เมื่อ นศ. ม.จุฬาฯ หวาดเสียว ฉิวเฉียดความตาย
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000087795ตำรวจชุดสืบสวน สน.บางชนยิงสกัดรถยนต์ นิสิต จุฬาฯ ภายในซอยรามคำแหง 118 นศ.สาวตกใจ ขับหนีจนชนระนาว ด้าน รอง ผบก.น.4 แจง เจ้าหน้าที่เข้าใจผิดว่าเป็นรถผู้ต้องสงสัยคดีเสพติด ด้าน ยันสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมให้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้(2 ส.ค.) ร.ต.ท.กันตภณ สักขาพรม พงส.สน.บางชัน ได้รับแจ้งเหตุว่ารถชนกันหลายคันภายในซอยรามคำแหง 118 แยก 44-5 แขวง และเขต สะพานสูง กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาก่อนรุดเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางชัน และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุพบรถเก๋ง ยี่ห้อซูซูกิ สวิฟท์ สีเทา หมายเลขทะเบียน 1กฆ1993 กรุงเทพ สภาพรถด้านท้ายรถถูกชนยับ กระจกหลังแตก ยางรถฝั่งขวาแตกทั้งล้อหน้าและหลัง
น.ส.อภีษฎา สัจพันโรจน์ อายุ 21 ปี นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชั้นปีที่3 คณะนิติศาสตร์ เจ้าของรถคันดังกล่าวให้การว่า ตนเองพักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่บ้านพฤกษชาติ ซอยรามคำแหง 118 แยก 46-10 แขวง-เขตสะพานสูง เมื่อ 11.00 น.ตนได้ขับรถคันดังกล่าวออกจากบ้านพักเพื่อที่จะไปหาเพื่อนที่จุฬาฯ โดยใช้เส้นทางลัดภายในซอยรามคำแหง 118 แยก 33 เพื่อไปออกยังถนนกาญจนาภิเษกซึ่งใช้อยู่เป็นประจำ ขณะที่กำลังขับรถอยู่ ถนนภายในซอยซึ่งมีลักษณะ 2 เลนสวนกัน สังเกตเห็นว่ามีรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ขับแซงขึ้นมา ตนเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งเมื่อไปถึงทางสามแยก บริเวณซอยรามคำแหง 118 แยก 33-8 ขณะที่รถจอดติดอยู่เพื่อรอเลี้ยว พบเห็นชายฉกรรจ์ 4 คนเดินลงมาจากรถกระบะคันดังกล่าว ตรงมายังรถที่ตัวเองขับขี่อยู่ โดยชายทั้ง 4 ได้ล้อมรถไว้ทั้ง 4 ประตู หนึ่งในชายฉกรรจ์ได้เคาะกระจกและบังคับให้ตนลงจากรถ ตนตกใจมาก จึงปีนไปยังเบาะหลัง พร้อมทั้งพยายามโทรศัพท์ติดต่อแม่ แต่แม่ยังไม่ทันรับโทรศัพท์ ตนเห็นท่าไม่ดี จึงกลับไปยังที่นั่งคนขับ พร้อมกันนี้ได้เหลือบไปเห็นว่าชายคนหนึ่งที่ยืนติดกับประตูฝั่งคนขับ มีปืนเหน็บอยู่ที่เอว ด้วยความตกใจจึงพยายามถอยรถหนี
น.ส.อภีษฎา ให้การต่อว่า เวลานั้นตนเองไม่ได้คิดอะไร พยายามถอยรถออกจากที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด ขณะที่ด้านหลังมีรถเบนซ์ ไม่ทราบรุ่น พยายามถอยเช่นกัน แต่เราถอยรถไปชนรถเบนซ์ก่อนที่รถเบนซ์จะขับหนีไป หลังจากนั้น ชายฉกรรจ์ 3 คนกลับเข้าไปยังรถกระบะ ส่วนชายอีกคนหนึ่งเดินเข้าหาพร้อมทั้งใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ยางรถยนต์ ด้านล้อหน้าฝั่งคนขับ ถึงตอนนี้ตนตกใจมากและถอยรถหนีอย่างไม่คิดชีวิต ทำให้รถตนเองชนไปกับรถคันอื่น จากนั้นเมื่อรถมาถึงปากซอยรามคำแหง 118 แยก 33 ตนเองตั้งหลักหันหัวรถได้ จึงรีบขับกลับมายังซอยรามคำแหง 118 แยก 44 แต่รถเสียการทรงตัวเพราะยางแตก ตนจึงจอดรถข้างทาง จากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์จากรถคันดังกล่าวได้เดินลงมาจากรถ ครั้งนี้ชายฉกรรจ์ทั้ง 4 ห้อยบัตรแสดงตัวว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนที่จะบอกให้ตนเองลงจากรถ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นายก็ค้นรถตนเองแต่ไม่เจออะไร ระหว่างนั้นทางญาติของตนเองเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุพอดี หลังจากที่เจ้าหน้าที่ค้นรถเสร็จก็จะเข้าจับกุมตนเอง แต่ทางญาติให้สอบถามว่าเกิดเรื่องอะไร ทำไมถึงทำแบบนี้ ทางเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 คนจึงได้ขับรถออกไปจากที่เกิดเหตุทันที
