เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤษภาคม 13, 2025, 03:12:05 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ขอคำปรึกษาด้านกฏหมายหน่อยครับ  (อ่าน 3461 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
แปจีหล่อ
Hero Member
*****

คะแนน 6324
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8251



« เมื่อ: สิงหาคม 09, 2014, 11:17:43 AM »

 เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
bigbang
จงใช้สติก่อนใช้ปืน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1018
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6603


รูปจากเวปผู้จัดการครับ


« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2014, 11:59:36 AM »

เบื่อพวกที่ไม่รักษาสัญญา แล้วยังเอาเปรียบอีก
ความเห็นผมนะ เจรจาไกล่เกลี่ยได้ก็ดีแต่จ่ายเงินคืนพร้อมค่าเสียเวลาเท่าดอกเบี้ยที่ศาลเคยกำหนด 7%
แต่หากฟ้องร้องแล้วชนะก็ได้ราวๆนี้มังครับ แต่จำเลยต้องจ่ายค่าทนายให้เรา อย่างไรก็ดีลองดูความเห็นท่านอื่นหรือ
เพื่อนๆทนายในเวปเราอีกทีครับ
บันทึกการเข้า

อเสวนา จะ พาลานัง
แปจีหล่อ
Hero Member
*****

คะแนน 6324
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8251



« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2014, 12:04:29 PM »

เบื่อพวกที่ไม่รักษาสัญญา แล้วยังเอาเปรียบอีก
ความเห็นผมนะ เจรจาไกล่เกลี่ยได้ก็ดีแต่จ่ายเงินคืนพร้อมค่าเสียเวลาเท่าดอกเบี้ยที่ศาลเคยกำหนด 7%
แต่หากฟ้องร้องแล้วชนะก็ได้ราวๆนี้มังครับ แต่จำเลยต้องจ่ายค่าทนายให้เรา อย่างไรก็ดีลองดูความเห็นท่านอื่นหรือ
เพื่อนๆทนายในเวปเราอีกทีครับ
ขอบคุณครับ ถ้าว่าเป็นคนยากคนจนก็ว่าไปอย่างครับจะว่าไม่มีเงินมาจ่ายคืนจริงๆ
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
yutthakarn
Hero Member
*****

คะแนน 554
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2354


สิ่งที่คนต้องการ คือ โอกาส


« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2014, 01:18:40 PM »

เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งครับ คงจะดำเนินคดีอาญาไม่ได้ ถ้าแจ้งความร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนคงไม่รับแจ้งความ ถ้าจะดำเนินคดี ก็เป็นการฟ้องคดีแพ่งครับ
บันทึกการเข้า
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2014, 02:59:32 PM »

เหมือนผมเลย ซื้อมาสิบปีแล้วยังโอนให้ผมไม่ได้เลย ผมจ่ายให้แค่ครึ่งเดียวแล้วผมกรีดยางจนได้เงินมากกว่าที่ผมจ่ายไปแล้วครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #5 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2014, 03:09:14 PM »

เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ไหว้

ไม่ใช่สัญญาซื้อขายที่ดิน  แต่เป็นสัญญาจะซื้อ จะขาย ที่ดิน
เป็นเรืองทางแพ่ง ครับ คุณ visa จักต้องฟ้องคดีแพ่ง จึงจะได้เงินคืน เรื่องดำเนินคดี เมื่อคุณจัดการเองไม่ได้ ก็ต้องใช้ทนายความ

เมื่อเขาทำงานให้กับคุณ เขาต้องได้ค่าจ้าง จะเป็นเท่าไร ก็ตกลงกันก่อน  
ถ้าพอใจ ก็ให้เขาจัดการให้ ถ้าไม่ฟ้องก็ไม่มีทางได้เงินคืน ถ้าปล่อยไว้นาน ระวังเรื่องอายุความ แล้วจะไม่ได้อะไรเลย ครับ
บันทึกการเข้า

แปจีหล่อ
Hero Member
*****

คะแนน 6324
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8251



« ตอบ #6 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2014, 04:32:26 PM »

ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาแนะนำครับ
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #7 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2014, 04:50:44 PM »


 เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาท
กำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)

ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร
พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ

แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน
ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับ

ใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจ
แบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสน
ไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ไหว้




ไม่ใช่สัญญาซื้อขายที่ดิน  แต่เป็นสัญญาจะซื้อ จะขาย ที่ดิน
เป็นเรืองทางแพ่ง ครับ คุณ visa จักต้องฟ้องคดีแพ่ง จึงจะได้เงินคืน
เรื่องดำเนินคดี เมื่อคุณจัดการเองไม่ได้ ก็ต้องใช้ทนายความ

