เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤษภาคม 13, 2025, 05:31:52 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: การทำนา ของบ้านผมครับ  (อ่าน 776 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
black-army
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 827
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4100



เว็บไซต์
« เมื่อ: มิถุนายน 25, 2014, 08:25:50 PM »

จังหวัดพัทลุง เป็นแหล่งผลิตพืชผลทางการเกษตรมากมาย ทั้งผัก ไม้ผล ยางพารา โดยเฉพาะข้าวสังข์หยด ที่นับเป็นพันธุ์ข้าวพันธุ์แรกของไทยที่ได้รับการรับรองให้เป็นสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือข้าวจีไอ (GI) ซึ่งความโดดเด่นเหล่านี้ทำให้จังหวัดพัทลุงได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 6 จังหวัดนำร่องโครงการเมืองเกษตรสีเขียว

นายปรีชา โพธิ์ปาน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 12 กรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า จังหวัดพัทลุงได้รับคัดเลือกให้เป็นจังหวัดนำร่องเมืองเกษตรสีเขียวในสาขาเกษตรผสมผสาน คือ ข้าว ผัก ผลไม้ ปศุสัตว์ และยางพารา ดังนั้น การพัฒนาที่ดินมุ่งสู่เมืองเกษตรสีเขียวจึงมีความหลากหลายตามไปด้วย เช่น พื้นที่นาข้าว ซึ่งมีการใช้ประโยชน์ที่ดินต่อเนื่องยาวนาน ทำให้ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งปัญหาดินกรด จึงเน้นไปที่การปรับปรุงบำรุงดินโดยใช้ปุ๋ยพืชสด คือ ปอเทือง ปลูกและไถกลบเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดิน เมื่อปลูกข้าวที่เป็นพืชหลักก็จะช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้เป็นอย่างดี พร้อมกันนั้นก็จะมีกิจกรรมรณรงค์งดเผาตอซังฟางข้าว ซึ่งไม่เพียงแต่ไปทำลายธาตุอาหารในดินแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเกิดเป็นก๊าซเรือนกระจกสาเหตุของภาวะโลกร้อนด้วย

ขณะนี้ได้ดำเนินโครงการเมืองเกษตรสีเขียว ในพื้นที่หมู่ 7 ต.โตนดด้วน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง โดยมีกิจกรรมการปรับปรุงบำรุงดินโดยใช้ปุ๋ยพืชสด 3,000 ไร่ ปรับปรุงพื้นที่ดินกรดโดยใช้วัสดุปูน 2,000 ไร่ รณรงค์ไถกลบตอซัง 1,000 ไร่ ส่งเสริมการผลิตปุ๋ยหมัก สูตรพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 150 ตัน ส่งเสริมการผลิตน้ำหมักชีวภาพ เก็บตัวอย่างดินเพื่อเปรียบเทียบคุณสมบัติของดินก่อน-หลังการใช้ผลิตภัณฑ์ของกรมพัฒนาที่ดิน ตลอดจนฝึกอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการปรับปรุงบำรุงดินให้กับเกษตรกร 2,500 ราย อย่างไรก็ดี คาดว่าพื้นที่ที่ได้รับการปรับปรุงบำรุงดินจะสามารถเพิ่มอินทรียวัตถุ ทำให้ดินมีสภาพสมบูรณ์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้กับเกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายได้ ไม่ต่ำกว่า 25,000 ไร่

ทีนี้ หันมาดูทางด้านเกษตรกรกันบ้าง... นายสมบัติ ยังฤทธิ์ เกษตรกรในพื้นที่หมู่ 7 ที่เข้าร่วมโครงการเมืองเกษตรสีเขียว จังหวัดพัทลุง เล่าให้ฟังว่า เขามีพื้นที่อยู่ 6 ไร่ ปลูกข้าวทั้งพันธุ์สังข์หยด เล็บนกและชัยนาท 1 แต่ก่อนใช้ปุ๋ยเคมีอย่างเดียว โดยใช้ประมาณ 50 กก.ต่อไร่ ต้นทุนไร่หนึ่งไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท ขณะที่ผลผลิตข้าวอยู่ที่ 450 กก.ต่อไร่ ส่วนเรื่องสารเคมีกำจัดศัตรูข้าวนั้นดีอยู่อย่างที่พื้นที่ภาคใต้ไม่ค่อยมีปัญหาแมลงศัตรูข้าวอย่างเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล มีเพียงปัญหาหอยเชอรี่ที่จำเป็นต้องอาศัยสารเคมีในการกำจัด เมื่อคำนวณรายจ่ายในการทำนากับรายได้ในการขายข้าวโดยเฉพาะถ้าเป็นข้าวพันธุ์ชัยนาท 1 ขายได้ที่เกวียนละ 6,000 บาท พันธุ์เล็บนกขายได้ 12,000 บาท นับว่าไม่ค่อยสมดุล บางปีถึงขั้นขาดทุนเลยก็มี แต่ถ้าเป็นพันธุ์สังข์หยดจะรายได้ดีหน่อยคือขายได้เกวียนละ 20,000 บาท

