เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤษภาคม 09, 2025, 05:20:20 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ผลกระทบที่ตามมาของบทภาพยนตร์ต่อผู้ชมและสังคม  (อ่าน 2587 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ENOLA GAY
Hope for the Best, Prepare for the Worst
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 140
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1191



« เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 02:20:48 AM »

ผลกระทบที่ตามมาของบทภาพยนตร์ต่อผู้ชมและสังคม

Spoil:         

13 เกมสยอง             ฟ้า                                          Seven                           
 
Titanic                      Devil’s Advocate                     The Legend of Bagger Vance          

Hero                        IL MARE                                   The Lake House                   

The Host                 Click                                          Cars


เราเคยสังเกตจิตใจของตัวเองบ้างมั๊ยครับว่า หลังจากที่ชมภาพยนตร์แต่ละเรื่องจบแล้ว ความรู้สึก สภาพจิตใจเราเป็นอย่างไร ทั้งเมื่อเพิ่งจบใหม่ๆและผลที่ตามมาหลังจากนั้น ทั้งในระยะยาวหรือระยะสั้น คิดว่าถ้าจะพอจำกันได้บ้างก็คือห้วงเวลาที่เพิ่งออกจากโรง หนังจบใหม่ๆ เราจะพอจำได้ว่าหนังสนุกแค่ไหน ตื่นเต้นแค่ไหน เป็นที่พอใจจนหากมีคนถามว่าดีมั๊ยน่าดูมั๊ย เราจะบอกเค้าได้ยังไง แต่หนังบางเรื่องอาจประทับอะไรบางอย่างไว้ที่คนดูได้มากกว่าความรู้สึกที่ว่ามา …

หลายๆท่านอาจจะเคยมีประสบการณ์เพิ่มเติมจากนั้น เช่น หลังจากดูหนังผีที่สุดท้ายแล้วตอนจบ ผีมันฆ่าคนจนหมดทั้งเมืองแล้วจบลงโดยที่ผีชนะคน จบลงว่าคนตายกันทั้งเมืองให้ผียึดครองโลก หรือหนังบู๊ที่ดูกันอย่างสนุก มันส์ ตื่นเต้น ลุ้นว่าฝ่ายธรรมะจะพิชิตอธรรมอย่างไร ด้วยกลเม็ดไหน แต่สุดท้าย พระเอกหรือนางเอกตาย !! หรือหนังที่เดินเรื่องไปเรื่อย ทั้งที่อาจจะสนุกตื่นเต้นน่าติดตามมาตลอด แต่จบลงด้วยหลักการ หรือภาษาภาพยนตร์ที่เรียกว่าธีม (Theme) ที่ว่า ทำดีแต่ไม่ได้ดี พูดง่ายๆคือ คนดีไม่รอด คนชั่วรอยนวล !!

จริงอยู่ที่ในชีวิตจริง มันก็เป็นแบบนั้นอยู่ไม่น้อย คนเขียนบทอาจจะมีแนวความคิดในเชิง อยากเสนอหรือกระตุ้นให้คนดูตระหนักถึงความเป็นจริงในสังคมมนุษย์ จึงเขียนให้หนังมันจบลงแบบนั้น แต่ความรู้สึกของคนดู(ซึ่งจ่ายตังค์ค่าตั๋ว)อาจจะกลับออกไปด้วยความหดหู่ ด้วยความเสียวสยอง ด้วยความสิ้นหวังต่อสังคมมนุษย์ ซึ่งหากแบบนั้นแล้วก็คงไม่ดีสักเท่าไหร่นัก อีกสาเหตุหนึ่งที่การจบลงของบทภาพยนตร์เป็นแบบนั้น อาจจะอนุมานได้ว่า มันเป็นการจบลงแบบ”ไม่น้ำเน่า” มีแนวความคิดแบบนึงคิดว่า การจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้งเป็นหนังน้ำเน่า จึงเกิดความคิดกลับไปในอีกทาง หรืออีกคำหนึ่งเรียกว่า”หักมุม” ลองนึกเล่นๆว่า ขณะขับรถหรือเดินกลับบ้าน จู่ๆเราก็ไปเจอภาพของอุบัติเหตุ มีรถชนกันแหลก บางคนกระเด็นออกมานอนเรี่ยราดกลางถนน สภาพแหลกเหลว บ้างก็คอขาด แขนขากระเด็นไปคนละทิศละทาง กลับไปถึงบ้าน วันรุ่งขึ้น วันถัดไป ท่านจะรู้สึกอย่างไร กว่าจะลืมความหดหู่สยดสยองได้ก็กินไปเป็นอาทิตย์หรือบางคนติดตาไปนาน หนังคงไม่มีผลขนาดและนานขนาดนั้น แต่นี่เป็นการเปรียบเทียบว่า หากคนดู(ซึ่งจ่ายเงินค่าตั๋ว)กลับออกไปด้วยความรู้สึกไม่ดี หดหู่ สิ้นหวัง ฯลฯ มันดีไหมที่เราจะสร้างหนังแบบนั้นให้เขาดู ......

ในเชิงศิลปะภาพยนตร์  ผมไม่เถียงว่าการจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งนั้นเสี่ยงต่อการเป็นหนังน้ำเน่าในหนังบางประเภท เน้นนะครับว่า บางประเภท แต่อย่าลืมว่า หนังอีกบางประเภท คนดูจะมีความสุขกลับออกไปได้ หนังต้องจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง จะแฮปปี้มากน้อยแค่ไหน ก็ต้องแฮปปี้ ยกตัวอย่างหนังบู๊ (Action) เพื่อนพระเอก เพื่อนนางเอก อาจจะตายไปทีละคนๆ พ่อพระเอก แม่นางเอก อาจจะสุดท้ายต้องตายอย่างเสียไม่ได้ ก็เป็นที่ยอมรับของคนดู แต่ถ้าพระเอก หรือนางเอกตาย คนดูจะค่อนข้างเศร้าออกจากโรงไป ซึ่งไม่น่าจะดีนัก แต่หนังบางประเภทก็เป็นที่ยอมรับได้ว่า การจบลงแบบไม่แฮปปี้เอนดิ้งนั้น จะจารึกความซาบซึ้งและความทรงจำดีๆไปได้ คนเขียนบทจึงควรแยกแยะสองประเด็นนี้ให้ออก เพื่อมอบความสุข ความหมายที่ดีๆ ความรู้สึกที่ดีๆมีประโยชน์และจรรโลงชีวิตต่อเพื่อนมนุษย์หรือผู้มีอุปการะคุณที่ซื้อตั๋วมาดูหนังดูละครของเรา

