
วันนี้ก็มีข่าว รตท. ยิงลูกเศษรฐีนครปฐม บนถนนเนื่องด้วยขับปาดกันไปมา ผลภรรยาลูกเศษรฐี ตายคนขับรอด รตท. ถูกจับ ซ้ำรอยเดิม จขกท อีกแล้ว

ข่าว ว่า ยิงเมียเสี่ยตาย ตร.ปืนดุ ขับรถปาดหน้า
ร.ต.ท.ขับรถปาดหน้าไปมากับเสี่ยหนุ่มขาย จยย.ตระกูลดังนครปฐม ยั๊วะจัดยิงปืนใส่รถเสี่ยหนุ่มหลายนัด ทำให้เมียที่เพิ่งแต่งงานกันไม่ถึง 3 เดือนตาย ผบก.กาญจน์ สั่งทำคดีตรงไปตรงมา ..
เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. วันที่ 26 ก.ค. พ.ต.ท.ประสิทธิชัย เอกอุรุ พงส.สภ.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี รับแจ้งเหตุว่ามีเหตุยิงกันบนถนนสายแสงชูโต เขตเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงรุดไปตรวจสอบพบรถยนต์กระบะโตโยต้า D4D 4 ประตู สีบรอนซ์ ทะเบียน กต 1910 นครปฐม จอดอยู่ริมถนนหน้าตู้ยามจุดสกัดชุมทาง ตรวจสอบพบว่าที่แก้มรถด้านหน้าซ้ายมีรอยกระสุนปืน 1 รู ประตูซ้ายมีรอยกระสุนปืน 1 รู และกระจกประตูหลังซ้าย มีรอยกระสุนปืน 1 รู จนกระจกร้าว ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทราบว่า เจ้าหน้าที่มูลนิธิขุนรัตนาวุธนำส่ง รพ.มะการักษ์ และ เสียชีวิตที่โรงพยาบาล จึงไปตรวจสอบ ทราบชื่อคือ นางวรรณา รัตนสิริรัตน์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 ถนน 25 มกรา ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่หลังซ้าย กระสุนฝังใน 1 นัด โดยมีนายชัยรัตน์ รัตนสิริรัตน์ อายุ 36 ปี สามียืนดูด้วยความเป็นห่วง
นายชัยรัตน์ ให้การว่า ตนเป็นเจ้าของ "ร้านโชคสะสม" ซึ่งจำหน่ายรถจักรยานยนต์ทั้งใหม่ และเก่าทุกยี่ห้อ ตั้งอยู่เลขที่ 10/10 ถนนพิพิธประสาท ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถมาจาก จ.นครปฐม โดยมี นางวรรณา ภรรยานั่งมาด้วย เพื่อจะไปดูไร่ที่ซื้อเอาไว้ประมาณ 200 ไร่ เพื่อปลูกปาล์ม ที่ ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี โดยตนได้ซื้อไร่ปลูกปาล์ม ทั้งที่ อ.บ่อพลอย และ อ.พนมทวน และ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี รวมราว 1,000 ไร่ ขากลับมาถึงบริเวณหน้าที่ทำการมูลนิธิขุนรัตนาวุธ รถติดไฟแดง ขณะกำลังแตะเบรค เพื่อจอดรถ ปรากฏว่าได้มีรถยนต์กระบะนิสสัน บิ๊กเอ็ม สีแดง 4 ประตู ทะเบียน กพ 1909 นนทบุรี ขับปาดหน้าเพื่อจอดหน้าตน เมื่อไฟเขียวรถคันดังกล่าวพยายามขับปาดตนไปมา
นายชัยรัตน์ กล่าวต่อว่า จนกระทั่งมาถึงพื้นที่ ต.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา รถคันดังกล่าวพยายามชิดซ้าย เพื่อเรียกให้ตนจอด แต่ตนไม่ยอมจอด จึงยิงปืนใส่หลายนัด ตนแตะเบรถ ส่วนรถคันดังกล่าวมุ่งหน้าแซงไป ขณะนั้นเองนางวรรณา ภรรยาตน ซึ่งเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่ถึง 3 เดือน นั่งตอนหน้าข้างกัน บอกว่าถูกยิง ตนจึงขับพาไปโรงพยาบาล ระหว่างก่อนถึงตู้ยามจุดสกัดชุมทาง พบรถคันดังกล่าวจอดอยู่ริมถนน ตนจึงตัดสินใจพุ่งชนเข้าที่ประตูด้านขวาของคนขับ ก่อนตัดสินใจขับต่อไปยังตู้ยามจุดสกัดชุมทาง เพื่อแจ้งตำรวจ ก่อนจะให้มูลนิธิขุนรัตนาวุธ ที่อยู่รอเหตุบริเวณนั้น นำส่ง รพ. และเสียชีวิตดังกล่าว
