เหตุเกิดที่บ้านบือซู บันนังสตา

http://mscc2.komcome.com/infomat/view.php?category=taistyle&wb_id=198

" ยุทธการซุนวู "....ฆ่าหญ้า อย่าให้เหลือราก !!

"... Step two ..."
กลยุทธซุนวู กล่าวไว้ว่า " ฆ่าหญ้า อย่าให้เหลือราก "

....การเข้ายึดพื้นที่ด้วยกำลังทหารแบบเต็มรูปแบบ มิใช่เป็นเรื่องที่กระทำได้โดยง่าย ต้องอาศัยเหตุและปัจจัยที่สมมาตร จังหวะ และ โอกาศ
... ในขณะที่ "ศัตรู"(ผู้ก่อการร้ายภาคใต้) กำลังจะเคลื่อนพล โดยอาศัยเงื่อนไข เพราะคาดการณ์ว่าได้เปรียบ ในการชิงมวลชนไว้ในอำนาจโดย โดยการฆ่า ทำลาย ไม่เลือกว่าเป็น ทารก พระ หรือ ผู้หญิง ซึ่งเป็นกลยุทธ"ข่มด้วยความกลัว " อันจะตามต่อเนื่องมาด้วยปฏิบัติการสนับสนุน"รุกชิงแดน - กวาดล้างแล้วยึดครอง"

... ดังนั้นจึงนับว่าเป็น "ที่ถูกต้อง" ของกองทัพภาคที่4 ในการใช้กลยุทธบทต้นของซุนวู "ชิงลงมือก่อน" เพื่อก้าวไปสู่Step 2 คือ "ฆ่าหญ้า อย่าให้เหลือราก" ต่อไป

.... ขอแสดงความยินดี กับชาวไทยใน 3 จ.ภาคใต้ ที่ คมช.ได้ตัดสินใจใช้กลยุทธซุนวู สู้กับแผนของCIA แบบชนิดไม่ให้ตั้งตัวติด ต้องปรบมือให้กับ แม่ทัพภาคที่4 ที่ผลักดันให้แผนนี้เป็นรูปธรรม อันจะนำมาสู่ความร่มเย็น และสันติสุขให้กับชาวไทย 3 จ.ใต้ ในอนาคตอันใกล้นี้ ดังมีปรากฏรายงาน ปฏิบัติการบางส่วน ดังนี้

>>>>>กองทัพภาค4เปิดซ้อมรบ แตกหักโจรใต้ เสริมชุดไล่ล่า-กดดัน24ชม.!! <<<
วันที่ 25 พฤศจิกายน จ.ยะลา
กองทัพภาคที่4 ยะลา

....ทหารชุดเฉพาะกิจที่ 11 ยะลา ได้ร่วมฝึกทบทวนการใช้อาวุธ และยุทธวิธีในป่า ซึ่งมีภูมิประเทศคล้ายกับพื้นที่ซึ่งเกิดเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง

........พร้อมทั้งเตรียมส่งกำลังเข้าพื้นที่ป้องกันเหตุผู้ก่อความไม่สงบลอบทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ตลอด24ชั่วโมง หลังจาก ผบ.ทบ.อนุมัติให้ส่งกำลังลงพื้นที่ตามที่กองทัพภาคที่ 4 ร้องขอ

.........สำหรับชุดเฉพาะกิจที่จะลงพื้นที่นี้ ประกอบด้วย ชุดติดตามไล่ล่า ชุดมวลชนสัมพันธ์ และชุดป้องกันประชาชนที่ขับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยเน้นพื้นที่ อ.บันนังสตา ทุกตารางนิ้ว เนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ลอบวางเพลิงสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจนได้รับความเสียหายกว่า 15 ล้านบาท นอกจากนี้ยังไล่ยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์บนถนนสาย 410 ยะลา - เบตง อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย นอกจากนี้ยังเตรียมก่อเหตุครั้งใหญ่ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้อีกด้วย ......

