เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤษภาคม 09, 2025, 05:05:56 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงพ่ออุตตมะมรณภาพ  (อ่าน 4308 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สหายอ๋อง เซียนปลาซิว
จริงใจ บริสุทธ์ใจ แล้วจะแคล้วคลาด จากภัยทั้งปวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 657
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9377


คบหมาเป็นเพื่อน ดีกว่าคบเพื่อนหมาๆ


« เมื่อ: ตุลาคม 18, 2006, 02:34:27 PM »

  ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช เปิดเผยว่า พระราชอุดมมงคลพหลนราทร หรือหลวงพ่ออุตตมะ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เกจิชื่อดังแห่งภาคตะวันตก มรณภาพเมื่อเวลา 07.22 น. วันนี้ (18 ต.ค.) ที่โรงพยาบาลศิริราช จากการติดเชื้อในกระแสโลหิตจากภาวะปอดอักเสบ สิริอายุได้ 97 ปี
       
       ทั้งนี้ หลวงพ่ออุตตมะเข้ารับการรักษาตัวใน รพ.ศิริราช ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2547 เวลา 11.44 น. โดยเป็นคนไข้ในพระบรมราชินูปถัมภ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดมาจนกระทั่งมรณภาพ ในวันเดียวกันนี้ ศิษยานุศิษย์จะเคลื่อนศพหลวงพ่ออุตตมะ ไปบำเพ็ญกุศล ณ วัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ต่อไป
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ รพ.ศิริราช ว่ามีศิษยานุศิษย์เฝ้ารอเพื่อกราบไหว้ร่างของหลวงพ่ออุตตมะ จำนวนมาก ขณะที่ร่างหลวงพ่อยังอยู่ในห้องไอซียู เนื่องจากต้องรอการประสานที่จะประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ก่อนจะเคลื่อนกลับไปยังวัดวังก์วิเวการาม ตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่ออุตตมะ
               
       สำหรับประวัติของหลวงพ่ออุตตมะนั้น หลวงพ่อเกิดเมื่อปีกุน พ.ศ. 2454 ที่เมืองมุกกะเหนี่ยง ในสาธารณรัฐสังคมนิยมแห่งสหภาพพม่า ได้บรรพชาเป็นสามเณรและศึกษาทางพุทธศาสนาที่วัดมุกกะเหนียงจนจบหลักสูตร และได้เดินทางไปศึกษาต่อยังเมืองร่างกุ้ง สอบได้เปรียญธรรมชั้นเอก (ป.ธ.7) และเป็นเจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวกการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี


จากที่นี่ครับ

http://w3.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9490000129592


ด้วยความศัทธาครับ
บันทึกการเข้า
S.V
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 647
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11296


เสียชีพ อย่าเสียสัตย์


« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2006, 03:26:52 PM »

 Cry ขอกราบหลวงพ่อครับ  Cry
บันทึกการเข้า

ถ้วยหนึ่งนงนุช  สองถ้วยพุทธวาจา  สามถ้วยแกล้วกล้าพูดจาองอาจ  สี่ถ้วยเก่งกาจผ้าขาดไม่รู้ตัว  ห้าถ้วยเมามัวพูดไม่กลัวความผิด  หกถ้วยมีฤกธิ์พูดผิดทุกคำ  เจ็ดถ้วยมืดคล้ำมือคลำหนทาง  แปดถ้วยเอวบางพี่เห็นช้างเท่าหมู  เก้าถ้วยโอ้ว่าโฉมตรูสุดรู้สุดคิด  สิบถ้วยมืดมิดสิ้นฤทธิ์พี่แล้วเจ้าแก้วเอย
sorhjate
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 12
ออฟไลน์

กระทู้: 366


« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2006, 03:28:41 PM »

  ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
ผมศรัทธาในองค์หลวงพ่อครับ
ทั้งในวัตรปฏิบัติและธรรมะของหลวงพ่อครับ
บันทึกการเข้า
Zeus-รักในหลวง
อะฮู้.....ไฮยีน่าก็เป็นแมวนะคราบบบ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 817
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10983


