กับ 4.6% เท่านั้น

แต่ปรากฏว่าเศรษฐกิจที่โตด้วยฝืมือทักษิณ...กลายเป็นโตแบบอมโรค อ้วนแบบบวมฉุ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจที่โตขึ้นนั้น...

คนไทยส่วนใหญ่กลับมีหนี้สินรุงรังเพิ่มมากขึ้น

การสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ...ปี 2543 สมัยรัฐบาลชวน 2 ครอบครัวคนไทยมีหนี้สินเฉลี่ย 35,636 บาทต่อครัวเรือน

ปี 2547 ครอบครัวคนไทยมีหนี้สินเพิ่มขึ้นมาเป็นครัวเรือนละ 57,776 บาท

เท่ากับว่ารัฐบาลทักษิณบริหารเศรษฐกิจ ทำให้ครอบครัวไทยมีหนี้เพิ่มขึ้นถึง 62%

นั่นเป็นผลมาจากบริหารเศรษฐกิจปั้นตัวเลขจีดีพีให้โต เพื่อสร้างภาพทางการตลาดลวงตาคนไทยว่าประเทศชาติร่ำรวย...

รวยกระจุก จนกระจาย

รวยเฉพาะในหมู่พรรคพวกคนใกล้ชิด...คนส่วนใหญ่จนโดยทั่วหน้า

แค่นั้นไม่พอ เมื่อหันไปดูเศรษฐกิจเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน... ประเทศเกิดใหม่อย่างเวียดนาม

5 ปีที่ผ่านไป ถ้ารัฐบาลทักษิณมีฝีมือบริหารเศรษฐกิจของประเทศได้เหมือนบริหารธุรกิจจริง

คงนำพาประเทศชาติแซงหน้าเวียดนามไปไกลลิบ

แต่ที่ไหนได้ สภาพเศรษฐกิจไทยไม่ต่างอะไรกับการถอยหลังลงคลอง โดนเวียดนามไล่บี้จี้หลังมาติดๆ

แถมเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมบางประเภท เวียดนามได้แซงหน้าเราไปแล้ว

“10 ปีที่แล้ว เวียดนามล้าหลังไทยประมาณ 40 ปี หรือเจริญพอๆ กับไทยในสมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

 แต่ช่วงเวลา 5 ปีหลังมานี่ เวียดนามเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีใหม่ ไล่ๆกับที่ประเทศไทยได้ พ.ต.ท.ทักษิณมาเป็นนายกรัฐมนตรี

ช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านไป เวียดนามพัฒนาเร็วมาก ตอนนี้ล้าหลังเราแค่ 10 ปีเท่านั้นเอง”

รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ยืนยัน

และที่บอกว่าเวียดนามล้าหลังกว่าไทย 10 ปี เป็นภาพสรุปโดยรวมทั้งประเทศ

ที่เวียดนามสู้ประเทศไทยไม่ได้ในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ระบบสาธารณูปโภค

ไฟฟ้า น้ำประปา ถนนหนทาง สนามบิน รวมทั้งตัวบทกฎหมายต่างๆ ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนจากต่างประเทศเหมือนของเรา

“รวมทั้งยังไม่ได้เป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก แต่คิดว่าไม่เกินปีหน้าเวียดนามคงได้เข้าเป็นสมาชิก WTO แน่

อุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นอุตสาหกรรมอีกอย่างที่เวียดนามยังสู้เราไม่ได้ แต่ถ้าพูดถึงเศรษฐกิจภาคการเกษตร

 สิ่งทอ แปรรูปอาหารทะเล รวมทั้งอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เวียดนามกำลังแซงหน้าเรา”

เห็นได้จากวันนี้เวียดนามสามารถส่งข้าวออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ ได้มากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากไทย

 ด้วยตัวเลขส่งออกข้าวปีละประมาณ 4-5 ล้านตัน

ส่วนของไทยนั้นส่งออกข้าวประมาณ 6 ล้านตัน

ถึงตัวเลขส่งออกจะสู้ไทยไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า เวียดนามผลิตข้าวได้น้อยกว่าเรา...

เวียดนามมีประชากร 84 ล้านคน ส่วนไทยมี 62 ล้านคน

เวียดนามกินข้าวเหมือนเรา มีคนกินข้าวมากขนาดนี้ ส่งออกไปก็ใกล้ เคียงกับไทย

ย่อมต้องผลิตข้าวได้มากกว่าเรา และที่สำคัญอย่าลืมว่า เวียดนามเป็นประเทศเกิดใหม่

ที่พึ่งจะลืมตาอ้าปาก ว่างเว้นสงครามเมื่อปี 2519 นี่เอง

และในอนาคตอันใกล้ ไม่เพียงจะเป็นคู่แข่งไทยในเรื่องข้าวเท่านั้น...ยางพาราก็เตรียมแข่งกับเรา

“เรื่องอุตสาหกรรมประมง และแปรรูปอาหารทะเลที่เมื่อก่อนเราเป็นเจ้าตลาด ตอนนี้เราสู้เวียดนามไม่ได้

บ้านเขาอุดมสมบูรณ์กว่าเราเมื่อก่อนเราเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในการส่งออกอาหารทะเลแปรรูป

ก็เพราะได้วัตถุดิบจากเวียดนาม แต่ตอนนี้เราเสียไปแล้ว เพราะเวียดนามทำเอง”

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เวียดนามพัฒนาได้รวดเร็วกว่าไทย ดร.สมภพ ชี้ว่ามาจากปัจจัยหลายอย่าง

ค่าแรงเวียดนามถูก ประมาณวันละ 70 บาท ของไทยวันละ 184 บาท...