Special Force 202.5.87.* [ 26 พ.ย. 2549 เวลา 11:06 ] ตอบคำถามนี้

>> มุมมองใหม่ <<

........การสร้างสถานการณ์สงครามชายแดนภาคใต้เพื่อแยกดินแดนนี้ออกเป็นรัฐใหม่ โดยหวังต่อผลดังนี้ คือ

.......หนึ่ง รัฐใหม่ที่มีชาวมุสลิมกลุ่มหนึ่งออกหน้า แต่มีไอ้โม่งเป็นผู้บงการอยู่ข้างหลัง จะได้สิทธิผลประโยชน์ทางทะเลในอ่าวไทยคือแหล่งก๊าซธรรมชาติร่วมไทย-มาเลเซียตามกฎหมายระหว่างประเทศ นั่นคือผลประโยชน์ในแหล่งก๊าซธรรมชาติในเขตทับซ้อนนี้จะถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน และส่วนหนึ่งที่จะต้องถูกตัดแบ่งใหม่ออกไปให้กับรัฐใหม่ของไอ้โม่ง

.......สอง รัฐใหม่ซึ่งภาพภายนอกจะเป็นรัฐอิสลาม จะกลายเป็นศูนย์กลางควบคุมประเทศอิสลามในภูมิภาคนี้ทั้งหมด และถ้าหากมีอาณาเขตขยายมาถึงจังหวัดสงขลาก็อาจมีการขุดคลองกระเส้นล่างในพื้นที่ส่วนนี้ให้เป็นเส้นทางเดินเรือคู่ขนานกับช่องแคบมะละกา

...... สาม รัฐใหม่นี้จะเป็นศูนย์กลางโทรคมนาคมของภูมิภาคนี้ทั้งหมด โดยมีดาวเทียมไทยคมเป็นศูนย์กลางใหญ่

Source : WinMaew :: 26 Nov 2549 10:19:17 [ 203.107.194.214 ]

Special Force 202.5.87.* [ 26 พ.ย. 2549 เวลา 11:38 ] ความเห็นที่ 1/#0904 เขียนตอบคำตอบนี้

ตอนนี้กลุ่มเหล่านี้กำลังเริ่มสะเปะสะปะ และสูญเสียแนวร่วมจึงต้องใช้ความรุนแรงขู่ให้กลัว

แต่ก็ทำให้ทหารแยกแยะเป้าหมายได้ชัดเจนขึ้นเพราะเท่ากับไปกดดันชาวบ้านให้อึดอัด

ทหารควรใช้วิธีรุกเข้ากดดัน ทั้งในไทยและขอความร่วมมือจากรัฐบาลมาเลย์(ไม่ใช่มหาเด่นะ)

รวมทั้งปฏิบัติการจิตวิทยาเข้าถึงทุกพื้นที่พร้อมๆกันไปด้วย

หลังจากนั้นจึงค่อยเข้าไปสร้างงานและพัฒนาต่อไป

ไม่ใช่เอาโครงการใหญ่ๆ โยนเข้าไปเลยเหมือนทักษิน หรือที่หม่อมอุ๋ยทำอยู่ตอนนี้

เพราะจะทำให้ผู้มีอำนาจบางกลุ่มอาศัยทหารเป็นเครื่องมือเข้าไปกอบโกยผลประโยชน์

โดยมีทหารช่วยป้องกันธุรกิจให้ฟรีๆ

att 124.120.184.* [ 26 พ.ย. 2549 เวลา 18:07 ] ความเห็นที่ 2/#0905 เขียนตอบคำตอบนี้

>>> ข้อมูลเสริม <<<<

....... กลุ่มโจรมุ่ง "ปักธงปกครองตนเอง" เตรียมยึด-วางระเบิดเขื่อนบางลาง ตามแผน "แผ่นดินมืด...น้ำท่วมเมือง" ปักหมุด อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นเมืองหลวง เหตุชัยภูมิเหมาะสมป้องกันภัย