ร่ายไปร่ายมาอาจจะเห็นภาพไม่ชัด ขอยกตัวอย่างกันไปเลยจะเห็นภาพชัดกว่า ผมขออิงหนังฮอลลีวู้ดเลยนะครับ ใครจะว่าหนังฮอลลีวู้ดเป็นหนังตลาด คุณค่าเชิงศิลปะต่ำ ผมก็คงเถียงไม่ขึ้น แต่ที่ขออิงก็เพราะ หนังฮอลลีวู้ดนี่แหละที่ทำเงินมากที่สุดในตลาดภาพยนตร์ ไม่ว่าจะไปเทียบที่ไหนๆ นั่นคือ เป็นหนังที่คนดูมากที่สุดในโลก ผมไม่เถียงว่าหนังที่มาฉายตามเทศกาลภาพยนตร์นั้นค่อนข้างถูกคัดกรองมาอย่างดี ว่ามีคุณค่าทางศิลปะภาพยนตร์สูง แต่ .. แต่ศิลปะชั้นสูงก็มีคนไม่มากนักที่เข้าใจหรือเข้าถึง บทความนี้ขออนุญาตเน้นไปที่คนดูแบบชาวบ้านๆซะมากกว่า  แต่ก็ไม่ลงไปถึงกลุ่มคนดูละครน้ำเน่านะครับ เอาเป็นว่าระดับกลาง หรือจะว่าไปแล้วคือระดับของหนังที่ทำเงินเยอะที่สุดในตลาดก็แล้วกัน

จากประสบการณ์อันน้อยนิดที่เป็นเพียงผู้ชมคนหนึ่งซึ่งไม่ได้มีอาชีพโดยตรงในวงการภาพยนต์ (เมื่อเทียบกับเซียนนักวิจารณ์หนังหรือผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงมานาน) ผมสังเกตได้ว่า หนังฝั่งเอเชียเราจะออกแนวที่กล่าวมาข้างต้นค่อนข้างมากกว่าหนังฮอลลีวู้ด ทั้งๆที่หนังฮอลลีวู้ดมีปริมาณออกสู่ตลาดมากกว่า แต่ผมเจอหนังเอเชียที่เป็นอย่างที่กล่าวมานับเป็นจำนวนเรื่องมากกว่าเสียอีก  ขอย้อนกลับไปนิดนึงตรงประเด็นที่ว่า จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งหรือไม่แฮปปี้เอ็นดิ้งแบบไม่น้ำเน่าแล้วทำให้คนดูกลับออกไปด้วยความรู้สึกดีๆ ไม่ว่าจะดีด้วยด้วยแสงสว่างหรือความหวัง ด้วยแนวความคิดที่จะไปปรับปรุงชีวิต ด้วยปรัชญาบางอย่าง หรือด้วยรอยจารึกแห่งความซาบซึ้งใจในความดีงาม เสียสละ ฯลฯของตัวละครที่สุดท้ายอาจต้องตายไป(เข้าข่ายไม่แฮปปี้เอ็นดิ้ง)  หรือแม้กระทั่งด้วยความสนุกสนานบันเทิงอิ่มเอิบใจจากหนังที่ไม่ได้ให้สาระเลยแม้แต่น้อย(แต่ให้ความบันเทิงใจ) ผมมีความเห็นส่วนตัวว่า สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่นักเขียนบท ผู้สร้างภาพยนตร์ควรจะคำนึงถึง หนังที่ดีมีคนชอบมีคนชม(ว่าดี ไม่ใช่ชมที่หมายความว่า”ดู”)อย่างกว้างขวาง น่าจะเป็นหนังที่จรรโลงชีวิตจิตใจคนมากกว่าหนังที่เอาแต่สะใจ จริงอยู่หนังที่เอาแต่สะใจอาจจะมีคนบางกลุ่มบอกว่า ”ดีมั่กๆ” แต่หากหนังเรื่องนั้นเดินไปหรือจบลงไปในทางตรงกันข้ามกับการจรรโลงสังคมมนุษย์ไปในทางที่ดีแล้ว คนอีกส่วนหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นส่วนใหญ่จะรู้สึกอย่างไร

เริ่มยกตัวอย่างกันเลยดีกว่าจะได้เห็นภาพกันชัดๆ ถือว่าเป็นการวิจารณ์ไปด้วยเลยก็ได้นะครับ (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)

