
ขอขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งนะครับที่กรุณาให้คำแนะนำมา

ขอเสนอข้อกฎหมายในอีกแง่มุมหนึ่งนะครับ
ประเด็นแรก ยาย ก. มีสิทธิขายที่ดินหรือไม่
- ตามที่ยกตัวอย่างเมื่อที่ดินเป็นชื่อสามียาย ก. ดังนั้นถ้ามองเผิน ๆ ยาย ก. ไม่น่ามีสิทธิขายที่ดินใช่ไหมครับ
แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่ายาย ก. กับสามียาย ก. เป็นสามีภรรยากัน และภายหลังการซื้อขาย ยาย ข. ก็เข้าครอบ
ครองที่ดินมาโดยตลอดเป็นเวลาเกือบ 30 ปี ดังนั้นตามความเป็นจริงสามียาย ก. ก็น่าจะรู้เห็นในการซื้อขายที่ดินกัน
และได้ปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อมาถึง 30 ปี โดยไม่ได้ขัดขวาง หรือทักท้วงในการที่ ยาย ข. เข้าครอบครองที่ดินมาโดย
ตลอด ดังนั้นในทางกฎหมายจึงน่าจะถือว่าสามียาย ก. ได้เชิดยาย ก. เป็นตัวแทนในการขายที่ดินหรือรู้แล้วยินยอม
ให้ยาย ก. เชิดตนเองเป็นตัวแทนครับ ดังนั้นสามียาย ก. จึงถูกกฎหมายปิดปากให้ต้องรับผิดในการการกระทำของ
ยาย ก. ตามหลักตัวแทนเชิดครับ (ดูประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821)
ประเด็นที่สอง การซื้อขายกันเป็นโมฆะหรือไม่
- ผมมองว่าในขณะที่ทำสัญญาซื้อขายกันมีข้อตกลงกันว่าจะโอนที่ดินให้เมื่อลูกคนที่ 6 ของยาย ก. มีอายุ 20 ปี
ดังนั้นตามเจตนาของคู่กรณีจึงไม่ได้มีเจตนาจะซื้อขายกันให้เสร็จเด็ดขาดกันในตอนนั้น แต่จะไปทำการโอนกันอีก
ครั้งหนึ่งเมื่อลูกยาย ก. มีอายุ 20 ปี ดังนั้นสัญญาซื้อขายดังกล่าวจึงเป็นสัญญาจะซื้อจะขายเท่านั้น ยังไม่ใช่สัญญา
ซื้อขายเสร็จเด็ดขาดจึงไม่ตกเป็นโมฆะครับ
- ผลต่อมาเมื่อเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย ดังนั้นการที่ ยาย ข. เข้าทำประโยชน์ในที่ดินจึงเป็นการครอบ
ครองแทนเจ้าของที่แท้จริงในระหว่างรอการโอนเมื่อลูกคนที่ 6 ของยาย ก. มีอายุ 20 ปี เท่านั้น จึงถือว่า ยาย ข.
ไม่ได้ครอบครองที่ดินโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตนตาม ป.พ.พ.1367 จึงไม่สามารถร้องขอให้เปลี่ยนชื่อใน น.ส.3
ให้เป็นของตนได้แม้จะได้ครอบครองครบ 1 ปีแล้ว (ป.พ.พ.1374) และยิ่งไม่สามารถร้องขอครอบครองปรปักษ์ได้
เพราะที่ดิน น.ส.3 มีแค่สิทธิครอบครองไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ครับ
ประเด็นที่สาม ทางออกในกรณีนี้
- เจรจากับทายาทของยาย ก. ได้จะดีที่สุดครับคดีจะได้ไม่ต้องถึงโรงถึงศาลให้เสียเวลาและค่าใช้จ่าย แต่ถ้า
ตกลงกันไม่ได้ก็น่าจะฟ้องสามีของ ยาย ก. ให้รับผิดตามหลักตัวแทนเชิด แต่ถ้าสามีของ ยาย ก. เสียชีวิตไปแล้วก็
คงต้องฟ้องกองมรดกของสามียาย ก. ให้โอนที่ดินให้แก่ทายาทของ ยาย ข. ครับ
ผิดถูกอย่างไรต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า

จากข้อความข้างบนนะครับ สามียาย ก. เสียชีวิตก่อนทำสัญญา ตอนนี้ยาย ก. เสียชีวิตแล้ว ลูกของยาย ก. เขาจะมาขอซื้อคืนในราคาแค่ 50,000 บาท ซึ่งแน่นอนว่าเขาซื้อไปขายต่อ (ราคาตอนนี้หลายแสน) และพวกเขาก็ใช้วิธีนี้กับยาย ข.มาสองครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ทางลูกของยาย ข.รู้เลยไม่ยอมเพราะเสียโง่มาสองครั้งแล้ว แต่จะขายให้ได้ในราคาปัจจุบันเท่านั้น ส่วนที่ดินนั้นตอนนี้ลูกของยาย ข. ได้ทำนาอยู่มานานแล้ว (28 ปี) ได้ข่าวว่าตอนนี้ทางยาย ข.ได้เปรียบอยู่ครับ
แล้วจะมารายงานสถานการณ์ให้ทราบต่อไปครับ