.........ภาพชาวบ้านสันติ 1 และ 2 อ.บันนังสตา จ.ยะลา หอบลูกจูงหลานกว่า 200 ชีวิต "หนีตาย" ไปอาศัยวัดนิโรธสังฆาราม เพราะทนการคุกคามจากกลุ่มโจรไม่ไหวสะท้อนถึงภาวะวิกฤติในพื้นที่นี้ได้เป็นอย่างดี

.........นอกจากพื้นที่ อ.บันนังสตา แล้ว ความรุนแรงในระยะหลังดูเหมือนจะขีดวงอยู่แค่ไม่กี่อำเภอ ได้แก่ รามัน ธารโต และ ยะหา ซึ่งทั้งหมดอยู่ใน จ.ยะลา

.........โดยเฉพาะที่ อ.บันนังสตา ถือเป็นแหล่งเคลื่อนไหวสำคัญของกลุ่มโจรมาช้านาน จึงทำให้อำเภอแห่งนี้มีสถิติการก่อเหตุติดอันดับ 1 ใน 8 ของพื้นที่ที่มีการก่อเหตุมากที่สุด!!!

.........น่าสนใจยิ่งขึ้นว่า ยุทธวิธีเชิงรุกต่อจากนี้ คือ การวางเป้าหมาย "ระเบิดเขื่อนบางลาง" หลังจากทำการขับไล่ชาวไทยพุทธออกนอกพื้นที่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

.........ยุทธวิธีดังกล่าวเป็นไปตามแผน "แผ่นดินมืด...น้ำท่วมเมือง" ซึ่งมุ่งหมายที่จะปักธงรัฐปัตตานีในพื้นที่ อ.บันนังสตา เป็นแห่งแรก !?!?

........ แผนการดังกล่าวมีมูลมากขึ้นเมื่อได้ข้อมูลว่า ผู้ก่อความไม่สงบได้จัดตั้งกองร้อย 340 จำนวน 3 กองร้อย เพื่อโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่รอบเขื่อนบางลาง ซึ่งครอบคลุมทั้ง อ.บันนังสตา และ อ.ธารโต

..........นอกจากนี้ ในการตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหาก็พบหลักฐานสำคัญ คือ "ภาพถ่ายเขื่อนบางลาง" จึงมีความเป็นไปได้สูงที่คนร้ายจะยึดเขื่อนบางลางเป็นพื้นที่ยึดครองเพื่อเจรจาต่อรอง

.........หากรัฐบาลไม่ยินยอนตามข้อเรียกร้องก็จะใช้แผนแผ่นดินมืด...น้ำท่วมเมือง นั่นคือ การยึดและวางระเบิดเขื่อนบางลางเพื่อให้เกิดความเดือดร้อน และปั่นป่วนไปทั้งเมือง!!

.........สอดคล้องกับข้อมูลของ นายณฐพลฒ์ วิเชียรเพริศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งชี้ว่า การก่อเหตุอย่างหนักในพื้นที่ อ.บันนังสตา เพราะมีเป้าหมายที่จะก่อเหตุใหญ่กับเขื่อนบางลาง

........"ข้อมูลเรื่องนี้งานการข่าวได้แจ้ง และประสานมาตลอด เราจึงไม่ประมาท โดยได้เตรียมแผน และระดมกำลังป้องกันอย่างเต็มที่" รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ให้ความมั่นใจ

..........ส่วนแผนของคนร้าย คือ การเดินหน้าก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยมทารุณทุกรูปแบบเพื่อกดดันไม่ให้คนที่อพยพไปแล้วกลับเข้ามาอีก และจะผลักดันคนที่ยังอยู่ออกไปทั้งหมดเพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ให้เร็วที่สุด

