ต่อไปตัวนี้น่าจะมาแรงครับ มช.พบ'หนอนไหม' กินต้มสุก22ตัวเทียบไวอากร้า ปลุกนกเขาตื่นจากหลับไหล
ชายไทยกลุ่มนกเขาเอาแต่หลับเลื้อยขี้เซา เตรียมเฮ กรมหม่อนไหมร่วมกับทีมนักวิจัย ม.เชียงใหม่ พบหนอนไหม 2 สายพันธุ์ไทย น้อยศรีสะเกษ-1 และ เหลืองสุรินทร์ มีสาร ซิลเดนาฟิล ที่ใช้ผลิตยาไวอากร้า โดยผลการศึกษาเบื้องต้น พบหนอนไหมพันธุ์ไทย 22 ตัว นำมาสกัด ได้สารเทียบเท่าไวอากร้า 100 มิลลิกรัม เล็งนำมาแปรรูปเป็นอาหารเสริมบำรุงสุขภาพ เพิ่มมูลค่าให้หนอนไหม แต่เตือนไม่แนะกินสด เสี่ยงติดเชื้อโรค ควรนำไปต้มก่อนเปิบ
นักวิจัยไทยพบสรรพคุณที่คาดไม่ถึงของดักแด้หนอนไหมในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 14 มี.ค.หลังได้รับการเปิดเผยจากนายอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึงการวิจัยของ ดร.วิโรจน์ แก้วเรือง ผู้เชี่ยวชาญกรมหม่อนไหมที่ทำร่วมนักวิจัยด้านเคมีและด้านอาหาร เพื่อศึกษาหาสารสำคัญในดักแด้หนอนไหม เพื่อนำมาเป็นผงปรุงรสอาหารสร้างมูลค่าให้กับเกษตรกร ซึ่งการศึกษาครั้งนี้สืบเนื่องจาก ผู้เชี่ยวชาญกรมหม่อนไหมได้ตั้งข้อสังเกตว่าครอบครัวชาวอีสานที่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทั้งๆที่พ่อบ้านทำงานหนัก และมีฐานะยากจนแต่สุขภาพกลับแข็งแรงและมีบุตรหลายคน ด้วยความสงสัยจึงได้มีการสอบถามถึงการใช้ชีวิตในแต่ละวัน รวมไปถึงอาหารการกิน กระทั่งรู้ว่าอาหารที่ส่วนใหญ่กินกันบ่อย คือตัวดักแด้จากหนอนไหม เบื้องต้นกรมจึงได้รวบรวมพันธุ์หนอนไหมพื้นบ้านทั้งหมด เพื่อดูคุณค่าทางอาหารสำคัญอื่นอีก
อธิบดีกรมหม่อนไหมกล่าวว่า ปรากฏว่าในการศึกษาครั้งแรก ซึ่งร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพียงแค่ต้องการแปรรูปทำเป็นผงปรุงรส หรือผงนัวแค่นั้นเอง แต่เมื่อวิจัยลงลึกจึงรู้ว่าหนอนไหมมีสารสำคัญที่คาดไม่ถึง โดยในดักแด้หนอนไหมสายพันธุ์น้อยศรีสะเกษ-1 และพันธุ์เหลืองสุรินทร์ ไม่ได้เพียงแค่เพิ่มรสชาติอาหารให้อร่อยเท่านั้น จากการวิเคราะห์พบว่าหนอนไหมยังมีสารซิลเดนาฟิล (ชื่อสามัญทางยาของไวอากร้า) ที่มีฤทธิ์ช่วยขยายหลอดเลือดแบบเดียวกับยาไวอากร้า
อธิบดีกรมหม่อนไหมกล่าวอีกว่า ดังนั้น เพื่อให้รู้ว่าสารดังกล่าวในดักแด้หนอนไหมต้องใช้จำนวนมากน้อยเพียงใด และใช้วิธีอะไรในการสกัดให้ได้สารสำคัญ กรมจึงร่วมกับ ผศ.ดร.สมชาย จอมดวง คณะอุตสาหกรรมเกษตร รศ.ดร.ปรัชญา วงศ์ทวีเลิศ ดร.ณัฐชัย ดวงนิล ภาควิชาเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ ร่วมกันศึกษาต่อ จนกระทั่งรู้หากใช้ดักแด้หนอนไหมสดๆ โดยไม่ผ่านการต้มจำนวน 22 ตัว หลังนำมาสกัดด้วยแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ จะได้รับสารซิลเดนาฟิลปริมาณ 101.57-102.55 มิลลิกรัม มากกว่ากินยาไวอากร้า ขนาด 100 มิลลิกรัม ที่นำเข้าจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ดี อธิบดีกรมหม่อนไหมได้กล่าวเตือนว่า การนำเอาหนอนไหมมากินสดๆนั้นจะสุ่มเสี่ยงทำให้เกิดการติดเชื้อโรคได้ง่าย ซึ่งชายไทยคนไหนที่ต้องการกินดักแด้หนอนไหมเพื่อให้ได้รับสารดังกล่าว ช่วงเวลานี้ วิธีที่ดีสุดคือนำดักแด้หนอนไหมที่ผ่านการต้มเพื่อสาวเอาเส้นไหมไปทอผ้านำมากิน แม้จะได้รับสารซิลเดนาฟิลในปริมาณไม่มากเท่ากับการสกัด แต่ถือว่ามีความปลอดภัยต่อสุขภาพอย่างแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ ในอนาคตกรมหม่อนไหมมีแนวคิดจะนำหนอนไหมพื้นบ้านทั้ง 2 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์น้อยศรีสะเกษ-1 และพันธุ์เหลืองสุรินทร์ มาแปรรูปทำเป็นอาหารเสริมบำรุงสุขภาพ ที่เพิ่มมูลค่าได้สูงกว่าการทำเป็นเครื่องปรุงอาหารต่อไป
http://www.thairath.co.th/content/590919555555 ถ้าท่านผู้นำพูด " ยาย ม่ะเชื่อ " หรอก อ่ะ ฮา 555555

ถ้า ไม่มีน้ำปลูกข้าว ก็ให้ปลูก หมามุ่ย อ่ะ ฮา 55555555
ถ้ายางพารา ราคาถูก ก็ให้ ปลูกกล้วย ปลูกผัก ในแปลงยางแทน อ่ะ ฮา 5555
หน้าร้อนนี้ ประปา ขาดแคลน อย่าถูสบู่ นาน อ่ะ ฮา 55555
ถ้าไม่จุดไม้ขีด ไฟป่า ก็ไม่ไหม้ อ่ะ ฮา 55555
55555 เอออ แล้วไอ้ " หนอนไหม " กินแล้วเด้งดึ๋ง จริงป่าว อ่ะ ฮา 55555
