จากเหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วภาคใต้เมื่อค่ำวันที่ 21 พ.ค.2556 นำไปสู่การออกมาตอกย้ำให้เร่งสร้าง
โรงไฟฟ้าแห่งใหม่ในภาคใต้ของใครบางคน..ลองมาทำความเข้าใจในหลักการของระบบสายส่ง
ไฟฟ้ากันดูนะครับว่าจริงดั่งเขาว่าหรือเปล่า...ผมจะตั้งชื่อให้กลุ่มโรงฟฟ้าที่ต่างๆในภาคใต้ว่า โรง-
ไฟฟ้าในท้องที่ และโรงไฟฟ้าจากภาคกลางว่าโรงไฟฟ้านอกท้องที่ โดย ณ ปัจจุบันโรงไฟฟ้าใน
ท้องที่ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ก็จะส่งขึ้นระบบสายส่งไปจ่ายให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วภาคใต้
โรงไฟฟ้าทุกโรงในท้องที่จะทำการขนานไฟฟ้าเข้าด้วยกันทั้งหมด(Synchronise) เพราะโรงใดโรงหนึ่ง
จะไม่สามารถจ่ายกระแสไฟให้ภาคใต้ทั้งหมดได้ ซึ่งปัจจุบันการใช้ไฟฟ้าของภาคใต้เกินกำลังการผลิต
ของโรงไฟฟ้าในท้องที่ดังนั้นจึงต้องส่งไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านอกพื้นที่ไปช่วย เมื่อเกิดเหตุการสายส่งจาก
โรงไฟฟ้านอกพื้นที่ขัดข้องจนไม่สามารถส่งไฟไปช่วยเหลือได้ตามที่ กฝผ แจ้งคือเกิดเหตุฟ้าผ่าสายส่ง
1 ชุด และกำลังซ่อมบำรุงอีก 1 ชุด ซึ่ง 2 ชุดนี้เป็นเส้นทางหลัก 500 KV ที่จะส่งไฟไปช่วยภาคใต้
เมื่อทั้งสองเส้นทางไม่สามารถส่งไฟฟ้าไป ขนานเข้ากับโรงไฟฟ้าในท้องถิ่นได้ กฝผ.ก็ได้จัดส่งไฟไปในอีก
เส้นทางคือ เส้นทาง 230 KV แต่ไม่พอต่อการใช้ไฟ เมื่อความต้องการมากแต่กำลังผลิตน้อย และโรง
ไฟฟ้าผลิตเกินกำลัง ความถี่และแรงดันไฟฟ้า ก็ตก ระบบการป้องกันความเสียหายจาก ความถี่ตก ก็
ตัดการจ่ายกระแสไฟ จากโรงไฟฟ้านอกพื้นที่ออก จึงกระทบไปยังโรงไฟฟ้าในท้องที่ รับภาระการจ่าย
ไฟฟ้าเกินกำลังไปด้วยทำให้ ความถี่และแรงดันตก ระบบการป้องกันจึงตัดการส่งจ่ายไฟฟ้าเพราะทุก
โรงไฟฟ้า ขนานไฟฟ้าเข้าด้วยกัน (ยกตัวอย่างว่า เสาไฟฟ้าทุกต้นมีสายไฟพาดผ่านถึงกันทุกต้น เมื่อ
ต้นนึงโดนฟ้าผ่าจนเสาล้ม สายไฟที่พาดอยู่ทุกต้นก็จะดึงให้เสาต้นอื่นๆล้มตามไปด้วย) ....
ดังนั้นโรงไฟฟ้านอกพื้นที่ไม่มี ย้ายไปสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่แทน เหตุการณ์ฟ้าผ่าระบบสายส่งก็เกิดขึ้น
ได้เหมือนกัน และถ้าเกิดเหตุขัดข้องในระบบสายส่งโรงไฟฟ้าใดโรงไฟฟ้านึง เหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่ว
ภาคใต้ ก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน จึงไม่ใช่เอาเหตุการณ์ฟ้าผ่าสายส่ง มาอ้างแล้วว่าสมควรสร้างโรงไฟฟ้า
เพิ่มอีกโรงในภาคใต้ (ผมไม่ได้ปฏิเสธโรงไฟฟ้า แต่ผมเห็นว่าจะมาสมอ้างกับเหตุการณ์ไม่ถูก) การทำ
ให้ระบบสายส่งมีความเข้มแข็งมากขึ้น น่าจะทำก่อน ครับ
จาก
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=318072858322712&id=100003600006035