น้ำมันโลกพุ่งทำสถิติสูงอีกเบนซินจ่อขึ้น

ผู้จัดการรายวัน - ราคาน้ำมันตลาดโลกทำสถิติสูงสุดในรอบ 4 เดือน ไทยจ่อคิวปรับเบนซินอีกระลอก รอปตท.ตัดสินใจวันนี้(4มี.ค.) เผยกองทุนฯต้องอุ้มดีเซลแล้ว 5.40 บาทต่อลิตร ขณะที่กระทรวงพลังงานทุ่มงบ 150 ล้านบาท วางโปรแกรมรณรงค์คนไทยประหยัดตลอดปี 48 หวังเร่งยุทธศาสตร์ประหยัดพลังงาน 7 ปี(2548-54)ให้ได้ 2 แสนล้านบาท

แหล่งข่าวจากวงการน้ำมัน เปิดเผยว่า หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกและสำเร็จรูปที่สิงคโปร์ได้ปรับขึ้นในวันที่ 2 มี.ค.ทำให้ค่าการตลาดของผู้ค้าเริ่มตกต่ำเหลือเพียงไม่ถึง 50 สตางค์ต่อลิตร ดังนั้นคาดว่าบมจ.ปตท.จะรอราคาสิงคโปร์ปิดตลาดวันที่ 3 มี.ค. เพื่อประกอบการตัดสินใจปรับขึ้นเบนซินอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหากยังคงปรับขึ้นอีกคาดว่าจะต้องขึ้นราคาเบนซินอย่างต่ำ 40 สตางค์ต่อลิตรและจะมีผลในวันที่ 5 มี.ค.เป็นต้นไป ทั้งนี้ปัจจุบันเบนซิน 95 ราคาอยู่ที่ 21.29 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 อยุ่ที่ 20.49 บาทต่อลิตร

"ราคาน้ำมันยังผันผวนหลังจากที่มีข่าวว่าโอเปกจะคงการผลิตในวันที่ 16 มีนาคมนี้ ซึ่งทำให้ตลาดกักตุนเก็งกำไร ประกอบกับความต้องการจากจีนและอินเดียยังคงมีเพิ่มขึ้น ขณะที่โรงกลั่นหลายแห่งในเอเชียหยุดซ่อมส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในเอเชียตึงตัว เหล่านี้ทำให้ราคาน้ำมันจะยังคงผันผวนอยู่"แหล่งข่าวกล่าว

**อุ้มดีเซลพุ่ง5.42บาท/ลิตร

การปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้จ่ายเงินตรึงราคาน้ำมัน ตั้งแต่ 10 ม.ค.ปี2547-3 มี.ค.ทั้งสิ้นแล้ว 71,031.11 ล้านบาท โดยใช้ตรึงดีเซลถึง 64,056.03 ล้านบาทเนื่องจากรัฐบาลยังคงต้องจ่ายตรึงราคาดีเซลถึงลิตรละ 5.42 บาทเนื่องจากกำหนดเพดานดีเซลไว้ที่ 15.19 บาทต่อลิตร ขณะที่ราคาจริงอยู่ที่ 20.61 บาทต่อลิตร

**เร่งแผนประหยัดตั้งเป้า2แสนล้านใน4ปี

นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า เร็วๆ นี้สนพ.จะเร่งออกมาตรการรณงค์การประหยัดพลังงานทั้งไฟฟ้า และน้ำมัน โดยจะเผยแพร่โฆษณาทางโทรทัศน์ชุดใหม่เรื่อง"แอร์"ความยาว 15 วินาที ซึ่งเน้นอุณหภูมิแอร์ที่เหมาะสม การดูแลแอร์ ซึ่งประชาชนจะเริ่มใช้มากในช่วงฤดูร้อนนี้ ซึ่งคาดว่าจะลดไฟได้ปีละ 1,174 ล้านบาท โดยแผนดังกล่าวเป็นหนึ่งในโครงการประหยัดไฟกำไร 2 ต่อซึ่งมีเป้าหมายทั้งปีลดใช้ไฟหมื่นล้านบาท และภายในวันที่ 15 มี.ค.จะออกโฆษณาที่เกี่ยวกับการประหยัดน้ำมัน 2 เรื่องวงเงิน 25 ล้านบาทโดยจะเน้นการรณรงค์ขับรถอย่างไรให้ประหยัดและการประหยัดน้ำมันจะช่วยเหลือชาติอย่างไร

