มีเรื่องเล่าให้ฟังนะครับ
มีคนรู้จักอยู่คนนึง ตอนนี้ อายุ 67 ปี ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (ป.4) เมื่อ สัก 40 ปีที่แล้ว
มีปืนอยู่ในครอบครอง 2 กระบอกคือ S&W Mod.51 / .22 LR. และ Remington M.870 อย่างละ
1 กระบอก ตั้งแต่ซื้อมาลูกซองยิงไป 5 นัด มีกระสุนเหลืออยู่ 18 นัด ส่วน .22 ยิงไป 20 นัด เหลือ
กระสุนอยู่ 80 นัด ขึ้นขี้เกลือเขียวอื๋อเลย ถามว่าทำไมไม่ยิงให้หมดเขาตอบว่ากระสุนแพง ซื้อไว้
เพราะเห็นเพื่อนๆซื้อก็เลยซื้อตามลูกๆมีอยู่ 6 คนรู้ว่าพ่อมีปืนเพียงคนเดียวคือลูกชายคนที่ 3 ส่วน
ใหญ่เก็บซ่อนเอาไว้เพราะกลัวอันตราย ถามอีกว่าถ้าเกิดเหตุร้ายล่ะทำไง ตอบว่าไม่มีหรอกเพราะ
แค่พ่อค้าขายกาแฟแก่ๆคนนึง นุ่งกางเกงขาสั้นเสื้อยืดเก่าๆ จนกว่าโจรอีกมันจะมาเอาอะไร แต่ที่
จริงแล้วตอนนี้เหลือเงินฝาก 3 ล้านกว่า สวนยางอีก 60 ไร่ บ้านเช่าอีก 20 ห้อง รายได้เดือนๆ ไม่
ต่ำกว่าแสนบาทไทย ลูก .22 ที่ว่าน่ะ ยังไม่ด้านนะ ผมเคยพาไปยิงเล่นที่สวนเขา ของ Win
แถมตอนซื้อปืน ต่อมาขายให้ผม ห้าพันบาท ต่อรองเหลือ 3 พัน 5 โดยเพื่อนอีกคนซื้อไป เพราะ
ผมไม่ชอบรุ่นนี้ ยิงทีไรต้องกระทุ้งปลอกทุกที ชอบบวมคับโม่มั่ง ปลอกแตกมั่ง ส่วนลูกซองยังอยู่
จะขายให้ผมซึ่งผมก็ไม่เอาอีกเพราะไม่ชอบปืนยาวทุกชนิด เกะกะน่ะ ถ้า .38 ลำกล้อง 2 นิ้วละก็
ไม่ปฎิเสธแน่
ดังนั้น ถ้าจะให้ ป.12 โดยยึดถือตามอายุก็ไร้ค่า ผู้ได้รับควรผ่านหลักสูตรเบื้องต้นการใช้/ยิงปืน
ก่อน และสมัครใจขอรับโดยการยื่นคำขอต่อเจ้าหน้าที่เพื่อพิจารณา ซึ่งปัจจุบันดีอยู่แล้ว เพียงแต่
มีการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เห็นแก่ ว่านายจ่ายเท่าไหร่ มาเส้นใคร บางคนไม่มีความจำเป็น
ต้องพกเลยแต่ได้มาเพราะว่าจ่ายได้ไม่อั้น หรือ คนของฉันนะ อะไรทำนองนี้

คนที่จำเป็นจริงๆ ถ้าอยากได้ต้องมีธนบัตรจำนวนมากแลกเปลี่ยน จึงได้มา จริงไม๊ จริงไม๊ คนไทย