ล่าสุด สดๆร้อนๆและกำลังฉายอยู่เลย “13 เกมสยอง” เริ่มตั้งแต่เห็นหนังตัวอย่าง ผมนึกชมเลยว่า คนไทยเริ่มคิดพล็อตที่สร้างสรร หรือแหวกแนวได้อย่างฝรั่งแล้ว จนไปชมเรื่องนี้เข้าจริงๆ ระหว่างการชมเรื่องนี้ ผมนึกชมอย่างที่กล่าวมาตลอดทั้งเรื่อง ดี ดีมาก เริ่มเก่งแบบฝรั่งเข้าแล้ว แม้จะมีบางส่วนขัดๆไปบ้างนิดหน่อย แต่ก็ยอมหลับตาให้ข้างนึง ถือว่า ก้าวมามากเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับหนังไทยเรื่องอื่นๆที่มีแต่ หนังตลกติงต๊องบ้องตื้น (ที่ตลกไม่จริง ฝืด และทิ้งความรู้สึกขัดๆให้กับคนดูติดมือออกมาจากโรง) หรือหนังผีๆทั้งหลาย หรือหนังที่เอาเรื่องเก่าๆมาสร้างใหม่โดยที่ไม่ต้องคิดพล๊อตใหม่ ...... จนสุดท้าย เสียอยู่นิดเดียว นิดเดียวจริงๆครับ (ผู้สร้างผู้เขียนบทอย่าเสียกำลังใจนะครับ อย่าลืมว่าผมชมมาตลอดทั้งเรื่อง อีกอย่าง ผมก็ไม่ใช่ปรมจารย์หรือผู้รู้ในวงการหรอกครับ ) เสียตรงที่ว่า ทำไมให้ ”พ่อฆ่าลูก” ถ้าไม่ผิด ผมเข้าใจว่าธีม”Theme”ของเรื่องจะบอกว่า ชีวิตคนเรามันไม่งดงาม ความชั่วร้ายในมนุษย์มีอยู่ถ้วนหน้าและจะเผยออกมาเมื่อไหร่ก็ไม่แน่ ท่านสร้างออกมาเลยเถิดจนกลายเป็นว่า พ่อก็ฆ่าลูกได้ จริงครับ จริงที่ในชีวิตจริงมันเคยมีแบบนั้น แต่ ... แต่การจบแบบนั้นดูเหมือนจะเป็นการปลูกฝังทัศนคติที่ว่า “ ทำดีไม่ได้ดี ชีวิตที่จะอยู่รอดได้ต้องโหดเข้าไว้ ” ให้กับสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีผลต่อเยาวชนที่ยังมีวุฒิภาวะต่ำ เป็นไปได้ไหมที่จะแปลงท้ายเรื่องเพียงนิดเดียวเป็นว่า ให้เหตุการณ์ตั้งแต่ที่ภูชิตได้รับโทรศัพท์ลึกลับให้เล่นเกมส์ไปจนถึงตอนที่เกมส์สุดท้ายให้แทงพ่อตัวเองกลับมาเป็นแค่ความฝันหรือจินตนาการชั่ววูบ แบบเรื่อง Click หรือ Devil’s Advocate เลย คือภูชิตได้รับทราบว่าเกมส์ทั้ง 13 เกมส์นั้นจะให้ทำอะไรบ้าง แล้วก็จินตนาการไปเรื่อยๆว่าจะทำอย่างไรให้พิชิตเกมส์ไปได้จนถึงเกมที่ 12 ก่อนสุดท้าย ( ณ บริเวณบันไดหนีไฟของบริษัทนั่นแหละ ) เมื่อฝันหรือจินตนาการไปจนถึงข้อสุดท้ายที่ให้ฆ่าพ่อตัวเอง ก็บรรลุว่า ไม่ควรหลงไหลยึดติดอยู่กับเงินทองผลประโยชน์จนทำร้ายผู้คนมากมายขนาดนี้ และยอมสละเงินรางวัล 100 ล้านโดยไม่แทงพ่อตนเอง แล้วก็ตัดกลับมาที่บริเวณบันไดหนีไฟของบริษัท จบลงโดยการกดหมายเลข 2 ในมือถือ คือ ไม่เล่นเกมส์ แบบนี้จะจรรโลงและช่วยปรับปรุงคุณธรรม จริยธรรมของสังคมมนุษย์ดีกว่ามั๊ยครับ ในประเด็นศิลปะภาพยนตร์ การจบแบบนี้ ถ้าผู้ชมไม่เคยดูเรื่อง Devil’s Advocate หรือ Click ก็แน่นอนที่จะไม่ทราบว่ามีลักษณะการเล่าเรื่องแบบเดียวกับ Devil’s Advocate กับ  Click หรือถึงแม้เคยดูสองเรื่องนี้มาก่อน การมีลักษณะการเล่าเรื่องที่เหมือนกันก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร เพราะธีมและเนื้อหาของเรื่องต่างกัน ไม่เช่นนั้น Click มิเสียหายว่าเลียนแบบตอนจบอย่าง Devil’s Advocate หรือ ?? Hero มิเสียหายว่าเลียนแบบการเล่าเรื่องแบบราโชมอนหรือ Huh   ธีมของ Devil’s Advocate อยู่ที่ “เราจะเอาความสามารถที่สูงส่งของเราไปช่วยเหลือคนชั่วเพื่อผลประโยชน์ลาภยศเงินทองหรือ” ในขณะที่ธีมของ Click อยู่ที่ “ การหนีปัญหาของชีวิตจะทำให้เราไม่เข้าใจชีวิตดีพอและสูญเสียห้วงเวลาแห่งการเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาชีวิตจนมีผลไปสู่ความล้มเหลวของครอบครัว” สองเรื่องนี้ใช้วิธีนำเสนอและจบเหมือนกันเด๊ะ แต่ธีมไม่เหมือนกัน ธีมของเรื่อง 13 เกมสยองก็ไม่เหมือนสองเรื่องที่กล่าวมา หากเข้าใจไม่ผิด ธีมของ 13 เกมสยองคือการจะสื่อว่า “การทำความดีเป็นคนดีก็อาจจะไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดีเสมอไป” ถ้าเราจะสื่อกันเพียงเท่านี้แล้วเผยแพร่ออกไปให้กับสังคมหรือเยาวชน มันจะเป็นการยุให้คนเปลี่ยนแนวความคิดที่ว่า “ทำดีได้ดี” ไปหรือเปล่า การที่สังคมปัจจุบันไม่เป็นไปตามนั้นเป็นเพราะโลกและสังคมมนุษย์ในยุคหลังๆนี้มีการเปลี่ยนแปลง ถูกแทรกซึมด้วยค่านิยมแปลกๆเพี้ยนๆมากเกินไป เราจะสนับสนุนให้สิ่งเหล่าเดินหน้าต่อไปหรือ หรือจะช่วยกันต่อต้านด้วยการดึงคนที่เริ่มท้อแท้กับการทำความดีให้กลับมาช่วยกันทำความดี แล้ววันหนึ่ง การทำความดีจะส่งผลให้คนทำความดีได้ดีเหมือนสมัยก่อน !!! คิดหรือไม่ว่า จบลงแบบนี้แล้ว เยาวชนจะเอาแบบไหนไปเป็นเยี่ยงอย่าง เป็นไปได้มั๊ยที่เราจะเพิ่มธีมเข้าไปอีกนิดนึงจากที่ว่า “การทำความดีอาจจะไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดีเสมอไป” เพิ่มต่อออกไปอีกว่า “แต่การหลงติดอยู่กับหลักการที่ว่าการทำความดีอาจจะไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดีเสมอไป จะทำให้เราจมดิ่งลงไปสู่หายนะมากๆขึ้น เราควรฉุดรั้งดึงตัวเองออกจากบ่วงนั้น และตั้งหน้าทำความดีต่อสู้กับความไม่ยุติธรรมบางอย่างในสังคม จนวันหนึ่งความไม่ยุติธรรมเหล่านั้นจะหมดไปจากสังคม"  !!!!! จบแฮปปี้เอ็นดิ้งแบบนี้จะน้ำเน่ามั๊ยครับ