ประชากรมีมากกว่าไทยแถมยังเป็นประชากรจำนวนมากเป็นคนหนุ่มสาววัยทำงาน

ส่วนของไทยประชากรน้อยแถมประชากรวัยทำงานมีน้อย

ประชากรอายุเกิน 60 ปี มีสูงถึง 40% ของประชากรทั้งประเทศ

เวียดนามมีแหล่งพลังงานเป็นของตัวเอง และส่งออกพลังงานไปจำหน่ายในต่างประเทศ

ส่วนไทยพลังงานมีน้อยนิด ต้องพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศถึง 90%

เวียดนามใช้การขนส่งสินค้าทางน้ำมาก และให้ความสำคัญในการขนส่งระบบราง

แต่ของไทยเน้นขนส่งทางบกเป็นหลัก ทางน้ำและระบบรางไม่สนใจพัฒนา

ทำให้การขนส่งสินค้าของไทยเลยมีต้นทุนสูงกว่าเวียดนาม

การศึกษาของเวียดนามดีกว่าไทย ในแง่รัฐบาลส่งเสริมให้คนได้ เรียนรู้ในเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สูงกว่าด้านสังคมศาสตร์... ส่วนคนไทยได้เรียนเรื่องสังคมศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ขนาดกฎหมายขีดเส้นต้องปฏิรูปการศึกษาให้แล้วเสร็จแต่ปี 2545...ทักษิณเป็นนายกฯ เกือบ 6 ปี

ถูกคณะปฏิรูปฯ ตะเพิดไปแล้ว วันนี้ปฏิรูปการศึกษาก็ยังไม่เสร็จ

“ปัจจัยสำคัญอีกอย่างที่ทำให้เวียดนามพัฒนาได้เร็วนั่นก็คือ นโยบายของรัฐบาลชัดเจน เป็นรูปธรรม

และมีปฏิบัติตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ทุกประการ

แตกต่างกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลทักษิณ แต่ละอย่างล้วนแล้วแต่เป็นนโยบายไม้หลักปักเลน

ไม่มีนโยบายเศรษฐกิจไหนเลย ที่ปฏิบัติอย่างเป็นจริงเป็นจัง นโยบายแต่ละอย่างล้วนเป็นทำตามกระแส

สร้างภาพทางการตลาดโฆษณาให้ชาวบ้านเคลิ้มฝันไปวันๆ

ตอนแรกบอกว่าจะสร้างประเทศไทยให้เป็นฮับแฟชั่น เอางบ ประมาณมาใช้แล้วก็เงียบ

พอกระแสครัวไทยครัวโลกดัง ก็ประกาศนโยบายจะทำประเทศไทยให้เป็นครัวของโลก

พอกระแสโลกเรื่องฟู้ดเซฟตี้มาแรง ประกาศนโยบายจะทำ โลจิสติกดังก็ประกาศจะปรับปรุงระบบโลจิสติกของไทย

แล้ววันนี้นโยบายที่กล่าวมา มีอันไหนบ้างที่มีการปฏิบัติและทำให้ เศรษฐกิจประเทศไทยเป็นไปตามทิศทางนั้นบ้าง

 แม้แต่นโยบายปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเกษตร ปรับเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรม

ที่ประกาศไว้ตอนเป็นรัฐบาลใหม่ๆ ก็ไม่มีการปฏิบัติจริง”

เมื่อนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ เป็นเหมือนไม้หลักปักเลนอย่างนี้ นักลงทุนจะคาดการณ์ทิศทางการลงทุนให้ถูกต้องได้อย่างไร

บวกกับพฤติกรรม เรียกค่าหัวคิวแพง และข่าวลือธุรกิจใดที่รุ่งเรือง อนาคตไกล มีรายการฮุบมาเป็นสมบัติของพวกตัวเอง

ฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลก...ทำไม 5 ปี 7 เดือน 11 วัน ที่คนไทย ปล่อยให้เขาครองประเทศไทย...

พวกเขายิ่งร่ำรวย แต่ประเทศชาติยิ่งย่ำแย่ และประชาชนยิ่งยากจน.

 
บันทึกการเข้า


INHO
Full Member
***

คะแนน 29
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 200


ขันติ เมตตา เสียสละ ให้อภัย และปล่อยวาง


« ตอบ #12 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2006, 07:06:44 AM »

ยังกับเหรียญ  2 ด้าน
บันทึกการเข้า
น้าพงษ์...รักในหลวง
1911ต้อง.โค้ลท์.ที่เหลือคือก๊อปปี้.ลอกพี่.มะขิ่นครับ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 508
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9922


« ตอบ #13 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2006, 07:48:58 AM »

เทียบกันไม่ได้เลย ขอบคุณครับ Grin
บันทึกการเข้า

...ประเทศไทย.ไม่ใช่ที่สำหรับใครที่จะมา.ฝึกงาน...
BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #14 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2006, 08:09:47 AM »

..เทียบกันไม่ได้ครับ...ท่าน สุรยุทธ์ ท่านมีคุณค่าความดี..สูงกว่าคนที่ชื่อทักษิณ เยอะ...
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.061 วินาที กับ 20 คำสั่ง