เมื่อเขาทำงานให้กับคุณ เขาต้องได้ค่าจ้าง จะเป็นเท่าไร ก็ตกลงกันก่อน 
ถ้าพอใจ ก็ให้เขาจัดการให้ ถ้าไม่ฟ้องก็ไม่มีทางได้เงินคืน
ถ้าปล่อยไว้นาน ระวังเรื่องอายุความ แล้วจะไม่ได้อะไรเลย ครับ





55555  อ้าวพี่แป   เป็น  " ศิลปิน Visa  " เหรอ อ่ะ ฮา 55555 ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #8 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2014, 06:06:57 PM »

ชิหายแระ....เค้ามียึกยักกันด้วยเหรอครับ เพิ่งมัดจำไว้แปลงนึง บอกสิ้นเดือนนี้โอนกัน คนไม่รู้จัก เจอกันทีเดียว ร้านกาแฟ เราใจง่าย วางมัดจำไปแระ  ตกใจหน้าซีด   คิก คิก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 10, 2014, 01:56:58 AM โดย เบิ้ม » บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #9 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2014, 06:26:56 PM »

http://www.fpmconsultant.com/htm/advocate_dtl.php?id=440

เรื่องที่ 440 ทนายสอนน้อง ...เรื่อง อายุความตามมูลหนี้สัญญาจะซื้อจะขาย


เรื่อง     ขอคำปรึกษา
เรียน     ที่ปรึกษากฎหมาย

คำถาม
               อยากทราบว่ามูลหนี้ตามสัญญาจะซื้อจะขาย  มีอายุความกี่ปี และเริ่มนับตั้งแต่เมื่อไรค่ะ
               ขอบคุณค่ะ

ตอบคำถาม
               ตามที่ท่านได้ขอคำปรึกษาเรื่อง “มูลหนี้ตามสัญญาจะซื้อจะขายมีอายุความกี่ปี
และเริ่มนับอายุความตั้งแต่เมื่อไร” นั้น ที่ปรึกษากฎหมายขอเรียนให้คำปรึกษาดังนี้

               1. อายุความสัญญาจะซื้อจะขาย

                   1.1) สัญญาจะซื้อจะขายคือสัญญาที่คู่สัญญามีเจตนาจะโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
ให้ถูกต้องตามแบบของกฎหมาย
                   1.2) ในการทำสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์ หรือสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ
หรือสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาสองหมื่นบาทขึ้นไปต้องทำเป็นหนังสือ
ลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ   หรือได้วางประจำไว้  หรือได้ชำระหนี้บางส่วน

สัญญาจะซื้อจะขายจึงจะฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ ตามป.พ.พ.มาตรา 456

                   เช่น ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแปลงหนึ่งในราคาแปลงละ 3,000,000 บาท
โดยนัดจะไปจดทะเบียนโอนที่ดินกันในวันเดียวกันนี้ของปีหน้า
โดยผู้ซื้อได้วางเงินมัดจำให้ไว้แก่ผู้ขายเป็นเงิน  100,000 บาท
และคู่สัญญายังตกลงกันอีกว่า จะมาทำหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินดังกล่าวภายใน 7  วัน
เพื่อกำหนดงวดการชำระเงินค่าที่ดิน เช่นนี้

แม้ว่าสัญญาซื้อขายที่ดินซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์กฎหมายบัญญัติให้ต้องทำตามแบบของกฎหมาย
คือ ต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ สัญญาซื้อขายจึงจะสมบูรณ์

แต่กรณีนี้เป็นสัญญาจะซื้อจะขาย แม้ยังไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในขณะที่ทำสัญญา
สัญญานี้ก็ไม่ตกเป็นโมฆะ เนื่องจากคู่สัญญามีเจตนาที่จะดำเนินการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว
ถ้าคู่สัญญาผิดสัญญาอีกฝ่ายหนึ่งก็สามารถบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญาได้
เพราะมีหลักฐานการบังคับคดีแล้ว คือได้วางมัดจำนั่นเอง

                   1.3) อายุความตามมูลหนี้สัญญาจะซื้อจะขายไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เฉพาะ
จึงให้มีกำหนดอายุความสิบปี ตาม ป.พ.พ.มาตรา 193/30
 “อายุความนั้น ถ้าประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นมิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ ให้มีกำหนดสิบปี”