ตัวอย่างถัดไปที่อยากวิจารณ์คือเรื่อง “ฟ้า” หนังบู๊ของเราเมื่อหลายปีมาแล้ว ต้องยอมรับว่า ณ ช่วงเวลานั้น เรื่อง”ฟ้า” เป็นหนังไทยที่ผู้สร้างพยายามจะไม่ให้เป็นหนังน้ำเน่าได้ดีทีเดียว แต่ด้วยความรู้สึกส่วนตัว ผมก็ว่าหนังเรื่องนี้พลาดตอนจบไปนิดเดียว คือปล่อยให้นางเอกตาย ถ้าเราสังเกตหนังฮอลลีวู้ด(อีกแล้ว) จะเห็นว่า อาการแบบนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นง่ายๆ ความสะเทือนใจที่คนดีต้องตายไป หนังฮอลลีวู้ดมักจะให้เกิดกับเพื่อน ญาติพี่น้อง หรือหนักๆเข้าก็พ่อแม่คนใดคนหนึ่งของพระเอกหรือนางเอก เค้าจะให้ตายไปทีละนิดทีละหน่อย แต่สุดท้ายมักจะให้พระเอกนางเอกรอด มองแบบนักเขียนบท บางคนอาจบอกว่ามันน้ำเน่า ครับ ก็คงไม่ผิด แต่ ... แต่ทำไมหนังฮอลลีวู้ด ซึ่งทำเงินเยอะที่สุดในตลาดยังคงมักให้หนังแอคชั่นจบลงแบบนั้น Huh? ผมคิดเอาของผมเองนะครับว่า เพราะหนังแอคชั่นมันไม่ค่อยมีสาระอะไรกับคนดูเหมือนหนังดราม่า เช่นนั้นแล้ว สิ่งดีๆความรู้สึกดีๆที่หนังจะให้คนดูกลับออกไปจากโรงคืออะไร มันก็คือภาพและผลลัพธ์ของหนังที่จบลงดีๆ ให้คนดูกลับออกไปด้วยความชื่นอกชื่นใจ ไม่ต้องกลับไปฝันร้ายหรือเกิดอาการติดตาคล้ายกับที่ตัวอย่างที่ว่าก่อนถึงบ้านเจอศพเรียงกันเต็มถนนแล้วจะกลับไปติดตาอีกนานเท่าไร

ถึงตรงนี้อย่าหาว่าวิจารณ์แต่หนังไทยนะครับ ถัดไปคือหนังเกาหลีที่ได้ยินว่าใช้ทีม Visual Effect เดียวกับ Harry Porter 4 และ Pirate of the Caribbean 2 คือ The Host หนังเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดที่กลายพันธุ์มาจากปลาในแม่น้ำจนเป็นสัตว์ตัวมหึมาเนื่องมาจากการทิ้งสารเคมีลงแม่น้ำของห้องทดลอง ไม่ว่าจะเป็นแผ่นปิดโฆษณาหรือหนังตัวอย่าง ต่างก็ชูโรงให้หนูน้อยฮุนเซียวเป็นตัวเอก หนังให้สัตว์ประหลาดโผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำฮาน อาละวาดไล่กัดกินผู้คนริมแม่น้ำ จนแม่หนูฮุนเซียวโดนจับไป โดยไม่ตาย ถูกสัตว์ประหลาดเอาไปเก็บไว้กับศพอื่นๆในซอกหลืบแห่งหนึ่งริมแม่น้ำฮาน หนังให้ฮุนเซียวใช้โทรศัพท์มือถือโทรมาบอกพ่อว่ายังไม่ตาย ครอบครัวของฮุนเซียวที่สิ้นหวังไปแล้วกลับมีความหวังขึ้นมา แต่รัฐบาลไม่เชื่อว่าหนูน้อยยังมีชีวิต คิดว่าตัวพ่อเพี้ยน จึงไม่ส่งคนออกค้นหา ทำให้ครอบครัวของฮุนเซียวต้องออกตามหากันเองตามมีตามเกิด สุดท้ายก็เจอ แต่ฮุนเซียวตาย พ่อฮุนเซียวได้เด็กจรจัดอีกคนที่ถูกจับไปทีหลังมาเลี้ยงแทน ...... เลยต้องเดินหงอยออกจากโรงเลย !!