I'm going to make him an offer that he can't refus


« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2006, 04:11:07 PM »

เคยมีโอกาศได้ไปวัดของหลวงพ่อที่อำเภอสังขละบุรี......ได้เห็นสะพานไม้ที่เกิดจากแรงศัทธาร่วมกันสร้าง........พระที่เป็นพระ เกิดศัทธาจึงกราบไหว้ได้สนิทใจ สิ้นไปอีกองค์แล้ว
บันทึกการเข้า

“A fear of weapons is a sign of retarded sexual and
emotional maturity.”
- Sigmund Freud

“ความกลัวอาวุธคือสัญญาณของความถดถอยทางเพศและวุฒิภาวะทางอารมณ์”
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2006, 06:02:09 PM »

                                                    

พระครูอุดมสิทธาจารย์ (หลวงพ่ออุตมะ)
ชื่อ สกุล : พระครูอุดมสิทธาจารย์ (หลวงพ่ออุตตมะ)
วันเดือนปีเกิด : ปีกุน พ.ศ. 2454 ที่เมืองมุกกะเหนี่ยง ในสาธารณรัฐสังคมนิยมแห่งสหภาพพม่า
การศึกษา : ได้บรรพชาเป็นสามเณรและศึกษาทางพุทธศาสนาที่วัดมุกกะเหนียง จนจบหลักสูตร และได้เดินทางไปศึกษาต่อยังเมืองร่างกุ้ง สอบได้ เปรียญธรรมชั้นเอก (ป.ธ.7)
อาชีพ : เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวกการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

สรุปประวัติโดยย่อ :
เมื่ออายุได้ 20 ปีบริบูรณ์ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุศึกษาในสำนัก ศาสนศึกษาในเมืองย่างกุ้ง สอบได้ชั้นสูงสุดซึ่งเรียกว่าชั้น "ปาร์คู" แต่ยังไม่ทันประกาศผลก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ต้องอพยพหนี สงคราม ในระหว่างสงคราม พระอาจารย์จันทิมา ซึ่งเป็นอุปัชฌาย์ ของท่าน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในทางกฤตยาคมเป็นที่เลื่องลือได้ถ่าย ทอดวิชาความรู้ให้ท่านจนจบสิน เมื่อสงครามโลกยุติ ท่านก็ได้เดิน ธุดงค์ไปมาระหว่างประเทศไทยกับเมืองเย ผ่านเทือกเขาตะนาวศรีซึ่งแสนจะทุรกันดาร จนถูกกองโจรขบวนการกู้ชาติจับแต่ท่านก็ สามารถใช้วิชาความรู้รอดชีวิตมาได้ พระครูอุดมสิทธาจารย์ (หลวงพ่ออุตตมะ) คุ้นเคยกับภูมิประเทศไทย เพราะเคยจำพรรษาอยู่ตามวัดต่าง ๆ ในท้องที่อำเภอ โพธาราม อำเภอบ้านโป่งจังหวัดราชบุรีและสมุทรปราการ ครั้น เมื่อ พ.ศ. 2500 ท่านได้ลงมือสร้างวัดขึ้นที่ฝั่งตะวันตกของลำน้ำแควน้อย ชื่อวัด "วังก์วิเวกการาม" เพื่อจะได้เป็นที่พึ่งของชาว ไทยและชาวมอญในถิ่นทุรกันดาร จนเป็นที่รู้จักกันดีทั่วไป ในวันเดิน ท่านจะมีประชาชนทั้งชาวไทยชาวมอญในประเทศและจากนอก ประเทศเข้ามาร่วมทำบุญมีงานรื่นเริงเป็นประจำทุกปี ต่อมามีการสร้างเขื่อนเขาแหลมบริเวณวัดน้ำจะท่วมทั้งหมด จึง ได้ย้ายวัดขึ้นไปอยู่บนเขาโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นผู้จัดสร้างขณะ นี้ดำเนินการก่อสร้างเกือบจะเสร็จสิ้นแล้วเหลืออยู่แต่เจดีย์ทรงสี่ เหลี่ยมแบบพุทธคยาที่บริเณริ่วัด ที่เป็นสิ่งก่อสร้างที่สวยงามงดงามแห่งหนึ่ง ปัจจุบันนี้ท่านหลวงพ่อได้รับนิมนต์จากประชาชนทั่วทั้งประเทศ เพื่อไปประกอบพิฑีทุกธาภิเศกทั้งในงานวัดและงานมงคลต่าง ๆ อยู่ เสมอ มีประชาชนเลื่อมใสศรัทธามากทั้งชาวไทยและชาวมอญรวม ทั้งพม่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 18, 2006, 06:05:15 PM โดย PU45 » บันทึกการเข้า

