เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤษภาคม 09, 2025, 02:36:58 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ธนาคารกรุงไทยเจ็บ มั่วหักเงินฝรั่งออสเตรเลียศาลสั่งชดใช้ 2.5 แสน  (อ่าน 1566 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
SillyOldMan
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1984
ออฟไลน์

กระทู้: 7567


ผ่านทะเล เห็นบึงน้ำไร้ความหมาย


« เมื่อ: มิถุนายน 01, 2015, 10:30:33 PM »

ฝรั่งออสเตรเลียฟ้องธนาคารกรุงไทย ฐานหักค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตรทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้ใช้ เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 1.25 แสน ศาลพิพากษาธาคารผิดจริงให้จ่ายค่าเสียหายตามที่เรียกพร้อมค่าเสียหายเชิงลงโทษอีก 120,000 บาท

 


เมื่อวันที่  7  พฤศจิกายน  2555  เวลา 09.30 น. ณ ห้องพิจารณาคดี 8  ศาลแขวงพระนครใต้  ศาลชั้นต้นออกนั่งบัลลังก์พิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ ผบ. 1711/2555  คดีระหว่าง นายเจฟฟรี จี เอเลน  โดยนายคงศักดิ์ ชื่นไกรลาศ และ นางสาวรัชนีวรรณ พาพันธุ์เรือง ผู้รับมอบอำนาจโจทก์  ยื่นฟ้อง ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  ต่อศาลแขวงพระนครใต้   เรียกค่าเสียหายรวมเป็นเงิน 125,357.11 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่จำเลยหักเงินจากบัญชีของโจทก์  กรณีธนาคารกระทำการผิดสัญญาฝากทรัพย์และผิดสัญญาการใช้บัตรเดบิตต่อผู้บริโภคที่ใช้บริการ


โดยศาลพิพากษาให้ ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) จ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้นายเจฟฟรี จี เอเลน  เป็นเงินจำนวน 125,357.11 บาท พร้อมสั่งให้ ธนาคารกรุงไทย จ่ายค่าเสียหายเชิงลงโทษตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 เนื่องจากพบว่ามีการกระทำที่มีเจตนาเอาเปรียบผู้บริโภคโดยไม่เป็นธรรม เพิ่มอีก 120,599.35 บาท  รวมเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 245,956.46 บาท


จากกรณีเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2554 นายเจฟฟรี ฯ สัญชาติออสเตรเลีย ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ผู้ถือบัตรเดบิตของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ตรวจสอบบัญชีเงินฝากธนาคารที่ตนมีอยู่ และพบว่ายอดเงินในบัญชีลดลงโดยที่ตนเองไม่ได้ใช้   ซึ่งทราบว่ามีผู้ลักลอบถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของตนเพื่อใช้บริการซื้อสินค้าที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงระหว่างวันที่ 8 สิงหาคม 2554  ถึงวันที่ 5 กันยายน 2554 เป็นจำนวนเงินรวม 120,599.35 บาท  ซึ่งการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็นการใช้จ่ายที่ต้องใช้บัตรเดบิตประกอบการลงลายมือชื่อด้วยตนเอง มิใช่การซื้อสินค้าและบริการที่ชำระด้วยการโอนเงินโดยใช้บัตรประกอบรหัสประจำตัวได้ โดยที่ในช่วงเวลาที่มีการใช้บัตรเดบิตดังกล่าว นายเจฟฟรี ฯ พักอาศัยอยู่ในประเทศไทย มิได้เดินทางออกนอกประเทศแต่อย่างใด


ต่อมาธนาคาร ได้ตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิต และปฏิเสธการคืนเงิน โดยอ้างว่าการตรวจสอบของธนาคารไม่พบความผิดปกติ การใช้ดังกล่าวเป็นการใช้บัตรเพื่อซื้อสินค้าและบริการตามปกติ ไม่ใช่การทำธุรกรรมของมิจฉาชีพ จึงไม่สามารถคืนเงินให้แก่นายเจฟฟรี ฯ ได้  นายเจฟฟรี ฯ ไม่มีทางใดจะเรียกคืน จึงต้องฟ้องต่อศาลเป็นคดีผู้บริโภค เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2555  โดยศาลชั้นต้นใช้เวลาดำเนินกระบวนพิจารณารวม 4 เดือน