ต่อมา พ.ต.อ.จตุพล เมืองชู ผกก.สภ.ท่าเรือ รับแจ้งจากชุดสืบสวนว่า สามารถจับกุมรถยนต์กระบะคันดังกล่าวได้ที่ปั๊มน้ำมันบางจาก ต.ท่ามะกา อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 5-6 กม. จึงติดตามไปตรวจสอบพบว่าภายในรถด้านคนขับมีชายแต่งกายชุดตำรวจครึ่งท่อน สวมกางเกงสีกากีตำรวจ และเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว มีเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำสวมทับอยู่ โดยชายคนดังกล่าวอ้างว่า เป็น ร.ต.ท.มนตรี แก้วรัตน์ ตำรวจ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงควบคุมตัวพร้อมรถไปสอบสวนที่ สภ.ท่าเรือ
จากนั้น เวลา 23.30 น. พ.ต.อ.นิรันดร์ ดีมี รอง ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี ได้เดินทางมายัง สภ.ท่าเรือ พร้อมร่วมสอบปากคำ ร.ต.ท.มนตรี ด้วยตัวเอง โดยมีตำรวจกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพทำข่าว โดยอ้างว่ายังสอบปากคำไม่เสร็จ ผู้สื่อข่าวพยายามรออยู่นาน แต่ไม่มีใครยอมเปิดเผยข้อมูลแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง พล.ต.ต.เรวัช กลิ่นเกษร ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี ซึ่งปฏิบัติภารกิจนอกพื้นที่ กล่าวว่า ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว ทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ ร.ต.ท.มนตรี แก้วรัตน์ เป็นพนักงานสอบสวนอยู่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ส่วนสาเหตุทราบว่ามาจากการขับรถปาดกันไปมา ทำให้ ร.ต.ท.มนตรี ไม่พอใจก่อเหตุดังกล่าว หลังก่อเหตุได้ทิ้งปืนเอาไว้ข้างทาง โดยได้ให้ชุดสืบสวนพยายามหาจุดที่ทิ้งปืนแล้ว แต่ยังไม่พบ เนื่องจาก เป็นเวลากลางคืนและหายาก ซึ่งได้กำชับไปยัง พ.ต.อ.จตุพล เมืองชู ผกก.สภ.ท่าเรือ ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา หากผิดว่าตามผิด และสั่งการให้ พ.ต.อ.นิรันดร์ ดีมี รอง ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี เดินทางไปควบคุมคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่า ร.ต.ท.มนตรี เป็นนักเรียนพลตำรวจรุ่น 26 จ.ชลบุรี อายุ 45 ปี ส่วน นายชัยรัตน์ เป็นคนในตระกูล "รัตนสิริรัตน์" ซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ใน จ.นครปฐม คนในตระกูลมีอาชีพจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อต่าง ๆ จำนวนหลายสิบแห่ง และ นายชัยรัตน์ เพิ่งจะหาซื้อที่ใน จ.กาญจนบุรี เพื่อเตรียมปลูกปาล์ม และเพิ่งแต่งงานกับ นางวรรณา ภรรยามาได้เพียง 2 เดือนเศษ ก่อนมาถูกยิง
อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/content/region/22285 ตอนเป็นข่าว เรื่องนี้เป็นกระแสสังคมมาก.....
หลังจากนี้ เรื่องก็จะเงียบ คดี ไม่คืบหน้า (เครีย จบ) หรือ ยก ฟ้อง คน ผิด ไม่ผิด ครับ.....ไม่เชื่ออย่าลบหลู่