http://www.komchadluek.com/ตำรวจตามรวบจนมุม1ปล้นฆ่าน้องส.ส.โคราช ตำรวจโคราชจับคนร้ายร่วมแก๊งปล้น-ฆ่าน้องอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย ได้อีก 1 ราย หลังวิสามัญฯ 1 รายขณะต่อสู้เจ้าหน้าที่ ส่วนหัวโจกอดีตทหารนอกราชการยังหลบหนีพร้อมเงินล้าน
ขณะตำรวจออกหมายจับพร้อมตั้งรางวัลคนแจ้งเบาะแส 5 หมื่น พบพฤติกรรมโหดโดยเลือกเหยื่อที่เบิกเงินจากธนาคารและใช้วิธีการ "ฆ่าทิ้ง" เพื่อตัดปัญหา
จากเหตุการณ์คนร้าย 2 คนใช้รถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ศศ 4652 กรุงเทพมหานคร ขับปาดหน้ารถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ผก 6494 นครราชสีมา แล้วใช้อาวุธปืนยิง นายทรงศักดิ์ พิทยาภรณ์ อายุ 47 ปี เจ้าของรถและเจ้าของบริษัทบ้านแปลงก่อสร้าง น้องชายของ นายวิสิทธิ์ พิทยาภรณ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา เขต 16 พร้อมชิงเงินที่นายทรงศักดิ์เพิ่งเบิกมาจากธนาคาร 1.1 ล้านบาทหลบหนีไป ก่อนที่นายทรงศักดิ์จะเสียชีวิตที่โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
ในเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่และพลเมืองดีสามารถติดตามตัวคนร้ายได้ขณะหลบหนี จนเกิดการปะทะกัน ส่งผลให้ ส.ต.อ.มานิตย์ นารถสูงเนิน ผบ.หมู่ สภ.อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ส่วนคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 1 คน คือ นายสมศักดิ์ อุ้มบุญ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/52 ซอยชุมชนหัว เขตคลองเตย กทม.
ส่วนการติดตามตัวคนร้ายที่หลบหนีนั้น เมื่อคืนวันที่ 2 พฤศจิกายน หลังจากใช้เวลาปิดล้อมสถานที่ปะทะกันอยู่นาน ตำรวจ สภ.อ.ด่านขุนทด ได้ควบคุมตัว นายเอกราช เหลาอ่อน อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/1 หมู่ 3 ต.ท่าบุญมี กิ่ง อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี ขณะขับรถเก๋งมิตซูบิชิ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ภจ 675 กรุงเทพมหานคร วนเวียนไปมาบนถนนสายด่านขุนทด-บ้านกุดสระแก้ว อย่างมีพิรุธ พร้อมตรวจสอบและพบว่า นายเอกราชสักยันต์เป็นรูปมังกรเหมือนกับนายสมศักดิ์ คนร้ายที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต และยังพบว่า โทรศัพท์ของนายเอกราชมีการติดต่อกับนายสมศักดิ์ตลอดเวลา
จากการสอบสวน นายเอกราชให้การยอมรับว่า ตนเองเป็นพวกเดียวกับ นายสมศักดิ์ อุ้มบุญ คนร้ายที่ถูกตำรวจยิงเสียชีวิต พร้อมให้การขยายผลว่า คนร้ายที่หลบหนีไปได้ คือ นายสุชาติ ผิวละออง หรือ "จ่าชาติ" อดีตทหารนอกราชการ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 10 ต.สำเภาลูน อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ และยอมรับว่า เคยก่อคดีลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้งในหลายพื้นที่ โดยจะเดินทางไปยังตัวเมืองต่างๆ แล้วเข้าไปสังเกตการณ์ตามธนาคารต่างๆ มองเหยื่อที่เข้าไปเบิกเงินสดในธนาคารจำนวนมาก
สำหรับวิธีการนั้น นายเอกราชให้การว่า จะติดตามเหยื่อออกมาจากธนาคารด้วยรถโตโยต้าวีออส โดยใช้ทะเบียนปลอมไม่ซ้ำกันในการปฏิบัติการ เมื่อสบโอกาสก็จะเข้าปล้นเงินพร้อมฆ่าเจ้าทรัพย์ทิ้ง จากนั้นก็จะขับรถหลบหนี แต่ยอมรับว่าครั้งนี้เกิดการพลัดหลงกันเพราะใช้เส้นทางตามชนบท จึงถูกเจ้าหน้าที่ตามทันและเกิดการต่อสู้จนคนร้ายถูกยิงตาย และตนถูกจับกุม