                   คำพิพากษาฎีกาที่ 1624/2535, 6368/2541 การฟ้องบังคับตามสัญญาจะซื้อขาย
ไม่มีกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะว่าให้ใช้บังคับเสียภายในระยะเวลาเท่าใด จึงมีอายุความ 10 ปี


               2. หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเริ่มนับอายุความแยกพิจารณาตามมาตรา 193/12 และ 193/13 ดังนี้

                   2.1) กรณีสิทธิเรียกร้องทั่วไป
                          2.1.1) ถ้าเป็นสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เริ่มนับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้
                          (ก) ในกรณีมีกำหนดเวลาชำระหนี้ให้เริ่มนับวันรุ่งขึ้นจากวันที่ครบกำหนด
                          (ข) ในกรณีที่ไม่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ ให้เริ่มนับตั้งแต่วันทำนิติกรรม
                          (ค) ในกรณีที่สิทธิเรียกร้องไม่ได้เกิดจากนิติกรรม ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป
โดยยึดหลักที่ว่า เริ่มนับตั้งแต่ขณะที่เจ้าหนี้อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้

                   2.2) กรณีสิทธิเรียกร้องที่จะต้องมีการบอกกล่าวให้ชำระหนี้ก่อน

                          2.2.1) กรณีสิทธิเรียกร้องที่ต้องมีการทวงถาม
หมายถึง สิทธิเรียกร้องที่มีการกำหนดให้เจ้าหนี้มีหน้าที่ทวงถามลูกหนี้ให้ชำระหนี้ก่อน
หากเจ้าหนี้ยังไม่ทวงถาม ลูกหนี้ยังไม่ต้องชำระหนี้ การกำหนดให้เจ้าหนี้มีหน้าที่ทวงถาม
ปกติจะกำหนดโดยสัญญาที่ก่อสิทธิเรียกร้องนั้น คือ สัญญาที่ก่อสิทธิเรียกร้องขึ้น
มีข้อตกลงกำหนดให้เจ้าหนี้ทวงถามให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อน โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้คืน (
หรือมีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้คืนก็ได้) และสัญญามีข้อตกลงกำหนดว่า
เมื่อเจ้าหนี้ต้องการให้ชำระหนี้จะต้องบอกกล่าวลูกหนี้ก่อน

                           2.2.2) การเริ่มนับอายุความกรณีทวงถามโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ คือ
เจ้าหนี้มีหน้าที่ต้องทวงถามลูกหนี้ก่อน จึงจะมีสิทธิฟ้องบังคับคดีได้
โดยสัญญาที่ก่อสิทธิเรียกร้องกำหนดให้เจ้าหนี้มีหน้าที่อย่างเดียว คือ ทวงถามลูกหนี้ก่อน ไ
ม่ต้องกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ให้ลูกหนี้แต่อย่างใด
กฎหมายให้เริ่มนับอายุความ “ตั้งแต่เวลาแรกที่อาจทวงถามได้เป็นต้นไป”

                          คำว่า เวลาแรกที่อาจทวงถามได้ คือ เพียงอาจทวงถามได้เท่านั้น
แม้ยังไม่ได้ทวงถาม อายุความเริ่มนับแล้ว ดังนี้เจ้าหนี้จะทวงถามลูกหนี้หรือไม่
ไม่มีผลต่อการเริ่มนับอายุความ เพราะอายุความเริ่มนับมาแล้วตั้งแต่เวลาแรกที่อาจทวงถามได้
ไม่ได้เริ่มนับเมื่อได้ทวงถาม

                          2.2.3) การเริ่มนับอายุความกรณีทวงถามโดยมีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ คือ
สัญญาก่อสิทธิเรียกร้องกำหนดให้เจ้าหนี้มีหน้าที่ 2 ประการ ได้แก่ หน้าที่ทวงถามลูกหนี้
และหน้าที่กำหนดระยะเวลาชำระหนี้ให้ลูกหนี้ด้วย ซึ่งลูกหนี้จะต้องชำระหนี้
ต่อเมื่อพ้นระยะเวลาชำระหนี้ที่เจ้าหนี้กำหนด กฎหมายให้เริ่มนับอายุความ
“ตั้งแต่ระยะเวลานั้นได้สิ้นสุดไปแล้ว”