ศาลชั้นต้นพิเคราะห์พยานหลักฐานและข้อเท็จจริงแล้วรับฟังได้ว่า    กรณี นี้จำเลยยอมรับว่ามีผู้นำบัตรเดบิตที่จำเลยออกให้โจทก์ ไปใช้ในต่างประเทศจริงและทราบด้วยว่าใช้ที่ไหนบ้าง ซึ่งในการให้บริการดังกล่าวจะต้องมีเซลล์สลิปการใช้บริการหรือลายมือชื่อ ลูกค้าเป็นหลักฐาน แต่จำเลยกลับไม่นำหลักฐานดังกล่าวมาแสดงต่อศาล อีกทั้งพยานจำเลยยังเบิกความย้ำว่า จากประสบการณ์ทำงานที่ยาวนานสันนิษฐานได้ว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้ เกิดจากการถูกขโมยบัตรเดบิตไปใช้จริง ซึ่งหากมีกรณีบัตรถูกขโมยไปใช้นั้น ธนาคารจะไม่ชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นตามสัญญาให้บริการ จึงเป็นข้อเท็จจริงที่สอดคล้องกับข้ออ้างของโจทก์ที่ยืนยันว่าโจทก์ไม่ได้ เป็นผู้ใช้ดังกล่าว

 
ดังนั้นเมื่อจำเลยไม่มีหลักฐานมาแสดงต่อศาลเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง ว่าโจทก์เป็นผู้ใช้เองหรือมอบหมายให้บุคคลอื่นนำไปใช้ จำเลยจึงไม่มีสิทธินำรายการดังกล่าวมาหักเงินจากบัญชีธนาคารของโจทก์ เมื่อจำเลยหักเงินจากบัญชีธนาคารของโจทก์ไปแล้ว จำเลยจึงต้องคืนเงินที่หักไปจากบัญชีของโจทก์ทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่จำเลยหักเงินไปจากบัญชีของโจทก์ และการที่จำเลยทราบอยู่แล้วว่า กรณีนี้เกิดจากมีบุคคลอื่นขโมยบัตรเดบิตของโจทก์ไปใช้ เมื่อโจทก์ทวงถามแล้ว แต่จำเลยกลับปฏิเสธไม่คืนเงินดังกล่าว จึงถือว่าจำเลยมีเจตนาเอาเปรียบผู้บริโภคโดยไม่เป็นธรรมพิพากษาให้ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จ่ายเงินชดเชยความเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 120,599.35 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 120,599.35 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์ และให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายเชิงลงโทษ ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 อีก 120,599.35 บาท รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 245,956.46 บาท และให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมต่อศาลแทนโจทก์ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี กำหนดค่าทนายความโจทก์ 5,000 บาท

นายเจฟฟรี จี เอเลน ผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหาย กล่าวว่า  “ รู้สึกพอใจกับคำพิพากษาของศาลไทยเป็นอย่างมาก ผมดีใจที่ได้ความยุติธรรมกลับคืนมา เนื่องจากการจ่ายเงินคืนของธนาคารเป็นการกระทำที่เอาเปรียบผู้บริโภคมาก ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวมีความจำเป็น แม้จะไม่มากมายแต่ก็เป็นเงินเพื่อใช้ในการยังชีพของผมที่อายุมากและภรรยา  ซึ่งผมเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ต้องเจอแบบนี้เหมือนกัน อยากให้ธนาคารให้ความสำคัญกับผู้บริโภคมากกว่านี้  ”