น.ส.อภีษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกตกใจกลัวมาก เพราะว่าทางเจ้าหน้าที่มาแบบชายฉกรรจ์ ไม่มีการแสดงตัวหรือโชว์บัตรก่อน ถึงแม้จะโชว์บัตรก็ไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากตนกับแม่ เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อน แต่ไม่รุนแรงเท่านี้ โดยเหตุเกิดเมื่อประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 3-4 ทุ่มตนนั่งรถยนต์มากับแม่เพื่อที่จะกลับเข้าบ้าน เมื่อขับมาถึงซอยรามคำแหง 118 แยก 46-8 ใกล้กับสโมสรกสิกร มีรถกระบะสีดำ มีชายฉกรรจ์ลงมา 3-4 คนทำทีมาขออนุญาตตรวจค้น พอค้นไม่เจออะไรก็ไป จากนั้นได้ให้ญาติที่รู้จักกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางชันสอบถามว่ามีชุดทำงานลงพื้นที่มาตรวจรถต้องสงสัยจับยาเสพติดหรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางชันยืนยันว่าไม่มี จึงมั่นใจว่าน่าจะเป็นพวกตำรวจปลอม กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ในวันนี้ แต่ครั้งนี้รุนแรง คิดว่าต้องเสียชีวิตไปแล้ว แต่โชคดีที่เหตุเกิดอยู่ใกล้ละแวกบ้านพัก อยากเรียกร้องให้ยึดหลัก ระเบียบ กฎเกณฑ์ คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้บริสุทธิ์ การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นการทำเกินกว่าเหตุ ปฏิบัติหน้าที่ไม่เหมาะสม ทำให้ประชาชนรู้สึกแย่ เสียขวัญและกำลังใจ ทำให้รู้สึกว่าประชาชนพึ่งพาไม่ได้ กลับต้องมาได้รับอันตรายจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียเอง
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณภายในซอยรามคำแหง 118 แยก 33-8 เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุน ขนาด 9 มม.จำนวน 5 ปลอก นอกจากนั้นยังพบร่องรอยการเฉี่ยวชน ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บรวมรวมหลักฐานทั้งหมด
ด้าน พ.ต.อ.สาโรจน์ ซุ่นทรัพย์ รอง ผบก.น.4 กล่าวว่าสำหรับเรื่องดังกล่าว เบื้องต้นได้รับรายงานแล้ว โดยเป็นงานทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.บางชันได้ลงพื้นที่ในการตรวจรถต้องสงสัย เพื่อจับกุมยาเสพติด แต่เกิดเหตุการณ์เข้าใจผิด คิดว่าเป็นรถคันดังกล่าวเป็นรถของผู้ต้องสงสัย จึงพยายามเข้าจับกุมและตรวจสอบ ขณะนี้ได้ให้ผู้เสียหายไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ส่วนจะเรียกร้องหรือว่าจะเอาผิดอย่างไรก็ว่ากันอีกที อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้รอง ผกก.สส.สน.บางชัน ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว ส่วนจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบหรือไม่ ต้องรอดูผลการชี้แจ้งของผู้บังคับบัญชาในสายงานก่อน ซึ่งจะตรงตามมาตรา 157 เจ้าหน้าที่กระทำการเกินกว่าเหตุหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ต้องตรวจสอบอีกครั้ง