                
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #5 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2006, 06:02:50 PM »

ชาติภูมิของท่าน เกิดเมื่อวันอาทิตย์ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๔ ปีกุน เวลา ๖.๐๐ น. ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๔๒ ณ หมู่บ้านโมกกะเนียง ตำบล เกลาสะ อำเภอเย จังหวัดมะละแหม่ง ประเทศพม่า โยมบิดาชื่อ นายโง โยมมารดาชื่อ นางทองสุก มีอาชีพทำนา-สวน และนามเดิมของท่านนั้นบิดามารดาตั้งไว้ว่า “เอหม่อง” กาลต่อมาท่านเจริญวัยมากแล้ว บิดามารดาได้นำท่านมาอยู่วัด (เป็นเด็กวัด) เพื่อศึกษาอบรมบ่มนิสัย ให้ประพฤติตนเป็นคนดีต่อไป เมื่ออายุอันสมควร บิดามารดาได้ให้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดโมกกะเนียง ประเทศพม่า อันเป็นวัดใกล้บ้าน โดยมีพระเกตุมาลาเป็นพระอุปัชฌาย์

การดำเนินเข้ามาสู่ร่มกาสาวพัสตร์นี้ เป็นไปด้วยใจรักและเคารพ สามเณร เอหม่อง ท่านมีความปีติยินดียิ่งนัก เพราะตนเองมีความเข้าใจว่า “ได้เข้ามาอยู่ในโลกใหม่ เป็นโลกของศีลธรรมเป็นโลกที่องค์พระศาสดาเจ้าตรัส สรรเสริญ คือ เป็นโลกที่ละบาปกรรมทำชั่วแล้วทั้งปวง” ภายหลังจากบวชเป็นสามเณรแล้ว ท่านได้มานะอบรมศึกษาเล่าเรียนธรรม จนสามารถสอบได้นักธรรมโท… อายุครบที่จะอุปสมบทได้ โยมบิดามารดา จึงขออนุโมทนาให้อุปสมบทต่อไป พิธีจึงจัดขึ้น ณ วัดโมกกะเนียง ต.เกลาสะ อ.เย จ.มะละแหม่ง โดยมีพระเกตุมาลาเป็นพระอุปัชฌาย์ พระ นันทสาโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระวิสารท เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับฉายาว่า “อุตตโมภิกขุ”

หลังจากบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้ว หลวงพ่ออุตตมะมีความพยายามศึกษาพระปริยัติธรรมจนสำเร็จเปรียญ ๘ ประโยค เมื่อสอบเปรียญจนรู้ผลไปหมดสิ้นแล้ว ท่านได้หันจิตใจออกประพฤติปฏิบัติธรรม ด้วยการเที่ยววิเวกไปตามป่าเขา หยุดพักปักกลดในป่าในเขา เจริญตามเยี่ยงอย่าง กุลบุตรพุทธชิโนรสเจ้าไม่อาลัยกับชีวิตและความเหน็ดเหนื่อย ท่านถือการปฏิบัติธรรมเป็นใหญ่ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งปวง เสี่ยงตายเพื่อแลกมาซึ่งความดีงาม จากประเทศพม่าดั้งด้นย่นป่าเข้ามาประเทศไทย ไปทางภาคเหนือ พักอยู่วัดสวนดอก ชั่วคราวจากนั้นเดินธุดงค์ต่อไปจังหวัด แม่ฮ่องสอน แล้วย้อนกลับมาทางเชียงใหม่ หลวงพ่ออุตตมะ ได้สนทนาธรรมกับศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตหลายองค์ เช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่แหวน สุจิณ?โณ นอกจากนั้นแล้วท่านยังได้เข้านมัสการและปรารภธรรมกับ หลวงปู่คำแสน อินทจักโก จ.เชียงใหม่ เป็นต้น