.........สำหรับ แผนแผ่นดินมืด...น้ำท่วมเมือง ถูกกำหนดไว้นานแล้ว และเคยซักซ้อมครั้งใหญ่ในปฏิบัติการ "ปิดไฟ...ถล่มเมืองยะลา" เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2548 ซึ่งเป็นบททดสอบครั้งสำคัญของกลุ่มโจร

...........ปฏิบัติการครั้งนั้นประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เพราะทำให้กล้องวงจรปิดกว่า 400 ตัวที่ติดตั้งใน จ.ยะลา ใช้การไม่ได้เลย และสร้างความปั่นป่วนไปทั้งเมือง!!

...........ขณะที่ นายณัฐกฤช สิทธิโอสถ นายอำเภอบันนังสตา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่คนร้ายเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในพื้นที่นี้ เนื่องจากเป็น "เมืองในอุดมคติ" ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ

..........สาเหตุที่นับว่าเป็นเมืองในอุดมคติก็คือ พื้นที่นี้เคยเป็นแหล่งพำนักของแกนนำคนสำคัญในอดีต อีกทั้งยังมีชัยภูมิอันเหมาะสมในการป้องกันตัวเอง กล่าวคือ มีภูเขาอยู่ด้านหลัง และมีทางเข้าออกเพียงเส้นทางเดียว จึงถูกกำหนดล่วงหน้าให้เป็น "เมืองหลวง" หากประกาศเอกราชสำเร็จ!

..........เพื่อให้แผนขั้นต่อไปสำเร็จ ในระยะนี้กลุ่มก่อความไม่สงบจึงได้ระดมแนวร่วม โดยเฉพาะผู้หญิง และเด็กเพื่อกดดันให้ย้ายฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐออกนอกพื้นที่เพื่อให้สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น

.........การระดมคนได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ทั้งยังสามารถยื่นข้อเรียกร้องที่เจ้าหน้าที่มิอาจปฏิเสธได้ จึงสะท้อนชัดว่า ฝ่ายตรงข้ามคุมมวลชนในพื้นที่ได้อย่างเบ็ดเสร็จแล้ว

.........แหล่งข่าวความมั่นคงในพื้นที่ ชี้ว่า การใช้เด็กและผู้หญิงเคลื่อนไหวนอกจากจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ลำบากแล้วยังเป็นการป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ถ่ายภาพผู้ชายแล้วนำไปขึ้น "บัญชีดำ" อีกด้วย

.........ที่น่ากังวลมากกว่านั้น คือ กลุ่มก่อความไม่สงบได้เริ่มจัดตั้ง "หมู่บ้านรอบนอก" ให้เป็นหมู่บ้านอิสระเพื่อ "ปกครองตนเอง" กันแล้ว

.......รายงานข่าวทางลับ ระบุว่า มีการจัดตั้งคณะกรรมการหมู่บ้านเพื่อบริหารงานกันเอง และมีการระดมเงินทุนเพื่อการกู้ชาติ โดยมีการวางยุทธศาสตร์ "สร้างเกราะป้องกัน" เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปในหมู่บ้านหรือจับกุมคนในหมู่บ้านได้ !!

.......ส่วนการฆ่าชาวไทยพุทธนอกจากจะเป็นการสร้างความหวาดกลัวแล้ว ผู้ก่อความไม่สงบยังเชื่อว่า ชาวไทยพุทธเป็นสายให้เจ้าหน้าที่ และหากยังอยู่ในพื้นที่จะทำให้การปกครองตนเองประสบกับความยุ่งยาก

.......แหล่งข่าว เผยว่า ขณะนี้กลุ่มก่อความไม่สงบได้กำหนดวันปกครองตนเองในปี 2550 โดยจะเน้นการปกครองตนเองจากรอบนอกตามแผน "ป่าล้อมเมือง"

