บันทึกลับยุคบิ๊กจิ๋ววันเสาร์สบายๆวันนี้ ผมขอเล่าเรื่องการประมูลสินเชื่อที่อยู่อาศัยของกลุ่มเลห์แมนบราเดอร์ ที่เพิ่งถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษกล่าวโทษต่ออีกสักวันนะครับ ท่านผู้อ่านจะได้จับต้นชนปลายถูก เพราะผ่านมานานเหลือเกิน
ข้อมูลนี้ผมเอามาจากหนังสือ บันทึกลับ 2540 ความจริงที่ถูกปกปิดมาเป็นเวลานาน มี คุณปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ เป็นบรรณาธิการ และมี บิ๊กจิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ในบทที่ 20 ว่าด้วย ขาดทุนครั้งประวัติศาสตร์ใน ปรส. ได้เขียนถึงวิธีการประมูลขายทรัพย์สินของ ปรส. และมีการศึกษาถึง ผลประโยชน์ทับซ้อน[color=Blue] ในการประมูลสินทรัพย์กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มเลห์แมนบราเดอร์ด้วย ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อกล่าวหาของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่แถลงไปเมื่อวันก่อน
มาไล่เรียงที่มาที่ไปที่เกี่ยวโยงกันดูนะครับ[/color]
สมัยนั้น ปรส.ได้ว่าจ้าง บริษัทเลห์แมนบราเดอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็น ที่ปรึกษาด้านวาณิชธนกิจ และบริษัทเลห์แมนบราเดอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 99.99 ใน บริษัทเลห์แมนบราเดอร์ส โฮลดิ้ง อิ๊งค์ ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลสินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก ปรส. ในวงเงินหมื่นกว่าล้านบาทข้อมูลลับที่หนังสือนำมาเปิดเผยก็คือ บริษัทเลห์แมนฯเริ่มทำงานเป็นที่ปรึกษาให้ ปรส. เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2541 แต่ ปรส.เซ็นสัญญา ว่าจ้างวันที่ 4 ธันวาคม 2541 โดยมีผลย้อนหลังไปถึง 16 มีนาคม 2541
วันที่ 13 สิงหาคม 2541 บริษัทเลห์แมนบราเดอร์ส โฮลดิ้งฯ ก็เข้าประมูลสินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก ปรส.และชนะการประมูล การทำสัญญาซื้อขายมี ปรส.ลงนามฝ่ายเดียว เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2541 ต่อมาวันที่ 1 ตุลาคม 2541 บริษัทเลห์แมนฯไปจดทะเบียน กองทุนรวมโกล-บอลไทย พร็อพเพอร์ตี้และให้กองทุนรวมเป็นผู้ลงนามซื้อขายกับ ปรส.
ในหนังสือบันทึกลับบอกว่า ที่เป็นเช่นนี้ก็มาพบว่า การทำเช่นนั้น ทำให้ผู้ชนะการประมูลไปจัดตั้งกองทุนรวม ซึ่งเป็นคนละนิติบุคคลกับผู้ประมูลมาเป็นผู้ลงนามในสัญญาแทนผู้ชนะการประมูล เพราะว่ากองทุนรวมได้รับการยกเว้นภาษีอากรหลายประการ อาทิเช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็นต้น
ที่น่าเจ็บปวดอีกรอบก็คือ กองทุนรวมโกลบอลไทย พร็อพเพอร์ตี้นี้ได้ ออกหน่วยลงทุนขายให้กับผู้ลงทุนสถาบันในเมืองไทย และนำเงินที่ได้จากการขายหน่วยลงทุนไปจ่ายเป็นค่าซื้อหนี้สินเชื่อจาก ปรส.สรุปก็คือ การซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยมูลค่า 24,000 กว่าล้านบาท จาก ปรส.ไปในราคาถูก 11,000 กว่าล้านบาท ของเลห์แมนบราเดอร์ ครั้งนี้ นอกจากไม่ต้องเสียภาษีในหลายรูปแบบแล้ว ยังขายหน่วยลงทุนเอาเงินของคนไทยในประเทศไทยมาซื้อหนี้จากคนไทยไปขายต่อ ฟันกำไรฟรีๆโดยไม่ต้องลงทุนสักบาทเดียวปรส.ทำลงไปได้อย่างไร
จะเรียกว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็คงไม่ใช่
คดีนี้เป็นคดีแรกใน 5 คดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษโอนจากตำรวจมา สอบต่อ ยังเหลืออีก 4 คดีที่อยู่ในมือกรมสอบสวนคดีพิเศษ
เมื่อบริษัทฝรั่งประมูลสินเชื่อบ้านไปได้ในราคาถูกๆ นอกจากจะไม่มีการลดหย่อนให้ลูกหนี้แล้ว ยังมีระบบการทวงหนี้ที่โหดกว่าเดิมด้วยซ้ำ เรียกหนี้แบบเต็มๆ มีการว่าจ้างนักทวงหนี้มาเป็นผู้ทวงหนี้ ลูกหนี้สมัยนี้คงรู้รสชาติกันดีคดีที่ 2 ที่กำลังจะตามมาก็คือ กรณี บริษัทโกลด์แมนแซค เอเชีย ไฟแนนซ์ จำกัด ประมูลสินเชื่อธุรกิจที่มียอดคงค้างในบัญชี 115,890.96 ล้านบาท ปรส.ขายให้เพียง 22,454.87 ล้านบาท เท่ากับร้อยละ 19.37 ของมูลค่า แล้วมีการโอนสิทธิให้กับ กองทุนรวมบางกอกแคปปิตอล เหมือนเลห์แมนเป๊ะดำเนินคดีให้เป็นตัวอย่าง จะได้รู้จักเข็ดกันเสียบ้างครับ. ความจริงอีกอย่างที่ขาดหายไปในข้อความนี้ที่ รัฐบาลปชป.ในขณะนั้น ห้ามคนไทยธุรกิจไทยเข้าร่วมประมูล ให้เฉพาะต่างชาติเท่านั้นเข้าทำการประมูลได้ ที่ผมกลัวก็คือ คนไทยกำลังหนีเสือปะจรเข้ ถ้าเป็นไปได้คดียุบพรรคก็ยุบทิ้งทั้งปชป.และทรท. แผ่นดินไทยคงสูงขึ้นไม่น้อยครับ
http://www.thairath.co.th/news.php?section=society03&content=26952
