วันนี้มีเรื่องของแม่มาเล่าให้ฟัง
ครั้งหนึ่งพวกเราในหมู่พี่น้องรวมเงินกันคนละเล็กน้อย กะว่าพาแม่ไปเที่ยวต่างประเทศกันบ้าง
พี่สาวคนโตออกเงินมากกว่าคนอื่น และประสบการณ์การเดินทางมากกว่าคนอื่น
เลยมีสิทธิออกความเห็นและสรุปของแกเองในขั้นตอนเดียวว่า....
ไปบาหลีดีกว่า เนื่องจากสภาพอากาศใกล้เคียงไทย อาหารก็แม่น่าจะกินได้ ไม่ยากนัก..
ไปบาหลีก็ไปกัน คนไปดูแลแม่มีพี่สาวคนโตกับน้องสาวคนสุดท้อง คนหลังนี่สำคัญ แม่ไปไหน
ต้องไปด้วย ไม่เคยไว้วางใจให้คนอื่นดูแล (แม้แต่ผมมันยังไม่ไว้ใจ)
ถึงบาหลี ผู้ดูแลพาแม่ไปเที่ยววัดอูลูวาตู ตามประสาพาคนแก่เที่ยว ยังไงต้องไปวัด
แม่บอกว่าเดินชมวัดกันอยู่ดีๆ เหมือนใครยื่นมือมาคว้าแว่นของแกไป...ตกใจมาก หันหาผู้ดูแล
ก็มัวแต่ถ่ายรูปกันอยู่สองคนพี่น้อง กว่าแม่จะบอกกล่าว ก็โน่น... โจทก์ที่ยื่นมือมาคว้าแว่นตาแม่
ปีนขึ้นไปนั่งบนยอดไม้แล้ว พลิกแว่นมาพลิกแว่นไป ทำท่าจะแทะแว่นกินด้วย
เอาไงดีล่ะ ตอนนี้แว่นอยู่ในมือลิงบาหลีแล้ว เป็นลิงไทยกว่าจะพูดกันรู้เรื่องยังยาก ลิงบาหลีน่า
หมดสิทธิเจรจา
ว่าแล้วสองคนพี่น้องก็ให้แม่นั่งพัก แล้วชวนกันเก็บหินเก็บกรวดปาลิงให้วางแว่นให้ได้ ลิงดันนึก
เห็นเป็นสนุก โยกหลบหินเป็นที่สนุกสนาน แต่ก็ยังไม่ปล่อยมือจากแว่น
พอสองพี่น้องเริ่มเหนื่อย เริ่มหมดแรงปา ก็มีนักท่องเที่ยวชาวบาหลีเข้ามาทักทายโดยสุภาพ
ท่าทางอาสาช่วย แล้วพี่แกก็เปิดเป้ ล้วงหยิบเอากล้วยที่ดูท่าทางน่าจะเก็บเป็นเสบียงส่วนตัวมา
ชูยื่นให้ลิง
ได้ผลวุ๊ย... ลิงปรี่ลงจากต้นไม้ด้วยความรวดเร็ว ทิ้งแว่น คว้ากล้วยหมับ แว่นกลับคืนมาหาแม่โดย
สวัสดิภาพ
แม่บอกว่า โล่งอก ถ้าไม่ได้แว่นคืนนี่คงเที่ยวไม่สนุก มองอะไรไม่เห็น แถมสองคนพี่น้องผู้ดูแลพลอย
โดนดุไปอีก เรื่องเอาแว่นคืน นี่ถ้าไม่มีคนอื่นช่วยคงไม่ได้ เดินทางกันมาตั้งหลายประเทศ มาตกม้าตาย
กับลิงบาหลี แก้ปัญหากันไม่ได้ (นั่น..ดูแกว่า...)
เรื่องนี้ผ่านมา3-4ปีแล้ว แต่เมื่อไหร่ที่ผมพูดถึงลิงที่วัดอูลูวาตู สองคนพี่น้องนั่งหน้าตูม ตาเขียวทุกที
ส่วนเรื่องนี้เล่าในเฟซก็จบในเฟซนะครับ ถ้าแม่รู้นี่ ผมอาจถูกตัดออกจากกองมรดก...
(ภาพแม่ผมถ่ายที่สนามบินสุวรรณภูมิ วันเดินทางไปบาหลี)