ดูแล้วเหมือนกับว่าฮอลลีวู้ดจะเอาใจใส่และคำนึงถึงความอ่อนไหวของคนดูและสังคมดีทีเดียว อีกตัวอย่างที่เห็นได้คือ ฉากบู๊  หนังฮ่องกงมักจะให้สมจริงรุนแรง ซึ่งดูแล้วก็สะใจดี บางเรื่องถึงขั้นเตะถีบหรือฆ่าผู้หญิงกันให้เห็นชัดๆ ซึ่งคิวบู๊ฮอลลีวู้ดในหนังแอ็คชั่นมักจะไม่โหดเท่า อาจจะมีดีกรีความโหดมากขึ้นบ้างในแนว Horror  แต่โดยเฉลี่ยแล้วคงไม่เท่าหนังฮ่องกง ซึ่งหนังของเฉินหลงจะเป็นข้อยกเว้น สังเกตได้ไม่ยากว่าเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเฉินหลงคือ เฉินหลงจะไม่ชกต่อยต่อสู้จนคู่ต่อสู้ตายคามือเขา ความรุนแรงไม่โหดเท่าหนังบู๊ฮ่องกงทั่วไป เน้นไปที่ความพริ้วและความสวยงามของท่วงท่ากังฟู จริงอยู่ของเค้ามักจะมีฉากที่ตัวละครตก กระแทกแรงๆแบบจะโชว์ว่าไม่ใช้สตั๊นท์ แต่เค้าจะไม่ค่อยเล่นกับผู้หญิงหนักๆหรือโหดๆ นานๆมีครั้งเช่นมีวิ่งสู้ฟัดอยู่ภาคนึงที่เค้าคว้านางเอกที่กำลังขับมอเตอร์ไซค์ออกไปจนตกลงมานั่งจ้ำเบ้ากับพื้น นั่นคงเป็นอิทธิพลของหนังฮ่องกงทั่วไปที่หลงเหลืออยู่ในวิ่งสู้ฟัดภาคนั้น

ถ้าจะว่าถึง “หนังที่จบลงอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้งโดยไม่จำเป็นต้องเป็นหนังน้ำเน่าเสมอไป” ผมก็นึกถึงหนังอยู่หลายเรื่อง เรื่องแรกต้องบอกว่าเป็นหนังคู่กัน คือ The Lake House ซึ่งคู่กับหนังเกาหลี IL MARE เพราะ The Lake House เอาพล็อต IL MARE มาสร้างใหม่เป็นแบบฉบับฮอลลีวู้ด  หนังคู่นี้จบอย่างแฮปปี้เอนดิ้งได้อย่างสวยงาม เป็นเรื่องเกี่ยวกับข้ามมิติของเวลา แต่เป็นเรื่องของความรัก มิใช่แนว Back to the future คือพระเอกกับนางเอกสื่อสารกันผ่านตู้จดหมายของบ้านริมทะเลสาปหลังเดียวกัน แต่สองคนอยู่ห่างกัน 2 ปี ก่อนจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง บทได้สร้างสถานการณ์อันเป็นอุปสรรคอย่างน่ากลัวที่จะให้พระเอกต้องโดนรถชนตาย แต่สุดท้ายนางเอกสามารถแก้ทางได้อย่างสวยงามจนพระเอกรอดและก็ได้เจอกันจริงๆในที่สุด (เรื่องนี้อ่านสรุปสั้นๆคงเข้าใจยากนะครับ ต้องดูเองครับ)

หรือล่าสุดคือหนังแอนนิเมชั่นเรื่อง CARS   จะเห็นว่าตอนท้ายของเรื่องมีรถ 3 คันเข้าชิงชัยกัน คันพระเอกก็คือพระเอก คันถัดมาคือแชมป์เก่าที่จะแข่งนัดนี้เป็นนัดสุดท้าย และคันสุดท้ายคือผู้ร้ายหรือนักแข่งตัวโกงนั่นเอง ถ้าคิดบทกันง่ายๆ(หรือจะเรียกว่าน้ำเน่าของเซียนก็ได้) ก็คงให้จบลงแบบง่ายๆว่า สู้กันไปสู้กันมาตลอดการแข่งขันแล้วสุดท้ายก็พระเอกเข้าเส้นชัยได้ที่หนึ่ง แต่ CARS ไม่เป็นเช่นนั้น CARS ให้ตัวโกงเข้าที่หนึ่ง ส่วนพระเอกที่กำลังจะเข้าที่หนึ่งอยู่แล้วกลับถอยรถกลับมาช่วยแชมป์เก่า(ที่กำลังจะอำลาชีวิตการแข่งรถนัดนี้เป็นนัดสุดท้าย) ช่วยเข็นแชมป์เก่าที่โดนตัวโกงชนให้พลิกคว่ำหลายตลบจนจอดแน่นิ่งไปไหนไม่ได้ให้เข้าจนถึงเส้นชัย(แม้ไม่ใช่ที่หนึ่ง)พร้อมกับคำพูดที่ว่า “ ผมคิดว่าคุณควรอำลาสนามในนัดสุดท้ายด้วยการวิ่งให้ครบรอบจนถึงเส้นชัยนะ ” !!!! สุดท้าย ตัวโกงได้ถ้วยก็จริง แต่คนโห่กันทั้งสนาม ฝ่ายพระเอกแม้ไม่เป็นผู้ชนะ แต่ก็ได้รับการติดต่อจากสปอนเซอร์ให้เป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้าแทนตัวโกงทั้งๆที่ชนะเข้าที่หนึ่ง เห็นมั๊ยครับว่า ทั้งแฮปปี้เอ็นดิ้งและไม่น้ำเน่า แถมถือเป็นแนวการจบแบบใหม่อีกแบบนึงที่ประทับใจคนดูและจรรโลงความเป็นมนุษย์ได้ดีทีเดียว