ต่อมาเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ต.อ.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผกก.สืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 3 ควบคุมตัวนายเอกราชไปสอบสวนที่ห้องสอบสวนชั้น 3 สำนักงานสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 3 มี พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.สุรสีห์ สุนทรศารทูล รอง ผบช.ภ.3 พ.ต.อ.กรกต สาริยา รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา และ พ.ต.อ.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผกก.สส.ภ.3 หลังถูกสอบสวนนานประมาณ 3 ชั่วโมง ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ร่วมงานกับแก๊งนี้มากว่า 1 ปีเศษ พร้อมกับเผยพฤติกรรมโหดร้ายที่เลือกตั้งแต่เหยื่อโดยเล็งผู้ใช้รถยนต์ราคา แพง เดินขึ้นไปธนาคารตัวเปล่าและกลับออกมาโดยถือถุงกระดาษใส่เงินของธนาคาร หรือกระเป่า ซึ่งแสดงว่าเบิกถอนเงินและมีเงินจำนวนมาก แต่ถ้าถือกระเป๋าขึ้นธนาคาร คนร้ายกลุ่มนี้จะสรุปว่านำเงินไปฝาก
"คนร้ายแก๊งนี้ขณะออกปฏิบัติการมักจะแต่งกาย ครึ่งท่อนคล้ายทหาร หรือตำรวจเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ ใช้รถเก๋งโตโยต้า วีออส ที่โจรกรรมมาแล้วติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม รวมทั้งบางเหตุจะใช้รถจักรยานยนต์ โดยจะนัดรวมตัวกันก่อนเวลาจะลงมือเป็นครั้งคราวอยู่แถบภาคกลาง ภาคตะวันออก ส่วนภาคอีสานเพิ่งมาทำที่ จ.นครราชสีมา เป็นครั้งแรก" ผบช.ภ.3 กล่าวและว่า การลงมือในครั้งนี้สอบสวนทราบว่า คนร้ายนัดประชุมกันที่บ้านของ นายสมศักดิ์ อุ้มบุญ หรืออ้วน ที่ จ.ชัยภูมิ ที่ถูกยิงเสียชีวิต
พล.ต.ท.สถาพร กล่าวว่า จากการสอบสวนคนร้ายรับสารภาพว่า ใช้รถเก๋งปฏิบัติการ 2 คันในการตระเวนโจรกรรมรถและปล้นฆ่าชิงทรัพย์มาแล้ว 5 ครั้ง ลงมือมาแล้วที่ อ.สามโคก
และ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ที่ อ.เดิมบางนางบวช ได้เงินกว่า 1 ล้านบาท และเคยก่อเหตุใน จ.ระยอง จ.สระบุรี และล่าสุด คือ เหตุปล้นและยิงนายทรงศักดิ์ที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
ส่วนคนร้ายที่เหลือ คือ นายสุชาติ ผิวละออง หรือจ่าชาติ ล่าสุดตำรวจ สภ.อ.ด่านขุนทด ขอหมายศาลจังหวัดสีคิ้วออกหมายจับเลขที่ จ.223/2549 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พร้อมตั้งรางวัลนำจับ หรือผู้ชี้เบาะแส 50,000 บาท
ที่โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 พฤศจิกายน พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผบช.ภ.3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.อำนาจ อันอาตม์งาม ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ไปเยี่ยมให้กำลังใจ ส.ต.อ.มานิตย์ นารถสูงเนิน โดยมี ร.ต.อ.สามารถ นารถสูงเนิน บิดาของ ส.ต.อ.มานิตย์ ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการตำรวจ รวมทั้งมารดาและภรรยาของผู้บาดเจ็บที่คอยเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด ต้อนรับ โดย ผบช.ภ.3 ได้มอบกระเช้าดอกไม้ พร้อมกับเงินส่วนตัวให้ ส.ต.อ.มานิตย์ เพื่อใช้สอยเบื้องต้น 5,000 บาท
พล.ต.ท.สถาพร กล่าวว่า การให้ความช่วยเหลือตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส บช.ภ.3 มีเงินช่วยเหลือจากมูลนิธิตำรวจภูธรภาค 3 หลายมูลนิธิ รวมทั้งมูลนิธิสงเคราะห์ข้าราชการตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รวมเป็นเงินหลายแสนบาท ขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังทำเรื่องขอความช่วยเหลือ ส.ต.อ.มานิตย์ อย่างเต็มที่ ส่วนอาการล่าสุดของคนเจ็บแพทย์ระบุว่าอยู่ในขั้นปลอดภัย สามารถพูดจาตอบโต้กับผู้มาเยี่ยมได้แล้ว