เซ็งจริงครับ กับ หนังสือพิมพ์หัวสี บ้านเราจริงๆ เขียนข่าวเอามันส์อย่างเดียว

ยังไม่ได้มีผลสอบสวนอะไร ก็สรุปเป็นตุเป็นตะ ไปแล้ว
http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=30015สุดสลดพิษน้ำท่วม แม่กับลูก อดข้าว-ตายคาบ้าน [14 ธ.ค. 49 - 03:57]
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (13 ธ.ค.) ร.ต.ต.วิจิตร ท่านมุข ร้อยเวร สภ.อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 ศพ ในบ้านเลขที่ 37/2 หมู่ 3 ต.บ้านแพน จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรัชชัย คงรอด ผกก. แพทย์เวร รพ.เสนา นำกำลังและเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูรุดไปสอบสวน
ที่เกิดเหตุเป็นเรือนแฝดทรงไทยยกพื้นสูง ปลูกอยู่ในที่ดินร่วม 10 ไร่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อย พบนายสำราญ ฤกษ์เกศศรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 กับนายคงอำนาจ สิทธัตถพงษ์ อายุ 46 ปี เจ้าของบ้าน อดีตพนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.วังน้อย ยืนรอนำไปดูศพนางประณีต เกตุแก้ว อายุ 48 ปี นอนหงายหนุนหมอนอยู่บนชานหน้าเรือนด้านซ้าย สวมเสื้อผ้าฝ้ายสีขาว กางเกงชาวเลสีขาว ศพแห้งเหลือหนังหุ้มกระดูก ตรวจสอบไม่พบบาดแผลถูกทำร้าย คาดว่าตายมาราว 2 เดือน
อีกศพนอนอยู่ในศาลาที่ตั้งอยู่ระหว่างเรือนแฝด ทราบชื่อนางทวี แซ่โค้ว อายุ 80 ปี แม่นางประณีต สภาพศพสวมเสื้อไหมพรมสีเทา-ขาว ผ้าถุงสีน้ำตาล มีถุงพลาสติกใส่เงิน 240 บาท และพวงกุญแจบ้านเหน็บชายพก นอนตะแคงหนุนแขนขวาอยู่บนพื้น ตามร่างกายไม่พบบาดแผลถูกทำร้าย ศพแห้งหนังติดกระดูก คาดว่าเสียชีวิตมาราว 2 เดือนเช่นเดียวกัน ในที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยต่อสู้ หรือรื้อค้นทรัพย์สิน ตรวจสอบในห้องครัวพบถุงยังชีพที่ได้รับแจกในช่วงน้ำท่วม 2 ถุง มีผักกาดกระป๋องเหลือเพียงกระป๋องเดียว
สอบสวนนายคงอำนาจ สิทธัตถพงษ์ เจ้าของบ้าน ให้การว่า ซื้อบ้านที่เกิดเหตุมาราว 25 ปี แต่ไม่เคยมาอยู่ เพราะมีบ้านอยู่ที่ อ.วังน้อย ส่วน 2 แม่ลูกผู้ตาย ตนให้มาอยู่ดูแลบ้านนานราว 10 ปี โดยอาศัยปลูกผักกินและขายชาวบ้านละแวกใกล้เคียง ส่วนตนจะแวะมาดูบ้าน 2-3 เดือนครั้ง และมักให้เงินแม่ลูกคู่นี้ใช้ครั้งละ 500-1,000 บาท และทั้งคู่มักได้เงินพิเศษจากผู้จัดละครทีวี ที่มาขอเช่าสถานที่ถ่ายทำละครบ่อยๆ
เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุให้การต่อว่า ล่าสุดแวะมาดูบ้าน เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา เห็นนางทวีกับนางประณีตยังอยู่เป็นปกติดี แต่หลังจากน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ตนก็ไม่ได้แวะมาอีกเลย กระทั่งมีผู้จัดละครทีวีติดต่อมาเช่าสถานที่ถ่ายละคร จึงแวะมาเพื่อบอกให้นางทวีกับลูกทำความสะอาดบ้าน พบประตูบ้านใส่กลอนด้านใน พอมองลอดรั้วระเบียงเห็นนางประณีต นอนตายอยู่ จึงแจ้งนายสำราญ ฤกษ์เกศศรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ให้คนปีนข้ามประตูเข้าไปเปิดกลอน เพื่อเข้าไปตรวจสอบด้านในพร้อมแจ้งตำรวจมาสอบสวน