เรื่องถัดไปที่คล้ายๆกันก็คือ The Legend of Bagger Vance พระเอกเป็นตัวละครที่เคยมีฝีมือการเล่นกอล์ฟที่น่าประทับใจคนในวงการมาก่อน แล้วจู่ๆต้องเข้าสงครามจนทหารลูกน้องตายหมด ตัวเองกลับมาตุภูมิด้วยความรู้สึกว่าตัวเองผิดจนเพี้ยน กินเหล้าเมายา ทิ้งแฟนที่ยังรักตัวเอง ฝีมือกอล์ฟที่เคยโด่งดังก็สูญสิ้น เรื่องนี้แต่งเหตุการณ์เพื่อต้องการให้พระเอกฟื้นจากสภาพย่ำแย่ดังกล่าวด้วยการสร้างเงื่อนไขให้ต้องกลับมาแข่งกอล์ฟนัดประวัติศาสตร์ เป็นการแข่งขันกับมือวางอันดับสูงของประเทศที่มาจากรัฐอื่น ถ้าคิดแบบพื้น(หรือน้ำเน่า) ก็ไม่พ้นต้องจบลงว่า หลังจากขับเคี่ยวกันอย่างหนักหน่วงกับคู่ต่อสู้ สุดท้ายพระเอกก็ชนะที่หนึ่ง หากแต่เรื่องนี้ไม่เป็นเช่นนั้น อ้าว ถ้าพระเอกไม่มาวินเป็นที่หนึ่งแล้วหนังจะจบลงอย่างสวยงามได้อย่างไรเล่า ... สวยครับ เรื่องนี้จบสวยมากๆอีกเช่นกัน หนังเรื่องนี้เดินเรื่องให้พระเอกเริ่มต่อสู้แล้วดีขึ้นๆเรื่อยๆไปในระหว่างการแข่ง เสน่ห์อีกอย่างของเรื่องนี้ที่ต้องบอกว่าสวนกับคำว่าน้ำเน่าคือ พระเอกไม่ได้ดีขึ้นแบบพรวดๆๆไปจนจบเรื่อง หากแต่ดีขึ้นๆ แล้วบางตอนเกิดความฮึกเหิมหยิ่งพยองขึ้นมาบ้างจนทำให้ตกลงไปอีก หนังเรื่องนี้สร้างให้ตัวพระเอกต้องฝ่าฝันกับทั้งภูมิหลังที่ฝังใจ และความอหังการที่เกิดจากความสำเร็จในการตีบางหลุม  สุดท้าย หนังเรื่องนี้แสดงออกถึงน้ำใจนักกีฬาที่พระเอกมีในหลุมสุดท้ายของการแข่งขัน ว่าตัวเองทำผิดกติกาเข้าให้แล้วด้วยการไปดึงหญ้าที่อยู่ใกล้ลูกกอล์ฟจนลูกเขยื้อนและบอกกับกรรมการและคู่แข่งขัน (ทั้งที่ไม่บอกก็ไม่รู้)  ตามด้วยน้ำใจนักกีฬาของคู่ปรับทั้งสองคนอีกว่า เราไม่อยากชนะคุณด้วยการฟาวล์แบบนี้แล้วตบไหล่พระเอกให้เล่นหลุมสุดท้ายให้จบเกมส์ ซึ่งเกมส์จบลงด้วยทั้งสามคนเสมอกัน สองคนเป็นมือวางอันดับสูงสุดของประเทศ อีกคนเป็นผู้แพ้และเพี้ยนจากสงคราม(แต่มีฝีมือเก่าอยู่ก่อน) จบลงได้สวยงามมากจริงๆ แบบไม่น้ำเน่าด้วย !!!!!

ลองมาดูตัวอย่างหนังฮอลลีวู้ดที่ไม่ได้จบลงอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้งบ้าง

Titanic เป็นที่ทราบๆกันแล้วว่า ตอนจบ Jack ตาย ซึ่งถูกต้อง ไม่แฮปปี้เอ็นดิ้ง แต่หนังเค้ามีเหตุผลที่จะให้เป็นแบบนั้น บทเค้าอิงอยู่กับความเป็นจริง (Realistic) ทีเดียวว่า ในชีวิตจริง ฐานะอย่าง Jack และ Rose ไม่น่าจะไปกันได้ตลอดรอดฝั่ง บทสื่อให้เห็นถึงความรักของคนสองคนที่ต่างฐานะกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งความผูกพันแบบนี้อาจเกิดขึ้นได้จริง ความผูกพันและความรักแบบนี้มันโดนใจคน แต่ในที่สุดเค้าต้องจบลงอย่างที่ความเป็นจริงส่วนใหญ่จะเป็นคือ ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ซึ่งเค้าไม่ได้ให้”ความที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน” เกิดจากการขัดขวางของผู้อื่น แต่ให้เกิดจากอุบัติเหตุ การจบลงอย่างไม่แฮปปี้เอ็นดิ้งของเรื่องนี้ถึงแม้จากสร้างความหงอยเหงาเศร้าสร้อยให้คนดูไปนาน แต่ลึกๆแล้วมันทำให้อีกด้านหนึ่งของจิตใจรู้สึกและสัมผัสได้ถึงความงดงามของความรักที่จริงใจ (จนยอมสละชีวิต และไม่ตายจากไปเปล่าๆ แถมยังห่วงใยนางเอกจนต้องกำชับให้สัญญาว่าจะอยู่รอดต่อไปให้ได้)  ซึ่งเป็นความประทับที่ดีๆต่อคนดู

Hero ที่นำแสดงโดย Jet Li พระเอกเก็บความแค้นที่จิ๋นซีฮ่องเต้ปราบก๊กเหล่าต่างๆเพื่อรวมชาติและไปส่งผลให้ครอบครัวพระเอกตายยกครัวจนซุ่มฝึกวิทยายุทธเพื่อเข้าสังหารฮ่องเต้ให้ได้ บทให้พระเอกประสบความสำเร็จจนเข้าถึงตัวฮ่องเต้และพร้อมจะสังหารได้แล้ว แต่เมื่อฮ่องเต้ทำให้พระเอกได้ตระหนักถึงความจำเป็นและความจริงใจของฮ่องเต้ที่จะรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่นเพื่อให้ประชาราชมีความอยู่เย็นเป็นสุขที่แท้จริง พระเอกถึงกับล้มเลิกความแค้นที่สะสมมานับสิบปีและความตั้งใจที่ที่จะสังหารฮ่องเต้ลง และสุดท้ายจบลงด้วยที่พระเอกก็ยังคงต้องถูกประหาร ครับ ไม่แฮปปี้เอ็นดิ้งเลย แต่มันก็ทำให้คนรู้รับรู้ได้ถึงความดีงามบางอย่างของของคน แถมพ่วงด้วยแนวความคิดในเชิงปกครองและเมตตาธรรมของฮ่องเต้ที่ว่า ฮ่องเต้อยากอภัยโทษให้พระเอก แต่เหล่าขุนนางก็เสนอว่า การคิดลอบปลงพระชนม์สมควรมีโทษถึงตายและควรเคร่งครัดมิให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ตอนจบบอกได้เลยว่าเศร้าและบีบหัวใจคนดูมากทีเดียว แต่ในความเศร้าเสียดายก็ยังแฝงความรู้สึกดีๆเอาไว้ด้วยมากเช่นกัน อีกนิดนึงเกี่ยวกับการเล่าเรื่องของ Hero จะเห็นว่า เรื่องนี้มีลักษณะการเล่าเรื่องคล้ายกับ ราโชมอน มากทีเดียว อย่างนี้แล้วเราจะหาว่า Hero เลียนแบบ ราโชมอน มั๊ย การเล่าอาจใช่ แต่ธีมนั้นไม่เหมือนกันเลย