นายเฉลิมพงษ์  กลับดี หัวหน้าศูนย์ทนายความอาสามูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า กรณีนี้เป็นคดีตัวอย่างสำหรับผู้บริโภค ที่ถูกธนาคารในฐานะผู้ประกอบธุรกิจกระทำโดยเจตนาเอาเปรียบและจงใจให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะการกำหนดค่าเสียหายเพื่อการลงโทษกับธนาคาร  ที่จะเป็นตัวอย่างที่ดีของการป้องปรามหรือยับยั้งไม่ให้ผู้ประกอบการทำเช่นนี้กับใครอีก โดยเฉพาะการที่จำเลยในคดีนี้เป็นรัฐวิสาหกิจควรต้องมีการประกอบการที่สุจริตเป็นที่น่าเชื่อถือต่อนานาชาติ


 

“ในคดีนี้กระบวนพิจารณาของศาลก็รวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียง 4 เดือนเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคอย่างแท้จริง ทำให้ผู้บริโภคได้รับการเยียวยาอย่างทันท่วงทีโดยไม่ต้องรอนาน ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย  ทั้งนี้ศูนย์ทนายความอาสาฯ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จะนำผลของคดีนี้ไปศึกษา เพื่อขยายผลและสร้างให้เป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายต่อไป ” นายเฉลิมพงษ์กล่าว





ลิงค์ http://www.consumerthai.org/main/index.php?option=com_content&view=article&id=2566%3A-25-&catid=220%3A2012-08-10-08-32-17&Itemid=282#.VWxNqjnLoFY.facebook
บันทึกการเข้า

What man is a man , who does not make the world better?
TA881
Hero Member
*****

คะแนน 156
ออฟไลน์

กระทู้: 1480



« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2015, 10:41:57 PM »

เยี่ยมเลยครับ
บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2015, 12:20:12 AM »

เคสงี้ แบงค์คงปวดหัว ถ้าต้องจ่ายหมด ลูกค้าเองโดนคัดลอกบัตรและขโมยรหัส คงโดนจากตู้ATM วิธีเดิมๆติดเครื่องคัดลอกบัตร แล้วติดกล้องเล็กๆ ค่อยดูรหัสบัตรตอนลูกค้ากดATMโดยไม่ใช้มือปิดบังเวลากดรหัส Huh
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
SillyOldMan
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1984
ออฟไลน์

กระทู้: 7567


ผ่านทะเล เห็นบึงน้ำไร้ความหมาย


« ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2015, 12:54:32 AM »

เคสงี้ แบงค์คงปวดหัว ถ้าต้องจ่ายหมด ลูกค้าเองโดนคัดลอกบัตรและขโมยรหัส คงโดนจากตู้ATM วิธีเดิมๆติดเครื่องคัดลอกบัตร แล้วติดกล้องเล็กๆ ค่อยดูรหัสบัตรตอนลูกค้ากดATMโดยไม่ใช้มือปิดบังเวลากดรหัส Huh

หากพิสูจน์ได้ว่าลูกค้าไม่ได้กด ไม่ได้เอาไปทำหายแล้วโดนใครเอาบัตรมากดก็ถือเป็นความรับผิดชอบของธนาคารครับ

ที่ผ่านมาธนาคารปัดความรับผิดชอบมาโดยตลอด ทั้งๆที่เป็นปัญหาความปลอดภัยของระบบธนาคารเอง

ศาลตัดสินมาให้เป็นบรรทัดฐานแบบนี้ละดีแล้ว ทางธนาคารจะไปเพิ่มระบบความปลอดภัยที่บัตร ตู้ หรือจพจ้างยามไปคอยยืนดูไม่ให้ใครมาติดตั้งอะไรแปลกๆก็เป็นเรื่องของธนาคาร
บันทึกการเข้า

What man is a man , who does not make the world better?
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #4 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2015, 12:59:36 AM »

 เยี่ยมGrin

บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #5 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2015, 08:06:57 AM »