" ตลอดปีเราวางงบไว้ประมาณ 150 ล้านบาทแต่ปีนี้อาจจะมากกว่าเพราะมีปัญหาราคาน้ำมันสูงขึ้นมาก เพื่อเร่งการรณรงค์ประหยัดซึ่งตามเป้าหมายก็คงจะออกแคมเปญมาตลอดปีนี้ เพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ประหยัดพลังงานที่กระทรวงพลังงานวางไว้ว่าใน 7 ปีคือ 2548-2554 รวมทั้งสิ้น 2 แสนล้านบาท โดยตามแผนนี้จะเน้นไปที่พลังงานทดแทนที่จะให้ไทยหันมาพึ่งพาขึ้น 8% ตลอด 7 ปี"นายเมตตากล่าว

**ย้ำน้ำมันเขียวมีจำหน่ายแล้ว

นายเมตตา กล่าวว่า สำหรับปัญหาน้ำมันเขียวที่จำหน่ายให้กับเรือประมงในราคาต่ำซึ่งเกิดปัญหาขาดแคลนเพราะโรงกลั่นปิดซ่อมบำรุงหลายแห่งนั้นขณะนี้ได้แก้ไขเข้าสู่ภาวะปกติแล้วโดยขอความร่วมมือกับโรงกลั่นน้ำมันให้นำดีเซลที่จำหน่ายบนบกแล้วรัฐนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าอุดหนุนส่วนที่เป็นภาระของโรงกลั่นที่มีเพิ่มขึ้นจากการนำดีเซลที่มีคุณภาพสูงซึ่งมีผลต้นทุนแพงตามไปด้วย และคาดว่าเมษายนโรงกลั่นจะกลับมากลั่นแบบปกติ พร้อมกันนี้ก็อุดหนุนราคาให้เท่ากับบนบกซึ่งคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 70 ล้านบาทในการสนับสนุนครั้งนี้

**น้ำมันโลกทะลุ 53 ดอลลาร์

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของตลาดไนเม็กซ์ ในนิวยอร์ก เพื่อการส่งมอบเดือนเมษายน ราคาพุ่งลิ่วในการซื้อขายเมื่อวันพุธ(2) โดยปิดตลาดสูงขึ้นถึง 1.37 ดอลลาร์ อยู่ที่ระดับ 53.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อันเป็นราคาปิดสูงที่สุดในรอบ 4 เดือน

ส่วนสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ ของตลาดลอนดอน ปิดวันพุธโดยไต่ขึ้นมา 1.11 ดอลลาร์ อยู่ที่ 51.22 ดอลลาร์

สำหรับเมื่อวานนี้(3) ไลต์สวีตครูดของนิวยอร์กซึ่งซื้อขายกันในระบบอิเล็กทรอนิกส์ก่อนตลาดจริงเปิด ยังอยู่ในภาวะทรงตัว โดยซื้อขายกันแถวๆ 52.95 ดอลลาร์ ต่ำลงมาจากราคาปิดวันพุธ 10 เซนต์

ขณะที่ในตลาดลอนดอน ช่วงต้นๆ น้ำมันดิบเบรนต์วิ่งต่อไปถึง 51.50 ดอลลาร์ สร้างสถิติสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากนั้นก็ไหลลงมา จนตอนบ่ายๆ อยู่แถวๆ 51.30 ดอลลาร์ สูงขึ้นจากระดับปิดวันพุธ 8 เซนต์

นักวิเคราะห์หลายคน เช่น นายเควิน นอร์ริช แห่ง บาร์เคลย์ แคปิตอล ในลอนดอนบอกว่า การที่น้ำมันดิบกลับมีราคาเป็นขาขึ้นในช่วงนี้ เป็นการสะท้อนความรับรู้ของตลาดซึ่งได้เปลี่ยนแปลงไปในรอบสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา

นั่นคือตลาดเห็นว่า ปีนี้ความต้องการใช้น้ำมันยังมีอยู่มากเหมือนปีก่อน โดยเฉพาะจีนกับอินเดีย ซึ่งอัตราเติบโตของเศรษฐกิจยังสูงมาก ขณะที่ซัปพลายที่จะสนองยังจะไม่สามารถเติบโตตามได้ทัน

องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) กำหนดประชุมกันที่ประเทศอิหร่านในวันที่ 16 เดือนนี้ โดยนักวิเคราะห์จำนวนมากคิดว่า โอเปกคงจะคงเพดานการผลิตปัจจุบันที่ 27 ล้านบาร์เรลต่อวันเอาไว้ ทว่าคำถามคือโอเปกจะตกลงกันเพิ่มการผลิตให้สูงขึ้นหรือไม่

อย่างไรก็ตาม นายมาร์แชลล์ สตีฟส์ นักวิเคราะห์แห่งเรฟโค ในนิวยอร์กเผยว่า พวกผู้จัดการกองทุนจำนวนหนึ่งวางเดิมพันแล้วว่า ราคาน้ำมันในตลาดนิวยอร์กจะต้องไปถึงสถิติสูงสุดซึ่งทำไว้ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว นั่นคือ 55.69 ดอลลาร์ โดยบางรายกระทั่งตั้งเป้าไว้ที่ระดับ 60 ดอลลาร์ด้วยซ้ำ

นายสตีฟส์ชี้ด้วยว่า เนื่องจากสัญญาซื้อขายน้ำมันจะใช้สกุลเงินดอลลาร์เป็นหลัก ในเมื่อตอนนี้ดอลลาร์อ่อนตัวลงมา จึงทำให้ราคาน้ำมันไม่ได้แพงอะไรนักในสถานที่อย่างเช่นยุโรปและญี่ปุ่น

ทางด้านนายเดวิด เธอร์เทลล์ นักยุทธศาสตร์สินค้าโภคภัณฑ์แห่ง คอมมอนเวลธ์ แบงก์ ออฟ ออสเตรเลีย ในนครซิดนีย์ ก็ยืนยันว่า ในช่วงระยะสั้นเฉพาะหน้านี้ พวกกองทุนกำลังเข้าไปมีส่วนในการผลักดันให้ราคาขึ้นสูง เพราะพวกเขาเห็นว่าตลาดกำลังตึงตัวยิ่งกว่าที่คนจำนวนมากคิด

อนึ่ง นายอัดนัน ชีฮับ อิลดีน รักษาการเลขาธิการโอเปก ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์อัล-ซาบาสของคูเวต และตีพิมพ์ในฉบับเมื่อวานนี้ โดยบอกว่า ราคาน้ำมันดิบโลกอาจพุ่งสูงถึง 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายใน 2 ปีข้างหน้า แต่จะไม่ยั่งยืน

เขาระบุว่า "ผมยืนยันได้ว่า มีความเป็นไปได้น้อยที่ราคาน้ำมันแตะที่ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในอนาคตอันใกล้ แต่ไม่อาจปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ราคาจะทะยานขึ้นแตะระดับดังกล่าวในอีก 2 ปีข้างหน้า"

"หากราคาน้ำมันเพิ่มถึงระดับนั้น โดยเนื่องมาจากปัจจัยประการเดียว อาทิ ชาติผู้ผลิตน้ำมันชาติหนึ่งเกิดหยุดชะงักการผลิตไปสัก 1-2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ราคาน้ำมันก็จะไม่ยั่งยืนอยู่ ณ ระดับดังกล่าว"

นายชีฮับ อิลดีน เสริมว่า ถ้าราคาอยู่ระหว่าง 50-60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงกว่า 2 ปีข้างหน้า ย่อมจะส่งเสริมการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ขณะที่ก่อให้เกิดการปรับตัวลดลงของดีมานด์ ดังนั้น ในที่สุดแล้วราคาก็จะดิ่งลง

	ผู้เขียน	หัวข้อ: น้ำมันโลกพุ่งทำสถิติสูงอีกเบนซินจ่อขึ้น (อ่าน 2972 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้