ไม่ใช่ว่าหนังฮอลลีวู้ดไม่มีแนวจบแบบให้คนดูได้แต่ความหดหู่กลับไปนะครับ นานมาแล้วเคยมีหนังเรื่องนึง (จำชื่อไม่ได้ครับ เพรานานมาแล้วจริงๆ) ที่ตอนจบผีเล่นงานคนจนหมดทั้งเมือง ผมงี้กลับมาหดหู่ไปนานเลย ว่าทำไมมันต้องเป็นแบบนั้นด้วย หรืออย่างเรื่อง Seven ที่ Brad Pitt กับ Morgan Freeman แสดง Brad Pitt ที่เป็นตำรวจที่ตามล่าฆาตกรต่อเนื่อง แต่สุดท้ายจบลงด้วยการที่ภรรยาของตัวเองโดนซะเอง ครับ จบแบบนี้มันไม่น้ำเน่าดี มันไม่เหมือนใครดี มันสะใจดี แต่มันส่งผลอะไรต่อจากนั้นบ้างล่ะครับ มากบ้างน้อยบ้างก็แล้วแต่ความรุนแรง

ท่านล่ะครับ หลังจากจ่ายตังค์ค่าตั๋วไปแล้ว อยากได้อะไรกลับออกมาจากโรงบ้างล่ะครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 21, 2006, 02:09:41 PM โดย ENOLA GAY » บันทึกการเข้า
watchrapong(รักในหลวง)
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 24
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 463


« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 04:56:06 AM »



   ยาวจริงๆ แต่ก็อ่านจนจบ ขอบคุณครับ Smiley
บันทึกการเข้า
xiehua dun
เรารักในหลวง
Hero Member
*****

คะแนน 134
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6209


ปัจจุบันวัดความดีของคนที่ กม.


« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 06:26:13 AM »

ได้จากเวบไหนมาครับ
บันทึกการเข้า


เพราะฉันจะไป ด้วยหัวใจดวงนี้ สองขาที่มีจะปีนสู่ภูผา
เพราะฉันจะไป ให้เห็นความสุขแท้มันด้วยตา
เมื่อได้มองลงมาเห็นโลกในมุมอีกมุม     มันคงช่างงดงาม
JJ-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 386
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9425


« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 06:45:21 AM »

วิเคราะห์เจาะลึก
บันทึกการเข้า
ENOLA GAY
Hope for the Best, Prepare for the Worst
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 140
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1191



« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 02:11:15 PM »

ได้จากเวบไหนมาครับ

ผมเพ้อของผมไปเองน่ะครับ เป็นความเห็นส่วนตัว ลองเอามาเล่าสู่กันฟังครับ ผิดถูกประการใดโปรดชี้แนะและให้อภัย ฮ่าๆๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 21, 2006, 02:13:30 PM โดย ENOLA GAY » บันทึกการเข้า
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #5 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 02:24:26 PM »

ด้วยความเคารพครับ

กว่าจะอ่านจบนานครับ ผมไม่ค่อยมีเวลาดูหนังในโรงแล้วละครับ อยากจะให้ลองวิจารณ์เรื่องนี้หน่อยครับ ผมไม่แน่ใจว่าเรียกชื่อถูกหรือไม่ครับ  Sea Biscuit ที่มีคนรวย เด็กหนุ่ม กับม้าแข่งครับ

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
ENOLA GAY
Hope for the Best, Prepare for the Worst
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 140
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1191



« ตอบ #6 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 02:37:43 PM »

ด้วยความเคารพครับ

กว่าจะอ่านจบนานครับ ผมไม่ค่อยมีเวลาดูหนังในโรงแล้วละครับ อยากจะให้ลองวิจารณ์เรื่องนี้หน่อยครับ ผมไม่แน่ใจว่าเรียกชื่อถูกหรือไม่ครับ  Sea Biscuit ที่มีคนรวย เด็กหนุ่ม กับม้าแข่งครับ

ขอบคุณครับ

อุ๊ย หามิได้ ขออภัยครับ เรื่องนี้ไม่ได้ดูน่ะครับ ที่เขียนขึ้นมาก็เขียนได้แต่เรื่องที่ดูแล้วน่ะครับ เรื่องที่ไม่ได้ดูก็หลบสิครับ เดี๋ยวปล่อยไก่หมด ที่จริงปล่อยไปตัวแล้วน่ะครับ แต่จับกลับมาได้ทัน ก็เจ้าเรื่อง IL MARE นี่สิครับ หลังจากไปดู The Lake House มาและทราบว่าเอา IL MARE มาสร้างใหม่ ผมจึงรีบไปหาแผ่น IL MARE มาดู เมื่อครั้งไปหาซื้อที่ร้านแมงป่องในครั้งแรก ปรากฎว่าเค้าบอกว่าขายดีมากจนเกลี้ยง จึงได้พูดคุยกับพนักงานคนนั้นต่อ เค้าบอกผมว่า สองเรื่องนี้จบไม่เหมือนกัน คือ IL MARE จบแบบพระเอกตาย ผมยังนึกเคืองๆอยู่นิดๆว่ามาบอกลูกค้าว่าหนังจบยังไงได้ไงเนี่ย อีกใจนึงก็ว่า เอ จบแบบนี้ไม่ค่อยดีเลยนะ แต่ก็ตั้งหน้าตั้งตาพยายามจะหามาดูให้ได้โดยตลอด หลายครั้งมากๆ จนได้แผ่นแรกมา อ้าว เสียครับ แผ่นสุดท้ายของร้านนั้นแล้วด้วย ก่อนเขียนบทวิจารณ์นี้ก็ยังหาไม่ได้ครับ แต่เคยได้ยินพนักงานในบริษัทเราคนนึงบอกว่าเคยดู เลยถามว่าพระเอกตายใช่มั๊ย เค้าก็ยืนยัน ผมเลยต่อว่า IL MARE ซะเสียเลย จนเมื่อวานเพิ่งได้อีกแผ่นนึงมาจึงรีบมาเปิดดูตอนจบให้แน่ใจก็ปรากฎว่า ไม่ตายครับ จบแฮปปี้เอนดิ้งได้อย่างสวยงามแบบ The Lake House แหละครับ เลยต้องแก้ไขบทวิจารณ์นิดนึงครับ  ที่ว่าปล่อยไก่ไปแล้วจับกลับมาได้ทันก็คือว่าผมได้ส่งไปให้คอลัมน์บันเทิงของหนังสือพิมพ์ธุรกิจฉบับนึง เค้าตอบกลับมาว่าจะพิจารณาลงโดยวันเวลาตีพิมพ์จะแจ้งให้ทราบอีกทีและขอตัดต่อให้เข้ากับหน้ากระดาษ