หลังจากกรมพัฒนาที่ดินเข้ามาทำโครงการเมืองเกษตรสีเขียว และอบรมถ่ายทอดความรู้เรื่องการปรับปรุงบำรุงดิน ส่งเสริมให้ปลูกปอเทืองแล้วไถกลบเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดิน ร่วมกับการใช้ปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เขาก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยใช้เคมีให้น้อยที่สุด เช่น แต่ก่อนเคยใช้ยาฆ่าหอยเชอรี่ก็เปลี่ยนมาจับไปทำน้ำหมักชีวภาพแทน ซึ่งหลังจากได้ปรับปรุงบำรุงดินตามแนวทางของกรมพัฒนาที่ดิน ผลที่เห็นเด่นชัดคือ ดินดีขึ้น สังเกตจากมีไส้เดือน และมีกุ้ง หอย ปู ปลา อาศัยอยู่ในแปลงนาไม่เหมือนตอนใช้เคมี ไม่ค่อยมีสัตว์มาอาศัย

อีกอย่างที่ตามมาคือ ผลผลิตข้าวเริ่มเพิ่มขึ้นเป็น 500 กก.ต่อไร่ แม้ว่าจะไม่ได้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมนักแต่เมื่อเทียบกับต้นทุนที่ลดลงจากการลดการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมี คือจะใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยเขาได้นำตัวอย่างดินไปวิเคราะห์ พบว่า ดินขาดธาตุอาหารโพแทส เซียม ก็จะใช้ปุ๋ยที่เพิ่มแค่ธาตุโพแทสเซียมอย่างเดียวไม่ต้องใส่ตัวอื่น ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงอย่างมากและมีรายได้คงเหลือเป็นที่น่าพอใจ

“ผมมองว่าการทำเกษตรสีเขียวลดการพึ่งพาเคมีเป็นทางรอดของเกษตรกรอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่สุขภาพของเกษตรกรที่จะดีขึ้นเพราะไม่ต้องสัมผัสกับสารเคมีเป็นประจำแล้ว ยังเป็นผลดีต่อผู้บริโภคอีกด้วย ซึ่งทุกวันนี้ข้าวที่ผลิตในพื้นที่ตำบลโตนดด้วนได้รับความนิยมจากผู้บริโภคต่างถิ่นมากขึ้น โดยเฉพาะมีเกษตรกรที่ปลูกข้าวเหมือนกันแต่ยังใช้สารเคมี มาซื้อข้าวจากพวกเราไปกินเพราะเขาไม่กล้ากินข้าวที่ตัวเองปลูกเพราะรู้ว่าไม่ปลอดภัย แต่เขากลับส่งข้าวพวกนี้ไปสู่ตลาดและผู้บริโภคแทน”

สุดท้าย นายสมบัติ กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า ...ผมเห็นว่าโครงการเมืองเกษตรสีเขียวเป็นโครงการที่ดีมากและจำเป็นต้องมีการขยายผลสู่พี่น้องเกษตรกรมากขึ้น เพื่อให้ทุกคนปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมก็จะได้ปลอดภัยด้วย...  

http://m.dailynews.co.th/News.do?contentId=247432&p=1


    อันที่จริง  ชื่อ นายสมบัติ    เรืองฤทธิ์  ครับ   เป็น พ่อ ผมเอง ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 25, 2014, 08:30:24 PM โดย black-army » บันทึกการเข้า

           
จากกุ๊ยข้างถนน    ดิ้นรนรับใช้ชาติ   ไพรีจงพินาศ  มิได้ขลาดเพื่อชาติพลี
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2014, 08:33:22 PM »

สู้ สู้ครับ เกษตรสีเขียว Grin Grin Grin นับถือ
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40176


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2014, 08:36:01 PM »

อ้อ  มรันหล่อได้พ่อนี่เอง
บันทึกการเข้า
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2014, 11:00:41 PM »

อ้อ  มรันหล่อได้พ่อนี่เอง


ว่าตามนั้นด้วยคนครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
cz_dee *รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 236
ออฟไลน์

กระทู้: 893



« ตอบ #4 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2014, 12:08:21 AM »

สุดยอดครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1960
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22591


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #5 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2014, 12:10:21 AM »

เยี่ยมครับ...

+1 ครับ...เยี่ยม
บันทึกการเข้า
✿ตุ๊ก...ครับ✿
Full Member
***

คะแนน 86
ออฟไลน์

กระทู้: 335



« ตอบ #6 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2014, 12:29:27 AM »



     จังหวัดเลยที่ผมอยู่ใช้สารเคมีจำนวนมากเป็นอันดับต้นๆของประเทศเพื่อการเกษตร ทั้งยาฆ่าหญ้า ยาคุมหญ้า ยาฆ่าแมลง ยาเบื่อหนู...

     เท่าที่เห็นโดยไม่ต้องสังเกตุ...ชนิดและจำนวนของนก ที่แต่ก่อนมีหลายชนิดและพบได้บ่อย บางชนิดหายไปเลย(เช่นนกขาบ นกสวยที่ชอบกินแมลง ลีลาโฉบไล่กินแมลงน่าดูชม)นกกระปูดหาดูยากขึ้น นกกระยางแทบไม่เห็นเลย

     แต่ไอ้ที่เอายามาตั้งใจฆ่า มันกลับยังอยู่ให้ฆ่าไม่รู้จบสิ้น
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.042 วินาที กับ 21 คำสั่ง