ส่วนนายสำราญ ฤกษ์เกศศรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ให้การว่า นางทวีกับลูกไม่เคยมีปัญหากับใคร มักเก็บตัวอยู่ในบ้านไม่สุงสิงกับใคร โดยเฉพาะนางประณีตมีอาการกลัวคนแปลกหน้า ซึ่งในช่วงที่ทางการนำถุงยังชีพไปแจก นางประณีตไม่ยอมโผล่ออกมา แต่ให้นางทวีผู้เป็นแม่ ออกมารับแทน
ทางด้าน พ.ต.อ.สุรัชชัย คงรอด ผกก.สภ.อ.เสนา เปิดเผยว่า ช่วงที่เกิดเหตุน้ำท่วมระดับน้ำสูงถึง 2 เมตร มิดใต้ถุนบ้านที่เกิดเหตุ และน้ำเชี่ยวพายเรือไม่ได้ ประกอบกับเรือแจว เรือเอี้ยมจุ๊นหน้าบ้านก็รั่วใช้ไม่ได้ เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา กาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ร่วมกับสมาคมแม่บ้านตำรวจ นำถุงยังชีพไปแจกชาวบ้าน นางทวียังออกมารับถุงยังชีพไป 2 ถุง กินประทังชีวิตไปเกลี้ยง เหลือเพียงผักกาดกระป๋องเพียงกระป๋องเดียว ประกอบกับไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้นทรัพย์สิน เชื่อว่านางทวีและนางประณีต ไม่ได้ถูกฆาตกรรม เป็นไปได้ ที่ผู้เสียชีวิตไม่มีอาหารกิน และไม่สามารถออกไปขอความช่วยเหลือได้ เป็นเหตุให้อดอาหารตายอย่างน่าอนาถใจ อย่างไรก็ตาม ได้ส่งศพไปสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ. ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป
http://www.dailynews.co.th/dailynews/pages/front_th/popup_news/Default.aspx?Newsid=110730&NewsType=1&Template=2 อดีตครูคลั่งนิพพาน ยอมพลีชีพดับพร้อมแม่คาสำนัก
ชอบวิปัสสนาเชื่อตายแล้วได้บุญเป็นศพแห้งกรังร่วมสองเดือนสงสัยอดข้าวหรือไม่ก็กินยาพิษ
คลั่งนิพพาน อดีตแม่พิมพ์ของชาติเพี้ยน อดข้าวตายพร้อมแม่คาสำนักวิปัสสนา มุ่งมั่นนั่งวิปัสสนามานานเป็น 10 ปี รู้จักอดีตพนักงานการไฟฟ้าที่เปิดสำนัก ตามมาปฏิบัติธรรมด้วยจนสำนักปิดตัวลงเลยอยู่เฝ้าสำนักต่อกับแม่ สุดท้ายมาพบกลายเป็นศพแห้งกรังตายมาร่วม 2 เดือน เผยอดีตครูคล้ายคนจิตหลอน และชอบ นั่งวิปัสสนาแบบทรมานตัวเอง มีความเชื่อตายแล้วได้บุญ จะได้พบนิพพานและพระพุทธเจ้า ตร. สงสัยตั้งใจอดข้าวจนตายทั้งคู่ หรือไม่ก็กินยาพิษฆ่าตัวตายหวังได้บุญสู่นิพพาน
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 ธ.ค. พ.ต.ต. วิศิษฐ์ ท่านมุข สวส.สภ.อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งพบศพภายในบ้านเลขที่ 39 หมู่ 3 ต.บ้านแพน อ.เสนา จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.สุรัชชัย คงรอด ผกก. และตำรวจฝ่ายสืบสวน ที่เกิดเหตุเป็นบ้านทรงไทยแฝดยกพื้นสูง เปิดเป็นสำนักวิปัสสนาชื่อ พิสุทธิจิตสมาน (วาสินี) ตั้งอยู่ใกล้วัดโคกเสือ ห้อมล้อมไปด้วยแมกไม้และป่าไผ่ มองจากด้านนอกเข้าไป จะเห็นแค่หลังคาบ้าน ดูน่าหวาดกลัว บริเวณรอบบ้านยังมีร่องรอยถูกน้ำท่วมขังให้เห็น เจ้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจสอบบนบ้าน พบศพ น.ส.ประณีต เกตุแก้ว อายุ 50 ปี สวมชุดสีขาวทั้งชุด นอนหนุนหมอนอยู่บริเวณหน้าบันไดภายในบ้านหลังแรก สภาพศพแห้งกรังมีแค่หนังหุ้มกระดูก ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง
ส่วนบริเวณกลางบ้านพบศพนางทวี แซ่โง้ว อายุ 80 ปี มารดาของ น.ส.ประณีต สภาพศพนอนแห้งกรังเหลือแค่เนื้อหุ้มกระดูกเช่นกัน เบื้องต้นทั้งสองศพไม่พบบาดแผลถูกทำร้าย เสียชีวิตมาแล้วราว 2 เดือน ในที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยการต่อสู้ หรือรื้อค้น แต่พบแก้วน้ำ 2 ใบวางอยู่ โดยใบหนึ่งมีผงสีขาวตกตะกอนอยู่และมีช้อนอยู่ในแก้วคล้ายเอาไว้คนละลายอะไรสักอย่าง นอกจากนี้ยังพบป้ายมีข้อความหรือคำกลอน ลักษณะชี้ให้เห็นว่าการตายคือการทำบุญ เช่น "ตายแล้วได้บุญ", "นอนนิ่ง ๆ เป็นศพเน่า เนื้อของเราอร่อยนี่ ศีลพระอีกศีลชี ปลิดชีวีเราเดินบุญ" และ "อยากทำบุญเราต้องตาย" เป็นต้น เจ้าหน้าที่บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน และมอบศพให้มูลนิธิร่วมกตัญญูส่งชันสูตรหาสาเหตุการตายต่อไป
สอบสวนนายอำนาจ สิทถัตถพงษ์ อายุ 51 ปี เจ้าของบ้าน ให้การว่า เคยทำงานอยู่ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แต่ปัจจุบันลาออกมาประกอบธุรกิจส่วนตัวหลายอย่าง ด้วยความที่เป็นคนชอบนั่งวิปัสสนาปฏิบัติธรรม จึงได้รู้จักกับ น.ส.ประณีต ซึ่งเคยเป็นครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก และมารดาที่สำนักวิปัสสนาแห่งหนึ่ง กระทั่งตนซื้อบ้านหลังนี้แล้วเปิดเป็นสำนักวิปัสสนามาเกือบ 10 ปี ให้กลุ่มญาติธรรมมาถือศีลปฏิบัติธรรมกัน น.ส. ประณีตก็ตามมาปฏิบัติธรรมด้วย แต่ต่อมาได้ปิดสำนักลง จึงให้ น.ส.ประณีตอาศัยอยู่เพื่อคอยดูแลบ้าน โดย น.ส.ประณีตได้พามารดามาอยู่ด้วย ส่วนตนไปพักอยู่ที่บ้านใน อ.วังน้อย เมื่อช่วง 2 เดือนก่อน น้ำท่วมบ้านหลังนี้ ตนไม่ได้มาดูบ้านเลย มีแต่โทรศัพท์มาถามไถ่จาก น.ส.ประณีต จนวันนี้มีโอกาสเลยมาดู กระทั่งพบศพสองแม่ลูก
นายอำนาจ ยังให้การว่า ช่วงที่ปฏิบัติธรรมอยู่ด้วยกัน น.ส.ประณีต จะชอบแต่งชุดชีพราหมณ์ นั่งวิปัสสนาแบบทรมานตัวเอง และพูดถึงเรื่องการตายที่จะทำให้ได้บุญมากและจะได้ไปพบพระพุทธเจ้า และได้สู่นิพพานเหมือนพระองค์ นอกจากนี้ มักมีอาการแปลก ๆ คล้ายคนจิตหลอน บอกว่าเห็นมีคนเดินวนเวียนอยู่ในบ้าน เชื่อว่าทั้งคู่น่าจะฆ่าตัวตาย ตามความเชื่อที่ว่าถ้าตายแล้วจะได้นิพพาน เบื้องต้นตำรวจคาดว่าสองแม่ลูกอาจตั้งใจอดอาหารจนตาย หรือกินยาพิษฆ่าตายทั้งคู่ ตามความเชื่อที่ว่าถ้าตายแล้วจะได้พบพระพุทธเจ้าหรือได้นิพพาน ไม่ใช่ขาดแคลนอาหารหรืออดตาย เนื่อง จากตรวจสอบภายในบ้าน ยังพบมีข้าวสารและอาหารอยู่จำนวนมาก อย่างไรก็ดี ต้องรอผลชันสูตรศพ และผลตรวจคราบผงสีขาวในแก้วว่าเป็นยาพิษหรือไม่ จึงจะสรุปสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง