ด้วยความเคารพครับ
ขออนุญาตเอาความคืบหน้าของข่าวมาให้อ่านกันครับ
จาก"อุดร-หนองคาย"ปฏิบัติการโหด แก๊งโจรไทย-ลาวปล้นฆ่า"ร้านทอง"
คอลัมน์ แฟ้มคดี
เป็นความสยดสยองและสะเทือนขวัญอย่างยิ่งกับภาพวิดีโอวงจรปิด ที่จับนาทีคนร้ายบุกปล้นร้านทองห้างทองศรีกาญจนา เลขที่ 651 ถนนมีชัย ต.มีชัย อ.เมืองหนองคาย ก่อนยิงใส่คนในร้ายเสียชีวิตทั้งๆ ที่ยกมือไหว้ เมื่อกลางวันแสกๆ วันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมา
นี่นับเป็นคดีปล้นร้านทองครั้งที่ 2 ในรอบไม่ถึง 1 สัปดาห์ของภาคอีสาน
ก่อนหน้านี้เพิ่งเกิดเหตุคนร้าย 2 คนปล้นร้านทองใหญ่ในจ.อุดรธานี ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับหนองคาย แม้คนร้ายจะถูกจับเป็นและจับตาย แต่ตำรวจสงสัยว่าทั้ง 2 คดีอาจจะเกี่ยวเนื่องกับคนร้ายกลุ่มเดียวกัน!??
คดีปล้นทองที่จ.หนองคาย เป็นคดีที่อุกอาจและสยองขวัญมากๆ คดีหนึ่ง เพราะจุดเกิดเหตุอยู่กลางใจเมืองย่านธุรกิจใหญ่ของจังหวัด แถมห่างจากป้อมตำรวจไม่กี่เมตรเท่านั้น
คนร้ายสวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีน้ำเงินคาดขาว ด้านหลังหมวกมีลวดลายเป็นตัวเอ็ม สวมเสื้อแจ๊คเก็ตแขนยาวสีน้ำตาล กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบแบบผูกเชือกสีฟ้า ถือกระเป๋าเป้สีครีม รูปร่างสันทัด สูงประมาณ 160 ซ.ม. เดินเปิดประตูเข้ามาในร้าน
ขณะนั้นมีนายไพทูรย์ องคนุสสรณ์ อายุ 36 ปี น้องชายนางฉวีวรรณ องคนุสสรณ์ อายุ 38 ปี เจ้าของร้าน นั่งอ่านหนั่งสืออยู่หลังเคาน์เตอร์เพียงลำพัง
โจรโหดเปิดประตูเข้ามาก็จ่อยิงใส่ทันที 1 นัด จากนั้นกระโดดขึ้นไปยืนบนเคาน์เตอร์ และหันมาเหนี่ยวไกยิงซ้ำอีกนัดซึ่งเป็นจังหวะที่นายไพทูรย์ กำลังจะยกมือไหว้ร้องขอชีวิต
ร่างน้องชายเจ้าของร้านทองถูกแรงถีบของกระสุนปืนขนาด 11 ม.ม.กระเด็นตกจากเก้าอี้ฟาดกับตู้ทองแน่นิ่งไป!!!
จากนั้นก็คนร้ายลงมือกวาดสร้อยคอทองคำน้ำหนักราวๆ 100 บาท มูลค่าประมาณ 1,100,000 บาท ใส่กระเป๋าที่เตรียมมา และผละออกจากร้านไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนีอย่างรวดเร็ว
ระยะเวลาตั้งแต่คนร้ายเปิดประตูเข้ามาจนหนีออกไปกินเวลาเพียง 27 วินาทีเท่านั้น!??
การลงมืออย่างรวดเร็วและเหี้ยมโหดแสดงให้เห็นแน่ชัดว่าไม่ใช่มือธรรมดา แต่เป็นผู้ชำนาญทั้งการใช้อาวุธปืนและการปล้นอย่างยิ่ง
นายไพทูรย์ซึ่งถูกยิงเจาะเข้าอกซ้ายกระสุนตัดขั้วปอดสิ้นใจหลังถึงมือแพทย์ไม่นาน!!!
พล.ต.ท.ศุภวุฒิ สังข์อ่อง ผบช.ภาค 4 พร้อมด้วยพล.ต.ต.บุญชอบ คงน้อย รองผบช.ภาค 4 พล.ต.ต.ปราโมทย์ เอี่ยมทัศน์ ผบก.หนองคาย พร้อมตำรวจท้องที่เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พร้อมกันนี้หน่วยวิทยาการเก็บหลักฐานปลอกกระสุนปืน หัวกระสุน และรอยนิ้วมือคนร้าย และดูภาพวิดีโอวงจรปิดเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการติดตามตัว
ผบช.ภาค4 สั่งระดมนายตำรวจมือสืบสวนและมือปราบจากจ.ขอนแก่น และจ.อุดรธานี เข้ามาเสริม นำโดยพ.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ รองผกก.กลุ่มงานสืบสวนตำรวจภูธร จ.อุดรธานี เพราะคนร้ายลงมืออุกอาจเกินไปแล้ว
พ.ต.อ.วุฒิ ป้อมปักษา ผกก.สภ.อ.เมืองหนองคาย ซึ่งมีอาการเคร่งเครียดเนื่องจากในพื้นที่เกิดคดีปล้นร้านทองหลายครั้งแล้ว ระบุว่า ตั้งแต่ราคาทองรูปพรรณแพงขึ้นจนทะลุบาทละหมื่นเศษ ตำรวจเพิ่มสายตรวจมากขึ้น พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ร้านทองต่างๆ วางมาตรการป้องกันภัย เนื่องจากจะตกเป็นเป้าหมายของโจรมากขึ้น
แต่มีร้านทองหลายแห่งไม่ยอมปฏิบัติตามรวมไปถึงร้านเกิดเหตุ ที่ไม่จ้างรปภ.หรือตำรวจมาเฝ้าหน้าร้าน รวมไปถึงไม่ทำประกันภัยทรัพย์สินด้วย เนื่องจากเห็นว่าร้านตั้งอยู่ใจกลางเมือง และใกล้แหล่งธุรกิจใหญ่แถมมีป้อมตำรวจอยู่ใกล้ๆ
ในส่วนของการตามล่าโจรโหดรายนี้ตำรวจกระจายกำลังออกติดตามเบาะแส รวมทั้งประสานกับทางการลาวเพราะสงสัยว่าคนร้ายอาจจะหลบหนีไปกบดานด้วย!??
นอกจากนี้ ยังตั้งขั้อสังเกตว่าคดีปล้นทองที่หนองคายอาจจะโยงไปถึงคดีปล้นร้านทองในจ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ที่ผ่านมาด้วย!??
คดีดังกล่าวคนร้ายที่ลงมือ 2 คนหนีไม่รอด คนหนึ่งถูกจับเป็นและอีกคนถูกจับตาย ทำให้ไม่ได้ทรัพย์สินไปแม้แต่บาทเดียว แต่จากประวัติพบว่าเคยก่อเหตุปล้นทองในประเทศลาวมาแล้ว
ทำให้ตำรวจสงสัยว่าสมาชิกในแก๊งอาจจะไม่ได้มีแค่ 2 คน แต่อาจจะมีคนอื่นๆอีก
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตามรอยเบาะแสแก๊งดังกล่าวด้วย
สําหรับคดี 2 โจรบุกปล้นทองที่จ.อุดรธานี เป็นเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกับคดีจ.หนองคาย คนร้าย 2 คนใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนอาก้าพับฐาน เข้าปล้นร้านทองแม่ไพจิตร ตั้งอยู่กลางตลาดสดนิยม อ.บ้านผือ
คนหนึ่งถือปืนเข้ามาขู่คนในร้านและให้เพื่อนใช้ค้อนที่เตรียมมาทุบกระจกและกวาดทองรูปพรรณน้ำหนักกว่า 300 บาท
จังหวะนั้นมีตำรวจสายตรวจที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ เดินทางมาถึงพอดีคนร้ายจึงใช้ปืนยิงขู่ก่อนวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนี
ตำรวจสายตรวจขี่รถไล่ล่าคนร้ายพร้อมประสานขอกำลังเสริม ก่อนตามไปทันบริเวณป่าละเมาะบ้านภูดิน ห่างจากจุดเกิดเหตุราวๆ 3 ก.ม. โดยคนร้ายแวะจอดรถเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่ออำพรางตำรวจ
แต่โชคร้ายที่เจ้าหน้าที่มาเห็นเข้าเสียก่อนจึงเปิดฉากดวลปืนกันอย่างดุเดือด
คนร้ายรายหนึ่งถูกยิงบาดเจ็บสาหัส ทำให้เพื่อนตัดใจหนีเข้าป่าเอาตัวรอด ตำรวจเข้าล็อกตัวเอาไว้ทราบชื่อคือนายสมเด็จ พลตื้อ อายุ 46 ปี
ต่อมาเมื่อกำลังเสริมมาถึงออกติดตามล่าตัวพบคนร้ายอีกคนคือนายสมนึก ทองสวัสดิ์ อายุ 36 ปี เป็นชาวลาว นั่งหมดสภาพอยู่กลางป่าเนื่องจากถูกกระสุนเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
ตำรวจพาผู้ต้องหาส่งโรงพยาบาลแต่นายสมเด็จทนพิษบาดแผลไม่ไหวสิ้นใจตาย
ในส่วนของรถจักรยานยนต์พาหนะคนร้ายพบว่าเป็นของนายแสน เสริมใหม่ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 182 หมู่ 2 ต.แก้ว อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ที่เพิ่งซื้อรถดังกล่าวมาเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม หรือเพียง 2 วันก่อนเกิดเหตุเท่านั้น!??
ที่น่าสนใจก็คือเจ้าของร้านขายรถจักรยานยนต์ระบุว่า นายแสนกับคนร้ายที่ปล้นทองมาดูรถพร้อมกันหลายรอบ ก่อนจะซื้อด้วยเงินสดราคา 48,000 บาท
ต่อมาตำรวจประสานไปยังสปป.ลาว เนื่องจากพบว่าคนร้ายมีรูปพรรณคล้ายโจรที่ก่อเหตุปล้นร้านทองในประเทศลาวเมื่อปี 2548 โดยยิงเจ้าของร้านเสียชีวิต
เมื่อเจ้าหน้าที่สปป.ลาวเดินทางมาดูก็ยืนยันว่านายสมเด็จ ที่ถูกจับตายเป็นผู้ต้องหาคดีปล้นทองในประเทศลาว โดยเป็นคนลาวชื่อเดิมคือท้าวพรทิพย์ เป็นอดีตนายทหารของสปป.ลาว แต่ต้องคดีปล้นจึงถูกไล่ออกและดำเนินคดีด้วย
พ้นโทษออกมาไม่นานก็ก่อเหตุปล้นร้านทองได้ทองรูปพรรณน้ำหนักถึง 500 บาท จากนั้นก็หนีเข้ามากบดานในเมืองไทย ทำบัตรปลอมเป็นชื่อนายสมเด็จ
เชื่อว่านายสมเด็จ หรือท้าวพรทิพย์ ติดต่อคนไทยมาร่วมงานเพื่อความสะดวกในการดูลาดเลา และซื้อพาหนะรวมทั้งพาหลบหนีด้วย
จากเครือข่ายของกลุ่มโจรลาวและโจรไทย ที่ตำรวจเชื่อว่าน่าจะมีมากกว่า 2 คน ทำให้ตำรวจตั้งข้อสงสัยว่าคดีปล้นร้านทองในจ.หนองคาย อาจจะเกี่ยวโยงถึงสมาชิกคนอื่นในแก๊งที่ไม่ได้ร่วมลงมือด้วย
นอกจากนี้ลักษณะการแต่งตัวและการลงมือของคนร้ายทั้ง 2 คดี ก็ใกล้เคียงกันด้วย
ส่วนคนร้ายที่ปล้นร้านทองในจ.หนองคาย จะเป็นคนไทยหรือคนลาวตำรวจเองยังไม่ปักใจ เพราะมีความเป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง!??
นอกจากคดีปล้นทองในภาคอีสานถึง 2 คดีซ้อนแล้ว ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ก็เกิดเหตุร้ายปล้นร้านทองในเขตกรุงเทพฯขึ้นอีก เมื่อคนร้ายสวมหมวกกันน็อกบุกเดี่ยวปล้นร้านทองออโรร่า สี่แยกอุดมสุข ถนนอุดมสุข กทม.
ลักษณะการลงมือใกล้เคียงกับคดีที่จ.หนองคายอย่างมาก โดยคนร้ายใช้เวลาเพียง 30 วินาทีได้ทองรูปพรรณน้ำหนักกว่า 130 บาท หลบหนีไป แต่ไม่ได้ทำร้ายคนในร้าน
จากเวลาเพียง 1 สัปดาห์ เกิดคดีปล้นร้านทองในจ.อุดรธานี มาจนถึงจ.หนองคาย และกรุงเทพฯ ถึง 3 รายซ้อนๆ ทำให้ต้องมีการทบทวนถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยร้านทองกันอีกคำรบ
เนื่องจากในระยะหลังตำรวจรวมไปถึงเจ้าของร้านทองเริ่มผ่อนความระมัดระวัง ไม่เหมือนช่วงที่ราคาทองพุ่งสูงขึ้นใหม่ๆ
ห้วงนั้นตำรวจทั่วประเทศวางมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด ทั้งเพิ่มสายตรวจรถจักรยานยนต์และสายตรวจเดินเท้า ประสานกับร้านทองในพื้นที่แนะนำการป้องกันตัวเอง
ขณะเดียวกันร้านทองก็ตื่นตัวติดตั้งกล้องวงจรปิดและเปิดให้ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง มีการต่อสัญญาณเตือนภัยที่เชื่อมไปถึงโรงพักใกล้เคียงเพื่อแจ้งเหตุหากเกิดอันตราย
รวมไปถึงการจ้างรปภ.หรือตำรวจที่ออกเวรมานั่งเฝ้าหน้าร้าน หรือสอดส่องคนที่เดินผ่านไปมาอย่างระแวดระวัง
ขณะที่บางร้านถึงขนาดติดตั้งลูกกรงเหล็กล้อมเป็นคอกชนิดที่คนร้ายไม่สามารถบุกเข้ามาได้เลย จนกลายเป็นข่าวฮือฮา
แต่ก็เหมือนกับหลายเหตุการณ์ ที่เมื่อมีการระมัดระวังคดีก็เกิดขึ้นน้อย จึงเริ่มผ่อนคลายลง เฉกเช่นในช่วงนี้ที่ความเข้มในการตรวจพื้นที่ของตำรวจ หรือความระแวดระวังของเจ้าของร้านทองก็ลดน้อยลง
จึงไม่ต่างกับการประกาศเชิญชวนให้คนร้ายที่รอจังหวะอยู่เข้ามาก่อเหตุนั่นเอง!??
http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03p0149291049&day=2006/10/29ขอให้เจ้าหน้าที่นำตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้โดยเร็วนะครับ
ขอบคุณครับ