เรื่องวิจารณ์แบบนี้เสี่ยงต่อการไม่เห็นด้วยครับ และผมก็พร้อมที่จะเปิดใจกว้างฟังคำโต้แย้งที่เห็นไม่ตรงกันครับ แหม เราก็ไม่ใช่คนในวงการที่ร่ำเรียนมาทางนี้ มิบังอาจครับ อิอิ จะว่าไปมันก็เหมือนอาหารนะครับ จานเดียวกันมีทั้งคนว่าอร่อยและไม่อร่อย แม้เจ้าที่อร่อยจริงๆมีคนชมมากๆๆก็อาจมีบางคนไม่ชอบก็มี เขียนสนุกๆคันมือน่ะครับ ยังมีบางประเด็นไว้ว่างๆจะเขียนส่งไปอีกครับ  Smiley

อ้อ ขอบคุณครับที่ให้เกียรติวิจารณ์ครับ เสียดายที่ไม่ได้ดูน่ะครับ จะขอเป็นเรื่องอื่นเดี๋ยวเจอเรื่องที่ไม่ได้ดูอีกหน้าแตกเลย อิอิ  Grin

เว็บเรานี่มีสมาชิกเก่าแก่ที่เป็นเซียนวิจารณ์ตัวจริงอยู่แล้วนะครับ คุณ Law Enforncement ไงครับ นับถือๆครับ  Smiley
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 21, 2006, 02:42:50 PM โดย ENOLA GAY » บันทึกการเข้า
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #7 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 02:52:15 PM »

ด้วยความเคารพครับ

สำหรับผมดูหนังเรื่องนั้นจบแล้วบอกได้คำเดียวว่า คนล้มอย่าข้าม ครับ ลองหามาดูนะครับสนุกดีนะครับ

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
ENOLA GAY
Hope for the Best, Prepare for the Worst
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 140
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1191



« ตอบ #8 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 03:15:49 PM »

ด้วยความเคารพครับ

สำหรับผมดูหนังเรื่องนั้นจบแล้วบอกได้คำเดียวว่า คนล้มอย่าข้าม ครับ ลองหามาดูนะครับสนุกดีนะครับ

ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ ไปร้านหนังจะลองถามหาดูครับ
บันทึกการเข้า
coda
None of us is as smart as all of us.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1081
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20779



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: ตุลาคม 23, 2006, 11:59:20 AM »

ด้วยความเคารพครับ

สำหรับผมดูหนังเรื่องนั้นจบแล้วบอกได้คำเดียวว่า คนล้มอย่าข้าม ครับ ลองหามาดูนะครับสนุกดีนะครับ

ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ ไปร้านหนังจะลองถามหาดูครับ

...Sea Biscuit เป็นหนังที่ผมชอบเรื่องหนึ่งครับ  Wink
บันทึกการเข้า

Check your monitor:

https://www.facebook.com/StudioCoda

"ยึดปืนคนดี  อัปรีย์จะครองเมือง"
toi
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 1
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 373

ทุกๆสิ่งมีสองด้านเสมอ


« ตอบ #10 เมื่อ: ตุลาคม 23, 2006, 01:27:01 PM »

ผมก็ตามดูหนังดังๆตามๆเขาไปนานๆครั้งจะเจอหนังที่กินความรู้สึกซักที่...hero..ครับ Cheesy
บันทึกการเข้า
* : L๐OKPlaNoi *:.รักแม่
....หมี คอมมานโด....
Hero Member
*****

คะแนน 48
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1351


.......อาศัยความมั่ว.......เป็นฉากกำบัง..........


« ตอบ #11 เมื่อ: ตุลาคม 23, 2006, 02:23:28 PM »

ดูหนังโป๊  แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างครับ     Grin Grin
บันทึกการเข้า

เบื่อ ๆ อยาก ๆ  อยากแล้วก็เบื่อ เบื่อแล้วก็อยาก  แต่เกือบทุกครั้ง อยากมากกว่าเบื่อ
xiehua dun
เรารักในหลวง
Hero Member
*****

คะแนน 134
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6209


ปัจจุบันวัดความดีของคนที่ กม.


« ตอบ #12 เมื่อ: ตุลาคม 23, 2006, 02:49:28 PM »

ดูหนังโป๊ แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างครับ Grin Grin
ไม่ขอบอกได้มั้ย แบบว่าผมไม่รู้จะบอกยังไง ก็หวังพี่คงเข้าใจ
ผมขอเปลี่ยนเป็น มิ ดูมิยาบิเพลินๆ สักแผ่นนึงก็พอ  ฮื้อฮืม
บันทึกการเข้า


เพราะฉันจะไป ด้วยหัวใจดวงนี้ สองขาที่มีจะปีนสู่ภูผา
เพราะฉันจะไป ให้เห็นความสุขแท้มันด้วยตา
เมื่อได้มองลงมาเห็นโลกในมุมอีกมุม     มันคงช่างงดงาม
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.093 วินาที กับ 20 คำสั่ง