ปฏิบัติการป่าล้อมเมือง สังเกตได้จากการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่รอบนอกอย่าง อ.บันนังสตา รามัน และ ธารโต เพื่อส่งสัญญาณว่า พวกเขาจะ "ปักธงปกครองตนเอง" เป็นแห่งแรกในสามจังหวัดชายแดนใต้

........การส่งสัญญาณเช่นนี้ภาครัฐจึงมิอาจนอนใจได้ และต้องเร่งหายุทธวิธีสกัดกั้นให้จงได้ เพราะ ณ วันนี้ กลุ่มคนร้ายได้จัดตั้ง "อำนาจเชิงซ้อน" โดยใช้ผู้นำชุมชนเดินเกมระดมมวลชนตอบโต้ และกดดันเจ้าหน้าที่

......หากยังส่งสัญญาณผิดๆ แบบหลงทิศ-หลงทาง และปล่อยให้มวลชนอยู่ในมือกลุ่มโจรแบบนี้...อีกไม่นานงานเฉลิมฉลองการ "ปักธงรัฐปัตตานี" อาจมาถึงเร็วกว่าที่คาด!
..................
Source:::Kom Chad Luke News
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
วิเคราะห์ :::
......จากที่ยกตัวอย่างคอลัมภ์ ที่ถูกตีพิมพ์ในสื่อมวลชน จะเห็นว่า สิ่งที่ขาดหายไปในจุดสำคัญ เหมือนกันอย่างกับเป็นการนัดหมาย ทุกยี่ห้อ คือ " ไม่มีการนำเสนอว่า กองกำลังที่ใช้ในการเคลื่อนไหว ปฏิบัติการสร้างสถานการณ์ใน3 จ.ใต้ เหล่านั้น มาจากที่ไหน ใครคือไอ้โม่งที่สนับสนุน?" แม้กระทั่ง วิธีการส่งกำลังบำรุง เช่นที่มาของเงินเงิน ยุทธปัจจัย กำลังพลที่สับเปลี่ยนหมุนเวียน ซึ่งใช้บุคลากรในการก่อเหตุนับร้อย และต้องมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง อย่างแน่นอน
....... ซึ่ง โดยธรรมชาติของสำนักข่าว หรือ เราเรียกว่า "สื่อ" จะเกาะติดและมุ่งเป้าเข้าสู่แกนกลางของกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งแน่นอนต้องการจะส่งข่าวสารต่อชาวโลกเพื่อสร้างสงครามจิตวิทยา แต่ ข้อสงสัยที่ว่า "เหตุใด ไม่มี สื่อยี่ห้อไหน ที่นำเสนอข่าวเชิงลึกเลยแม้แต่ฉบับเดียว" แต่กลับเป็นการช่วยเสริมศักยภาพ หรือ เพิ่มสีสรรให้เห็นขีดความสามารถของฝ่ายก่อการร้าย และลดความน่าเชื่อถือของกองทัพไทยไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งพฤติกรรม "ทำลายขวัญคนเมือง" นี้ได้เกิดขึ้นนับแต่ปี 2544 เป็นต้นมา จวบจนปัจจุบันแม้ว่าจะเปลี่ยนรัฐบาลไปแล้วก็ตาม จึงขอให้สมาชิกพึงสังเกตุ วิเคราะห์ในจุดนี้ เพื่อที่จะนำไปสู่การวิเคราะห์ที่ตรงเป้ามากขึ้น

Special Force 202.5.87.* [ 26 พ.ย. 2549 เวลา 18:15 ] ความเห็นที่ 3/#0906 เขียนตอบคำตอบนี้

" ไม่มีการนำเสนอว่า กองกำลังที่ใช้ในการเคลื่อนไหว ปฏิบัติการสร้างสถานการณ์ใน3 จ.ใต้ เหล่านั้น มาจากที่ไหน ใครคือไอ้โม่งที่สนับสนุน?"