บันทึกการเข้า

                
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #6 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2006, 06:04:06 PM »

หลวงพ่ออุตตมะ ท่านได้ผจญกับความเจ็บป่วยไข้ป่าที่ร้ายแรง และบรรดาสัตว์ป่าที่ ดุร้ายมาหลายแห่งหลายถิ่น แต่ท่านมิได้ไปสู้รบตบมือกับพวกมัน ท่านมีอาวุธธรรม เป็นเครื่องป้องกัน อาศัยจิตใจอันแน่วแน่มั่นคง เชื่อมั่นในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น แล้วดำเนินตาม อันเป็นที่สุดแห่งการปฏิบัติคือ “พระนิพาน” ในปัจจุบันนี้ หลวงพ่ออุตตมะท่านได้ละถิ่นกำเนิดในประเทศพม่า มาอยู่เป็นร่มโพธิ์ทองให้แก่มวลมนุษย์ผู้ใคร่ในธรรม และจะเป็นแดนชีวิตของท่าน คือ ประเทศไทย ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนั้น ท่านไม่ได้ถือเหล่าเผ่าพันธุ์ ท่านไม่ถือชาติถือตระกูล ท่านมีแต่ธรรมะคำสั่งสอนเป็นที่อาศัยให้จิตใจชื่นบาน ท่านไม่อาลัยแม้ชีวิตจะเป็นไป ถือความดีงามนั้นเท่านั้น เป็นที่อยู่และที่ไป
หลวงพ่ออุตตมะ ท่านเป็นพระนักเดินธุดงคกรรมฐาน เป็นนักต่อสู้กิเลสภายในชั้นยอดองค์หนึ่ง ขณะที่ท่านดำเนินชีวิตในเพศสมณะ ท่ามกลางป่าเขาอยู่นั้น ท่านได้น้อมระลึกอยู่เสมอในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ดังนี้ว่า

บันทึกการเข้า

                
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #7 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2006, 06:04:30 PM »

ผู้มีปัญญา ไม่ควรให้สิ่งล่วงไปแล้วมาตาม ไม่ควรหวังสิ่งซึ่งยังมาไม่ถึง เพราะว่าสิ่งใดล่วงพ้นไปแล้ว สิ่งนั้นอันเราละเสียแล้ว อนึ่ง สิ่งใดซึ่งไม่มาถึงเล่าสิ่งนั้นก็ยังไม่มาถึง เพราะฉะนั้น ผู้มีปัญญา จึงไม่ควรให้สิ่งที่ล่วงไปแล้วมาตามไม่ควรหวังสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ก็ผู้มีปัญญาได้มาเห็นธรรมเป็นปัจจุบันเกิดขึ้น เฉพาะหน้าแจ้งชัดอยู่ในที่นั้น ๆ ใครจะพึงรู้ว่า ความตายจักไม่มีในวันพรุ่งนี้ เพราะว่าสู้ความหน่วงเหนี่ยว ความผูกพันด้วยมฤตยู ความตาย ซึ่งมีเสนาใหญ่นั้นมิได้เลย ฉะนั้นความเพียรเผากิเลสให้เร่าร้อน อันผู้มีปัญญาควรทำเสียในวันนี้เลยทีเดียว ไม่มีความเกียจคร้าน ขยันหมั่นเพียรทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างนี้ ผู้นั้นแลเป็นผู้มีราตรีเดียวเจริญดังนี้”