                          การเริ่มนับอายุความเมื่อพ้นระยะเวลาชำระหนี้ที่เจ้าหนี้ต้องกำหนดในการทวงถาม
เจ้าหนี้จะได้ทวงถามจริงๆ หรือไม่ ไม่สำคัญ แม้ยังมิได้ทวงถามลูกหนี้เลย อายุความเริ่มนับแล้ว

เช่น ทำสัญญาจะซื้อจะขายเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2549 โดยไม่มีกำหนดเวลาให้ชำระหนี้
แต่สัญญาระบุว่า เมื่อเจ้าหนี้ต้องการให้ชำระหนี้ต้องบอกกล่าวให้ลูกหนี้ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน
สิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้มิได้กำหนดระยะเวลาไว้ จึงถึงกำหนดในวันทำสัญญาจะซื้อจะขาย

แต่สัญญากำหนดให้เจ้าหนี้ทวงถามล่วงหน้า 1 เดือน อายุความเริ่มนับเมื่อพ้น 1 เดือน
นับแต่วันทำสัญญาจะซื้อจะขาย คือเริ่มนับวันที่ 1
มกราคม 2550 แม้เจ้าหนี้ยังไม่ได้ทวงถามลูกหนี้เลย อายุความเริ่มนับแล้ว

               จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

จงรักษ์  นรแสน (ที่ปรึกษากฎหมาย)
www.fpmconsultant.com
e-mail : jongrak@fpmconsultant.com
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
oil
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 187
ออฟไลน์

กระทู้: 4146


ใครหนอ โกงข้าว ล้มเจ้า เผาเมือง


« ตอบ #10 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2014, 07:32:44 PM »

อยากได้เงินคืนก็เจรจาสิครับง่ายที่สุด ถ้าอยากได้ดอกเบี้ยด้วยก็อีกเรื่องหนึ่ง ลองเจรจากันดู ทำที่โรงพักลง ปจว.ก็ขลังดี
ถ้าไม่ยอมคืน  จึงค่อยไปหาทนาย สอบข้อเท็จจริงดู พยานหลักฐานมีเพียงพอในการยื่นคำฟ้องใช้สิทธิ์ทางศาลหรือไม่
ค่าทนายเป็นค่าวิชาชีพ ให้เขาทำงานตามวิชาชีพที่เรียนมา  เหมือนจ้างคนพม่าแบกของก็ต้องจ่ายตังให้ ไม่งั้นต้องแบกเอง
ขอให้โชคดีได้เงินคืนครบ
บันทึกการเข้า

Thailand must not welcome f..cking bag packer, get lost
แปจีหล่อ
Hero Member
*****

คะแนน 6324
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8251



« ตอบ #11 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2014, 08:55:39 PM »

 
อยากได้เงินคืนก็เจรจาสิครับง่ายที่สุด ถ้าอยากได้ดอกเบี้ยด้วยก็อีกเรื่องหนึ่ง ลองเจรจากันดู ทำที่โรงพักลง ปจว.ก็ขลังดี
ถ้าไม่ยอมคืน  จึงค่อยไปหาทนาย สอบข้อเท็จจริงดู พยานหลักฐานมีเพียงพอในการยื่นคำฟ้องใช้สิทธิ์ทางศาลหรือไม่
ค่าทนายเป็นค่าวิชาชีพ ให้เขาทำงานตามวิชาชีพที่เรียนมา  เหมือนจ้างคนพม่าแบกของก็ต้องจ่ายตังให้ ไม่งั้นต้องแบกเอง
ขอให้โชคดีได้เงินคืนครบ
ผมตามทวงทุกเดือนมาสองปีกว่าได้แล้วครับ เรื่องค่าทนายไม่ใช่ว่ากลัวได้จ่ายครับแค่ไม่ทราบว่าค่าจ้างทนายเท่าไหร่แค่นั้นเองครับสมมุติว่าค่าทนายหกเจ็ดหมื่นแต่เงินที่ผมจะได้คืนแค่แสนเดียวแบบนี้ก็ไม่คุ้มที่จะฟ้องร้องไงครับ
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
p23-504 รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 82
ออฟไลน์

กระทู้: 545


« ตอบ #12 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2014, 08:56:20 PM »

ใช้วิธีประนีประนอมทางกฎหมายก่อนดีไหม  ลองโทรไปปรึกษากับสำนักงานยุติธรรมจังหวัดดูครับ  อยู่ที่ศาลากลางจังหวัดครับ   ผมไม่ทราบว่าที่แม่สอดจะมีสำนักงานสาขาอยู่หรือไม่  น่าจะดีกว่าการฟ้องคดีครับ  เพราะไม่ต้องเสียค่าทนาย   ไหว้  พรุ่งนี้ไปใช้เครื่องที่ห้องทำงานจะลงเบอร์โทรศัพท์ให้ครับ  เอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงานครับ   ไหว้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 09, 2014, 09:09:05 PM โดย p23-504 รักในหลวง » บันทึกการเข้า
แปจีหล่อ
Hero Member
*****

