การแจ้งข้อหาของเจ้าพนักงานตำรวจโดยสำคัญผิดในข้อกฎหมายถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ป.อาญามาตรา 157 ซึ่งต่างจากสำคัญผิดในข้อเท็จจริง ตามกรณีที่ท่านผู้การสุพินท์ให้ความเห็นว่าอัยการจะสั่งไม่ฟ้อง แต่ความผิดฐานนี้เกิดขึ้นแล้วตั้งแต่เริ่มแจ้งข้อหาครับ
..และถ้าข้อเท็จจริงดังที่เป็นข่าว..การกระทำของเจ้าหน้าที่ตรวจที่แจ้งข้อหาและทำการจับกุม ย่อมเป็นความผิดที่กระทำสำเร็จแล้วในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา ๑๕๗ ป.อาญา.. แต่เชื่อเถอะว่าตำรวจเขาคงมีทางออก แบบตะแบง แซงซ้าย เพื่อให้รอดตัว.. โดยแจ้งข้อหาว่า ครอบครองเครื่องกระสุนปืนไว้เพื่อจำหน่าย..และขอจบลงที่การสั่งไม่ฟ้องเพื่อให้เรื่องเกมลงทั้งสองฝ่าย...
ตามใบ ป.๓ ที่ระบุจำนวนกระสุนไว้ เป็นการกำหนดเพื่อการซื้อกระสุน..พร้อมกับตัวอาวุธปืน..แต่กับจำนวนกระสุนนั้นกฎหมายไม่ได้ กำหนดจำกัดจำนวนที่ครอบครองไว้..
การซื้อกระสุนปืนตามกฎหมาย จึงอาจจำกัดตามใบอนุญาตที่ขอซื้อเป็นคราวๆไป ซึ่งในความเป็นจริง ไม่ได้ปฎิบัติกัน เพราะมีทางหลีกเลียงกฎหมายได้ง่ายครับ.ถ้าจะจับกุม.ก็ต้องอาศัยคนขายมาเป็นพยาน ซึ่งคนขายก็จะผิดกฎหมายด้วยเช่นกัน..

การให้ แลกเปลี่ยน ยืม กระสุนปืนกฎหมายไม่ได้ห้ามไว้...ไม่ใช่การซื้อขาย และถ้าได้ครอบครอง ซึ่งกระสุนที่ใช้ได้กับอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาต.. จึงไม่มีความผิดตามกฎหมายครับ.. คดีที่พนักงานอัยการ ต้องฟ้องคดี..ก็อาจใช้คำวิจนิจฉัยของศาล มาประกอบดุลพินิจในการสั่งคดีต่อไปครับ.

..ในส่วนตัวกังวลครับ..อาจมีการแก้ไขกฎหมาย.. จำกัดจำนวนกระสุนที่ประชาชนจะมีไว้ครอบครอง..