หลวงพ่ออุตตมะ ได้อาศัยการเดินธุดงค์ ไปอยู่บำเพ็ญธรรมบนเขาหมู่บ้านชาวเขาก็หลายครั้งและเป็นเวลานาน ๆ ทางที่ท่านได้มุ่งหมายไปนั้น เป็นทางตรงที่บริสุทธิ์ ไม่มีโค้ง หรือมีซอยเล็ก ๆ ต่อไป ท่านหลวงพ่ออุตตมะ ท่านเป็นนักปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ที่แท้จริง ท่านได้ออกเที่ยววิเวกไปในเขตเมืองทวาย และได้ผ่านเข้ามาทางประเทศไทย หลวงพ่ออุตตมะต้องผจญกับภัยอันตรายจากโจรป่า สัตว์ป่า ไข้ป่าต่าง ๆ มากมาย จนสามารถฟันฝ่ากับอุปสรรคนั้นได้ ก็ด้วยพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น แม้ปัจจุบันนี้ หลวงพ่ออุตตมะ ก็มีความชราภาพลงไปมากแล้วหลวงพ่ออุตตมะ ก็ไม่เคยทอดทิ้งองค์แห่งการปฏิบัติเลย

บันทึกการเข้า

                
เทพ กังฟูแพนด้า รักในหลวง
พร้อมรบทุกสถานการณ์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 37
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4765


หลวงพ่อฤาษีลิงดำ


« ตอบ #8 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2006, 06:22:44 PM »

เมืองไทยเราเสียพระดีไปอีกรูปแล้วครับ
บันทึกการเข้า

ManStopper
Hero Member
*****

คะแนน 89
ออฟไลน์

กระทู้: 1316



« ตอบ #9 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2006, 06:48:59 PM »

เมืองไทยเราเสียพระดีไปอีกรูปแล้วครับ

          เห็นด้วยครับ  ท่านเป็นพระที่มีชื่อเสียงในทางที่ดีมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 18, 2006, 07:57:21 PM โดย UNSEEN. » บันทึกการเข้า
Iron
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2006, 07:10:38 PM »

ผมพาลูกๆและภรรยาไปกราบท่านที่ รพ.ศิริราช ครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงกลางปีนี้เองครับ ตอนนั้นหลวงพ่อท่านยังขยับตัวไม่ค่อยได้ ยังคิดว่าถ้าขึ้นไปกรุงเทพจะไปกราบท่านอีกครั้งแต่ก็ไม่ทันครับ

รูปนี้ผมถ่ายด้วยกล้องฟีล์มใว้เมื่อ 3 ปีก่อน ที่สังขละบุรี ตอนนั้หลวงพ่อยังแข็งแรงครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 18, 2006, 07:30:58 PM โดย ชัช(Iron) » บันทึกการเข้า
Desperado - รักในหลวง
แก่ ขี้บ่น อ้วน นิสัยไม่ดี งี่เง่า ปทุมธานี
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 156
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2434



« ตอบ #11 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2006, 09:31:37 PM »

ผมได้มีโอกาสไปนมัสการท่าน 3 ครั้ง ทุกครั้งที่ผมไปเที่ยวแถวสังขละผมก็จะไปดูสะพานมอญ
และจะไปกราบท่านทุกครั้ง ผมมีพระบุเรงนองหลังกบ กับประคำท่าน รับมากับมือท่าน
ผมขอกราบหลวงพ่อครับ..

บันทึกการเข้า

เหม็นขี้หน้า นักการเมือง และสุนัขรับใช้นักการเมือง
Field_B
Jr. Member
**

คะแนน 5
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 86


รักในหลวง


« ตอบ #12 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2006, 10:11:52 PM »

เสียใจมากเลยครับ ผมคนกาญจนบุรี
บันทึกการเข้า
kat
Full Member
***

คะแนน 38
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 355


« ตอบ #13 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2006, 01:51:13 AM »

หนึ่งในลูกศิษย์หลวงปู่ เสียใจมากครับ
บันทึกการเข้า

เอาชนะ อุปสรรคทั้งปวง ด้วยความอุตสาหะ
FUFUFUFU
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #14 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2006, 02:23:18 AM »

     ผมขอกราบหลวงพ่อครับ
 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.073 วินาที กับ 21 คำสั่ง