เคสงี้ แบงค์คงปวดหัว ถ้าต้องจ่ายหมด ลูกค้าเองโดนคัดลอกบัตรและขโมยรหัส คงโดนจากตู้ATM วิธีเดิมๆติดเครื่องคัดลอกบัตร แล้วติดกล้องเล็กๆ ค่อยดูรหัสบัตรตอนลูกค้ากดATMโดยไม่ใช้มือปิดบังเวลากดรหัส Huh

หากพิสูจน์ได้ว่าลูกค้าไม่ได้กด ไม่ได้เอาไปทำหายแล้วโดนใครเอาบัตรมากดก็ถือเป็นความรับผิดชอบของธนาคารครับ

ที่ผ่านมาธนาคารปัดความรับผิดชอบมาโดยตลอด ทั้งๆที่เป็นปัญหาความปลอดภัยของระบบธนาคารเอง

ศาลตัดสินมาให้เป็นบรรทัดฐานแบบนี้ละดีแล้ว ทางธนาคารจะไปเพิ่มระบบความปลอดภัยที่บัตร ตู้ หรือจพจ้างยามไปคอยยืนดูไม่ให้ใครมาติดตั้งอะไรแปลกๆก็เป็นเรื่องของธนาคาร



ต่อไปคนไทยก็ต้องรู้จักรักษาสิทธิ์ของตนเองให้มากขึ้น อย่าปล่อยให้ธนาคารปัดความรับผิดชอบ แล้วโยนภาระมาให้กับลูกค้าเพียงฝ่ายเดียวครับ ศาลคุ้มครองผู้บริโภคอยู่ที่เดียวกับศาลของแต่ละจังหวัดครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
Hang Forever
Hero Member
*****

คะแนน 349
ออฟไลน์

กระทู้: 2215


« ตอบ #6 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2015, 08:27:28 AM »

ต้องให้ฝรั่งทำเป็นตัวอย่าง ที่แล้วมา ชั่งหัวมัน แบบไทยๆ ฮึๆ
บันทึกการเข้า
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #7 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2015, 09:28:09 AM »

อ่านแล้วงง Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
น้าเสก คนเดิม
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 712
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14502


รับแขก...แจกเหล้า...เฝ้าสำนักงาน


« ตอบ #8 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2015, 09:34:43 AM »

อ่านแล้วงง Grin Grin Grin

บัตรเดบิตเป็นบัตรที่เรามีเงินฝากอยู่แล้วนะครับ...ถ้าเราจะใช้ก็เหมือนกับการถอนเงินซึ่งตัวเองต้องลงชื่อประกอบการถอนเงิน ไม่เหมือนบัตรเครดิตซึ่งเงินในบัญชีอาจจะไม่ต้องมีก็ได้

รายการนี้ฝรั่งคงโดนปลอมแปลงบัตรไปกดต่างประเทศ..ที่สำคัญคือเป็นบัตรเดบิต  ฝรั่งอ้างว่าตัวเองไม่ได้ลงลายมือชื่อถอนเงิน...เลยเรียกให้ธนาคารชดใช้ให้..ธนาคารก็ปฏิเสธตามแบบฉบับของธนาคารไทย   เท่าที่ผมทราบมา...ธนาคารต่างประเทศเขาจะมีประกันคุ้มครองเงินฝากลูกค้านะครับ...หรือยังไง Grin
บันทึกการเข้า

chatphisit
my heart is broken in a million pieces
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 50
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 243


The greatest loss and despair.


« ตอบ #9 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2015, 09:56:37 AM »

 เยี่ยม
บันทึกการเข้า
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #10 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2015, 10:45:29 AM »


อ่านแล้วงง Grin Grin Grin


บัตรเดบิตเป็นบัตรที่เรามีเงินฝากอยู่แล้วนะครับ...
ถ้าเราจะใช้ก็เหมือนกับการถอนเงินซึ่งตัวเองต้องลงชื่อประกอบการถอนเงิน
ไม่เหมือนบัตรเครดิตซึ่งเงินในบัญชีอาจจะไม่ต้องมีก็ได้

รายการนี้ฝรั่งคงโดนปลอมแปลงบัตรไปกดต่างประเทศ..ที่สำคัญคือเป็นบัตรเดบิต  
ฝรั่งอ้างว่าตัวเองไม่ได้ลงลายมือชื่อถอนเงิน...เลยเรียกให้ธนาคารชดใช้ให้..
ธนาคารก็ปฏิเสธตามแบบฉบับของธนาคารไทย  

เท่าที่ผมทราบมา...ธนาคารต่างประเทศ
เขาจะมีประกันคุ้มครองเงินฝากลูกค้านะครับ...

