http://www.banmuang.co.th/crime.asp?id=95259ขอตัดมาบางส่วนครับ เฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ขอให้ทุกคนปลอดภัย
พระสงฆ์นั่งรถหุ้มเกราะไปบิณฑบาต
จากกรณีที่คณะสงฆ์ในจังหวัดนราธิวาส ได้มีมติให้พระสงฆ์ทั้งจังหวัดใน 13 อำเภอ งดออกบิณฑบาตเนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ คนร้ายได้ลอบวางระเบิด จนทำให้ชาวบ้าน ทหารชุดคุ้มครองและพระสงฆ์ได้รับบาดเจ็บหลายรายนั้น สำหรับบรรยากาศการออกบิณฑบาตของพระสงฆ์ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ในช่วงเช้าวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมานี้ ได้มีกองกำลังทหารชุด รปภ.พระสงฆ์ ในพื้นที่ได้ใช้รถยนต์หุ้มเกราะฮัมวี่บรรทุกพระสงฆ์ออกตระเวนส่งตามย่านชุมชนในเขตเทศบาล เพื่อให้พระสงฆ์ไปรับบิณฑบาตจากญาติโยม และผู้มีจิตศรัทธาเป็นวันสุดท้าย ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่ออกมาทำบุญมองด้วยความสลดหดหู่ใจและสะเทือนใจ แม้แต่พระสงฆ์ก็ไม่ปลอดภัย ทั้งๆ ที่ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา และหลังจากพระสงฆ์ออกรับบิณฑบาตวันนี้แล้วก็จะไม่ออกรับบิณฑบาตอีก นับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย.49 เป็นต้นไป อย่างไม่มีกำหนด ซึ่งเป็นไปตามมติของที่ประชุมคณะสงฆ์ของจังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากเกรงจะเกิดอันตรายขึ้นอีกหลังจากที่มีคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ชุด รปภ.พระสงฆ์ จนได้รับบาดเจ็บ และชุด รปภ.ครู ได้ถูกคนร้ายซุ่มยิงได้บาดเจ็บ และเสียชีวิตในพื้นที่ 3 จว.ใต้ มาบ่อยครั้งในระยะนี้
ยิงเอ็ม 16 ถล่มร้านน้ำชากลางดึก
สำหรับสถานการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นวันนี้ เมื่อเวลา 00.15 น. ร.ต.ท.กูมะแอน สัญญา ร้อยเวร สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่ขนำร้านน้ำชา ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายรือเสาะ-พิธาน บริเวณบ้านบาลูกา หมู่ 1 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ ซึ่งห่างจาก สภ.อ.รือเสาะ เพียง 1 กม. โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย จึงรายงาน พ.ต.อ.บันลือ ชูเวช ผกก. พร้อมสั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง รุดไปตรวจสอบ พบภายในร้านดังกล่าวข้าวของกระจัดกระจายทั่วพื้น โดยมีเลือดกองอยู่พื้นปะปนกับเศษแก้ว ถ้วยและชาม ส่วนผู้บาดเจ็บถูกชาวบ้านส่งโรงพยาบาลรือเสาะ ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนสงครามชนิดเอ็ม 16 ตกอยู่ รวม 33 ปลอก จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
2 ชรบ.เสียท่าตาย 1 สาหัส 1
ส่วนผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย ซึ่งเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ ชรบ.คือ นายมาหามะ โต๊ะลูโบ๊ะ อายุ 23 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธสงครามเอ็ม 16 เข้าที่บริเวณขาขวากระดูกหักได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา และนายโซฟี โต๊ะลูโบ๊ะ อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นพี่ชาย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกันเข้าที่เบ้าตาซ้ายทะลุกกหู 1 นัด เสียชีวิตที่โรงพยาบาลรือเสาะ จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ผู้ตายและพวก รวม 6 คน กำลังนั่งดูโทรทัศน์ และนั่งดื่มน้ำชาอยู่ภายในร้านดังกล่าว