คะแนน 6324
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8251



« ตอบ #13 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2014, 09:02:58 PM »

เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ซื้อที่แปลงนึงโดยจ่ายเงินมัดจำไว้หนึ่งแสนบาทกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมโอนที่หนึ่งปี(อันนี้เจ้าของที่เค้าเป็นคนกำหนดเองครับ)ได้มีการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแต่ไม่ได้ติดสแตมป์อากร พอครบหนึ่งปีเจ้าของที่ไม่สามารถโอนที่ให้ผมได้แต่บอกว่าจะคืนเงินมัดจำ แต่ก็ยังไม่คืนจนบัดนี้จะครบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ถ้าผมไปแจ้งความจะสามารถแจ้งข้อหาไหนได้ครับใจผมอยากจะให้เรื่องถึงแค่ตำรวจโดยให้เรียกคู่กรณีมาเจรจากันที่สถานีตำรวจแบบนี้สามารถทำได้ไหมครับ แล้วถ้าเกิดต้องฟ้องร้องกันในศาลกับเงินหนึ่งแสนไม่ทราบว่าจะคุ้มกับค่าจ้างทนายไหมครับ ไหว้

ไม่ใช่สัญญาซื้อขายที่ดิน  แต่เป็นสัญญาจะซื้อ จะขาย ที่ดิน
เป็นเรืองทางแพ่ง ครับ คุณ visa จักต้องฟ้องคดีแพ่ง จึงจะได้เงินคืน เรื่องดำเนินคดี เมื่อคุณจัดการเองไม่ได้ ก็ต้องใช้ทนายความ

เมื่อเขาทำงานให้กับคุณ เขาต้องได้ค่าจ้าง จะเป็นเท่าไร ก็ตกลงกันก่อน  
ถ้าพอใจ ก็ให้เขาจัดการให้ ถ้าไม่ฟ้องก็ไม่มีทางได้เงินคืน ถ้าปล่อยไว้นาน ระวังเรื่องอายุความ แล้วจะไม่ได้อะไรเลย ครับ
หนังสือที่ผมทำเป็นหนังสือที่ระบุหัวกระดาษว่าสัญญาซื้อขายครับไม่ใช่สัญญาจะซื้อจะขายครับโดยระบุว่าตกลงซื้อขายกันราคาสองแสนบาทฝ่ายผู้ซื้อจ่ายเงินหนึ่งแสนบาทและจะจ่ายส่วนที่เหลือในวันโอนที่ครับ โดยตกลงกันว่าจะอีกหนึ่งปีจะโอนพร้อมจ่ายเงินส่วนที่เหลือครับ พอครบสํญญาฝ่ายคนขายไม่สามารถโอนให้ได้โดยอ้างว่าได้เอาที่แปลงนี้ไปประกันตัวเพื่อนแล้วเพื่อนหนีประกันครับแต่น่าสังเกตุว่ามีที่แปลงข้างๆกันที่โอนกันเสร็จแล้วก็มีครับ หนังสือสัญญาเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะสแกนมาให้ดูอีกทีครับ
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
แปจีหล่อ
Hero Member
*****

คะแนน 6324
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8251



« ตอบ #14 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2014, 09:05:54 PM »

ใช้วิธีประนีประนอมทางกฎหมายก่อนดีไหม  ลองโทรไปปรึกษากับสำนักงานยุติธรรมจังหวัดดูครับ  อยู่ที่ศาลากลางจังหวัดครับ   ผมไม่ทราบว่าที่แม่สอดจะมีสำนักงานสาขาอยู่หรือไม่  น่าจะดีกว่าการฟ้องคดีครับ  เพราะไม่ต้องเสียค่าทนาย   ไหว้
ขอบคุณครับ จริงๆแล้วผมก็ไม่อยากฟ้องร้องครับอยากจะเรียกให้มาคุยกันโดยมีเจ้าหน้าที่่เป็นคนกลางนั่นแหละครับแต่ไม่ทราบว่ามีหน่วยงานแบบนี้อยู่ด้วยขอบคุณมากครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.081 วินาที กับ 20 คำสั่ง