หรือยังไง Grin



555555  ยายฮา  " น้าเสก "  อ่ะ ฮา 555555

เขียนเรื่อง  " ประกัน คุ้มครองเงินฝาก ลูกค้า "  ฮา
ยายอ่านแล้ว  เชื่อว่า  น้าเสก  พอจะมีสตางค์  มีความรู้  กลไกของธนาคารพาณิชย์ อ่ะ ฮา

.........  แต่  ปอลิง สุดท้าย  " หรือยังไง "  ฮา

ยายเปลี่ยนใจเป็น  " กด Smite "  สิบแต้ม อ่ะ ฮา 555555


เรื่อง  " ประกันคุ้มครองเงินฝาก " เมืองไทยเราก็มี อ่ะ ฮา
เขาคุ้มครองกรณี  " สถาบันการเงิน เจ๊ง "   อ่ะ ฮา

เพิ่มเติม  ( เมืองไทยเขาเรียก สถาบันคุ้มครองเงินฝาก อ่ะ ฮา )

แต่กรณี  บัตรเดบิท  เครดิต   ยายว่ามันไม่ได้  ลงลึก ถึงประเด็นนี้ อ่ะ ฮา
ซึ่ง " มูลค่าความเสียหาย " ทั่วโลกแต่ละปี  ยายก็ว่ามันเยอะ อ่ะ ฮา

แต่เมื่อเทียบ  อัตราส่วนของธุรกรรม  มันเป็น  " เปอร์เซ็นต์  " นิ๊ดเดียวอ่ะ ฮา

กรณีข้างบน  " ผู้เสียหาย "  ต้องดำเนินการฟ้องร้อง  พิสูจน์เอาเอง อ่ะ ฮา
เพราะ  สถาบันการเงิน  มัน " ไม่สามารถ พิสูจน์ "  ได้ว่า  ฉ้อฉล หรือ เป็นเรื่องจริงอ่ะ ฮา

( อย่างเช่น  ส่งบัตรให้บุคคลอื่น ไปใช้ในต่างประเทศ อ่ะ ฮา )

คดีลักษณะนี้  ถ้าฟ้องศาล  และพิสูจน์เวลา  ที่อยู่อาศัยได้ ฮา

5555555  ศาลมักจะสั่ง  " ชดใช้ ค่าเสียหาย " ให้อ่ะ ฮา  ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 02, 2015, 10:48:19 AM โดย babara. » บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #11 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2015, 10:56:40 AM »



5555555  พูดถึงประเด็นนี้   ผู้เสียหาย  เขาฟ้องธนาคาร  อ่ะ ฮา  55555

ฟ้องเป็น  " คดีผู้บริโภค  หรือ  คดี ผบ. "  อ่ะ ฮา
ผู้เสียหาย  สามารถ  ฟ้องด้วยตัวเอง  ไม่ต้องจ้างทนายก็ได้ อ่ะ ฮา

(กรณีที่เป็นเรื่อง  " ซับซ้อน " ยายจะแนะนำให้จ้างทนาย อ่ะ ฮา )

ถ้าจะฟ้องเอง  ต้องไปพบ  " นิติกร ศาล "  แผนกไกล่เกลี่ย เรื่องราวร้องทุกข์ อ่ะ ฮา
ขอให้เขาแนะนำ  การเขียนคำฟ้อง  รวมถึงการเรียกร้อง ค่าเสียหาย ที่ถูกละเมิด อ่ะ ฮา