ได้มีคนร้าย 4 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ โดยคันแรกได้ขับมาจอดที่หน้าร้าน และใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่ 1 ชุดราว 15 นัด ทำให้ลูกค้าภายในร้านต้องหมอบลงกับพื้นกันอย่างโกลาหล จากนั้นรถจักรยานยนต์คันที่ 2 ได้ขับมาจอดหน้าร้าน พร้อมกับใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่อีก 1 ชุด จนกระสุนถูกผู้ตาย และน้องชายได้รับบาดเจ็บ ต่อมารถจักรยานยนต์คันแรกได้ขับย้อนกลับมาอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม 79 ยิงถล่มใส่อีก 1 นัด จนระเบิดขึ้น 1 ลูก จากนั้นจึงพากันหลบหนีไป ส่วนสาเหตุเป็นการสร้างสถานการณ์ใต้รายวัน
ยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ราย
ต่อมาเวลาประมาณ 11.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.อนุรุธ อิ่บอาบ ผกก.สภ.อ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายยิงชาวบ้าน 2 ราย บาดเจ็บ ที่ถนนหมู่ 1 บ้านอูแบ ต.บาเจาะ คือนายไฟซอล นิซอ อายุ 22 ปี และนายธีรพล สังข์ทอง อายุ 23 ปี ถูกนำส่งโรงพยาบาลบันนังสตา เหตุเกิดขณะที่ทั้งสองนั่งรถจักรยานยนต์คันเดียวกัน เพื่อกลับบ้าน แล้วมีคนร้ายนั่งรถจักรยานยนต์มาด้วยกัน 2 คน ตามประกบและใช้ปืนพกยิงใส่จำนวนหลายนัดก่อนหลบหนีไป
ยิง 2 ผัวเมียหาของป่าผัวดับเมียเจ็บ
ต่อมา ร.ต.ท.กูมะแอน สัญญา ร้อยเวร สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุมี 2 คนร้ายขับรถจักรยานยนต์ตามยิงสองสามีภรรยา ขณะที่ขับรถจักรยานยนต์มาถึงบริเวณบ้านลูโบ๊ะกูแว หมู่ 2 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ โดยนายทองเพชร ชาติชำนิ อายุ 52 ปี เสียชีวิต ถูกกระสุนปืน 3 นัด ส่วนนางพิมพา หนูบ้านเกาะ อายุ 46 ปี บาดเจ็บ สอบสวนทราบว่าทั้งสองมีอาชีพหาของป่า และกำลังจะกลับบ้านพัก แล้วถูกคนร้ายยิงดังกล่าว
ชาวบ้านยันกลัวตายไม่กลับไปอีก
นางนิภาวรรณ วงศ์แย้ม คนไทยที่อพยพหนีตายมาอยู่ที่วัด กล่าวว่า ขณะนี้เป็นเวลากว่า 5 วันแล้ว ที่ตนและครอบครัวได้อพยพมาอยู่ที่วัด และยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป เนื่องจากยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจากหน่วยงานของรัฐ เพียงแต่ให้อยู่ต่อไปก่อน สำหรับตนเองแล้วคงจะไม่กล้ากลับไปที่เดิมแล้ว เนื่องจากกลัวตายและคิดว่าจะขอให้ทางการช่วยเหลือในการหาอาชีพให้ โดยจะทำมาหากินอยู่ในตัวเมืองยะลา เนื่องจากมีความปลอดภัยกว่า
ครูขอย้ายออกจากพื้นที่ 30 คน
ขณะที่ นายสัญญา สุวรรณโพธิ์ ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดยะลา กล่าวว่า หลังเกิดเหตุร้ายขึ้นในพื้นที่ อ.บันนังสตา และ อ.ธารโต มาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดครูในพื้นที่ 2 อำเภอดังกล่าวได้ทำหนังสือขอย้ายออกจากพื้นที่แล้วกว่า 30 คน ครูบางคนจะขอมาทำหน้าที่ในพื้นที่การศึกษาเขต 1 และบางคนจะขอทำหน้าที่ในพื้นที่อำเภอใกล้เคียงที่มีความเสี่ยงในการใช้ชีวิตน้อยกว่า ซึ่งในเบื้องต้นทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขต 1 ได้รับหลักการและข้อเสนอของครูเพื่อนำมาพิจารณาแล้วกว่า 10 คน แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะรับเข้ามาทำหน้าที่ในพื้นที่ได้หมดหรือไม่ สาเหตุครูที่ขอย้ายออกจากพื้นที่ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า ยังรู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าอยู่ในพื้นที่อีกต่อไป