นี่แหละที่เป็นจุดอ่อนของทหารเรื่องการสื่อสารและปฏิบัติการจิตวิทยา
ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เข้าใจผิด

มวลชนจากไหนครับ? เที่ยวไปขนใส่รถกระบะกันมา
เพราะฉนั้นเท่ากับว่ามีคนอยู่ไม่มากแต่พยายามวิ่งรอกให้ดูเป็นกลุ่มใหญ่ๆ
เพื่อสร้างความชอบธรรม

att 124.120.184.* [ 26 พ.ย. 2549 เวลา 18:30 ] ความเห็นที่ 4/#0907 เขียนตอบคำตอบนี้

บิ๊กatt
......แหม...พูดงี้ทหารเขิน
นี่แหละที่เป็นจุดอ่อนของทหารเรื่องการสื่อสารและปฏิบัติการจิตวิทยา
บิ๊กatt ลืมไปอย่างรึเปล่าว่า นักรบน่ะ ไม่เก่งPR ขนาดที่แต่งงานมาส่วนใหญ่จะ "โดนสาวจีบ" ทั้งนั้น แล้วจะไปทำPR ประชาสัมพันธ์เรื่องเหล่านี้ได้ไง ? จะเรียกว่าเป็นจุดอ่อนโดยธรรมชาติของทหาร ดู ๆ แล้วจะเป็นลักษณะเฉพาะเลยนะทุกชาติแหละ จึงเสร็จพวกนักการเมือง พวกนี้มันกินยาแก้ลิ้นเป็นฝ้าตั้งแต่เด็ก 555

......ที่บิ๊กatt ว่า " มวลชนจากไหนครับ? เที่ยวไปขนใส่รถกระบะกันมา
เพราะฉนั้นเท่ากับว่ามีคนอยู่ไม่มากแต่พยายามวิ่งรอกให้ดูเป็นกลุ่มใหญ่ๆ
เพื่อสร้างความชอบธรรม" จริง มันก็มีอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ทั้งหมด ยกตัวอย่างการเข้าโจมตีพร้อมกัน เวลาเดียวกัน10 จุด ใช้คนไม่น้อย อันนี้มีการส่งกำลังบำรุง และกำลังเสริมจริง เป็นคนอิสลามจริง แต่ไม่ใช่คนใต้ เป็นอิสลามจาก แม่สอด แม่สะเรียง เจียงใหม่ เจ๊า อันนี้เคยเอาหลักฐานมาให้ดูกันแล้ว และเมื่อไม่กี่วัน ได้นำภาพ "คลื่นใต้น้ำ กำลังจะไหลท่วมเมือง" มาให้ดู ก่อนเกิดเหตุการรุกใหญ่ ที่บันนังสตาร์ ยะลา ก็ขนย้ายกำลังพลด้วยวิธีที่บอกนั่นแหละ เป็นช่วงเปลี่ยนกำลัง
.... ตอนที่ปฏิรูปใหม่ ๆ มันดูเหมือนเงียบ ใคร ๆ ก็คิดว่าคงหมดแล้ว มันคงกลัว.. แต่ความจริง มันไม่มีทุน เพราะตอนนั้น "นกมีหู หนูมีปีก" ยังส่งเงินเข้ามาไม่ได้ พอได้รับเงิน มันก็เริ่มงาน ไอ้พวกผีโม่แป้ง ซึ่งพวกนี้มันมีฉายาว่า "นักฆ่าสาละวิน" คราวนี้มาเยอะ ทาง ทัพภาค4 ถึงต้องจัดแผนรับแรงปะทะไง อ่านรายละเอียดClickตรงนี้
http://mscc2.komcome.com/infomat/view.php?category=taistyle&wb_id=185

Special Force 202.5.87.* [ 26 พ.ย. 2549 เวลา 19:04 ] ความเห็นที่ 5/#0908 เขียนตอบคำตอบนี้

	ผู้เขียน	หัวข้อ: เหตุเกิดที่บ้านบือซู บันนังสตา (อ่าน 8641 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้