คดี  ผบ.  เมื่อเดินไปถึงศาล  ถ้าเราเรียบเรียง ประเด็นได้รัดกุม อ่ะ ฮา

ศาลก็จะมีคำสั่งเรียก  " ผู้ถูกฟ้องคดี " มาเจรจา อ่ะ ฮา
ถ้าเจรจากันไม่ได้  เรื่องก็จะถูกโยนขึ้น  บังลังค์ อ่ะ ฮา

นัดแรก ศาลก็จะถาม  พยายามไกล่เกลี่ยอีกรอบ อ่ะ ฮา
ถ้าไม่สามารถ ตกลงกันได้  นัดต่อไป  " สืบพยาน " กันเลยอ่ะ ฮา


กรณีอย่างนี้  จะเป็นการพิจารณา คดีต่อเนีอง อ่ะ ฮา

55555  แป๊ะเดียว  สามสี่เดือน  " คำสั่ง "  ลงมาแล้วอ่ะ ฮา 55555 ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
ต.แม่สาย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 490
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6544



« ตอบ #12 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2015, 10:34:19 PM »

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

ผู้ใดทำใจให้เป็นกลางได้ ผู้นั้นจะพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #13 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2015, 11:11:49 PM »



ขอบคุณครับ




5555  Thanks  ลอยๆอย่างนี้  ยายอนุมานว่า " ขอบคุณ " ยายอ่ะ ฮา 5555

เรื่องที่ยายเล่า  หรือเอามาบอก  เป็นเรื่องจริง ยายผ่านมาโม๊ดแหล่ว อ่ะ ฮา 555

ยายเขียนให้ " อ่านง่าย "  เข้าใจง่าย  ใครจะหมั่นใส้  ใครจะกดลบ ยาย เฉยๆ อ่ะ ฮา

Smite สัก "หมื่น "  มันเปลียนแปลง ชีวิต และ แนวคิดของยาย ไม่ได้ หรอกอ่ะ ฮา

แต่สิ่งที่ยายเอามาเล่า  มันเป็น  หรือน่าจะเป็น เหมือนการอ่านข่าว นสพ. หรือหนังสือพิมพ์ อ่ะ ฮา

พอเจอปัญหา  เฮ้ย  นายสมชาย (ฮา )  เอ้ย ยายบ๊าบเคยบอก  นี่หว่า ฮา

5555  เออ พอจะ " ดำน้ำ " ขลุกขลิก เอาตัวรอด ไปได้ อ่ะ ฮา 5555
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
TakeFive
Sr. Member
****

คะแนน 171
ออฟไลน์

กระทู้: 794


« ตอบ #14 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2015, 11:19:33 PM »

ขอแนะนำอีกอย่าง สมาชิกท่านใดมีบัญชีออนไลน์ พวกinternet banking ต่างๆ แนะนำว่ามีเงินติดบัญชีแต่เพียงน้อยๆครับ
โดยส่วนตัวไม่ใช้เลยครับ และห้ามคนใกล้ตัวทุกคน เพราะระบบรักษาความปลอดภัยต่ำมากๆ แต่ละที่ก็ไม่ได้หนีกันเท่าไหร่ บุคลากรในประเทศนี่เรียกได้ว่าแทบไม่มี เพราะไม่มีใครสนใจกัน ขนาด คณะวิศว คอมพ์ จุฬา ยังมีวิชาที่เกี่ยวข้อง(Comp Secur.)แค่ตัวเดียว แถมเป็นแนวintroซะด้วย

ในต่างประเทศ คนที่จะมาพัฒนาระบบประเภทนี้ ต้องมีคุณสมบัติสูงมาก (coding vulnerabilities)แต่ในไทยเอาเป็นว่า 4 ปีที่แบงค์รัฐเจ้าหนึ่ง ใช้ระบบi-banking ที่พัฒนาโดยคนๆเดียว ซึ่งใช้เวลาว่างจากงานอื่น2เดือนมาทำ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.104 วินาที กับ 21 คำสั่ง