มาถูกทางหรือไม่

[Rock]

หาญ ลีนานนท์” เตือนใต้ใกล้จุดวิกฤติ ชี้สมานฉันท์อย่างเดียวไม่แก้ปัญหา        
วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม 2006 19:55น.
สถาบันข่าวอิศรา  สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
 
พล.อ. หาญ ลีนานนท์ อดีตแม่ทัพภาค ๔  กล่าวเตือนรัฐบาลและกองทัพให้รีบปรับ
การทำงานด้านการทหารในพื้นที่  ชี้แนวทางสมานฉันท์เพียงอย่างเดียวโดยไม่มี
มาตรการกดดันด้านการทหารในพื้นที่
รองรับ จะเปิดช่องว่างให้กลุ่มโจรก่อการร้ายในพื้นที่มีอิสระในการปฏิบัติการมากขึ้น
เพื่อนำไปสู่เป้าหมายสูงสุดในการตั้งรัฐเอกราชปัตตานี

“ต้องเข้าใจว่าฝ่ายโจรก่อการร้ายนั้นไม่สนใจในเรื่องของสมานฉันท์ที่รัฐบาลได้้ประกาศ
ออกมาและโจรเหล่านี้ได้ใช้ช่องว่างที่เกิดขึ้นจากนโยบายดังกล่าวเพิ่มปฏิบัติการทางทหาร
ที่รุนแรงขึ้นในพื้นที่สามารถฆ่าใครก็ได้ตามอำเภอใจ และเรื่องที่น่าประหลาดมาก
คือเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย แล้วอย่างนี้จะสร้างความเชื่อมั่นให้
ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างไร”  พล.อ. หาญกล่าวแสดงความเห็นในระหว่างการ
บรรยายพิเศษให้กับนักศึกษาในสถาบัน
วิชาการป้องกันประเทศในหัวเรื่อง “ดับไฟใต้” เมื่อบ่ายวัยจันทร์ ที่๒๕ ธ.ค.ที่ผ่านมา
ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ
 
พล.อ. ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์  ผบ.สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ซึ่งเคยเป็นนายทหาร
คนสนิทของพลอ. หาญ ในระหว่างที่ พล.อ. หาญ ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่๔ ได้
เชิญอดีตผู้บังคับบัญชามาบรรยายพิเศษในเรื่องสถานการณ์ภาคใต้
 
พล.อ หาญ กล่าวว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในพื้นที่นั้นเป็นสถานการณ์สงครามที่รุนแรง
ขึ้นทุกวันการมุ่งเอาชนะทางการเมืองนั้นอาจต้องใช้เวลาที่ยาวนาน๑๐-๒๐ปี “ แต่ถ้า
เราสามารถพลิกกลับสถานการณ์ด้วยการเอาชนะทางการทหารได้ในเวลาอันรวดเร็ว
แล้วสามารถทำให้ประชาชนในพื้นที่และแนวร่วมกลับมายืนกับฝ่ายรัฐบาลได้ทันที
 ก็น่าเป็นหนทางที่ควรเลือกปฏิบัติ”
 
“การที่จะเอาชนะโจรในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ รัฐบาลจะต้องดำเนินการในสองแนวทาง
คือทั้งทางด้านการเมืองและการทหารควบคู่กัน
ไป ผู้กำหนดยุทธศาสตร์และยุทธวิธี คือแม่ทัพต้องรู้จักการใช้การเมืองและการ
ทหารอย่างพลิกแพลงเพื่อให้การสนับสนุนซึ่งกันและกัน” พลอ. หาญ กล่าวในตอนหนึ่ง
 
อดีตแม่ทัพภาค๔ ในวัย ๘๒ ปีกล่าวว่าตนเองรู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้อ่านคำให้
สัมภาษณ์ของผู้ใหญ่ในรัฐบาลชุด
ปัจจุบันที่กล่าวว่าการแก้ปัญหาภาคใต้เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาเพราะเหตุได้เกิดมานาน
โดยกล่าวว่าจากสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ในพื้นที่  ฝ่ายทหารไม่ได้มีการเปิดเกมรุกทาง
ด้านการทหารในพื้นที่แล้วทำให้ฝ่ายก่อการร้าย
+มีอิสระในการทำงาน

 “สถานการณ์ทุกวันนี้รุนแรงมาก แนวร่วมของโจรมีมากมาย ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่
เชื่อว่าฝ่ายโจรจะเป็นฝ่ายชนะเพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำอะไรเลย”
 
“ทหารต้องเปิดปฏิบัติการรุกทางยุทธวิธีในพื้นที่ และริเริ่มเป็นฝ่ายกระทำ การ
ใช้แนวทางสมานฉันท์เพียงอย่างเดียวจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ ไม่มีการ
ปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่เลยอยู่กันได้อย่างไร  ไม่ได้มีการดำเนินการอะไร เหมือน
กับว่าทหารในพื้นที่ถูกล่ามด้วยโซ่สมานฉันท์ เลยไม่ทำอะไรเลย  ต้องเข้าใจว่าทาง
ด้านการทหารแล้วการป้องกันตัวที่ดีที่สุดคือการรุก” พล.อ หาญ กล่าวในอีกตอน
หนึ่งระหว่างการบรรยาย.
 
ในอีกตอนหนึ่งของการบรรยายพิเศษ พล.อ หาญ ได้เสนอแนะให้ทางรัฐบาล
พิจารณาปิดพื้นที่ชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซีย โดยชี้ให้เห็นว่าโจรก่อการร้าย
มีขีดความสามารถสูงในการแทรกซึม และสามารถเดินทางเข้าออกได้ตลอดแนว
พื้นที่ชายแดน ในขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่เคยให้ความสนใจในการป้องกันแต่อย่างใด
ที่เป็นสาเหตุให้“ครูฝึก แนวร่วม และนักรบต่างชาติ สามารถเดินทางเข้า ออกบริเวณ
พื้นที่ชายแดนได้ตลอดเวลา  หากไม่มีการควบคุมพื้นที่ชายแดนอย่างจริงจังการ
เพิ่มกำลังทหารในพื้นที่ไม่ว่าจะมากเพียงใดก็จะไม่ช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการปิดชายแดนด้านนี้ด้วยวิธีการทหาร
อย่างรีบด่วน”
 
อดีตแม่ทัพภาค๔ ชี้ว่าปัญหารีบด่วนที่ต้องเร่งทำคือการกำจัดเสรีการ
เคลื่อนย้ายของฝ่ายโจร และต้องไม่ให้โจรครองถนนทั่วไปทั้งในเมืองและนอกเมือง

“ฝ่ายเราต้องมีระบบที่สามารถหยุดยั้งมิให้โจรพกพาอาวุธไปบนถนนไล่ฆ่ายิงเหยื่อ
ได้เหมือนที่ผ่านมา”
 
พล.อ. หาญ  กล่าวว่าปัญหาโจรซ้อนท้ายรถจักรยานยนตร์และทำร้ายประชาชนในพื้นที่นั้น
 ฝ่ายโจรสามารถทำงานได้ในทุกพื้นที่และในปัจจุบันได้พัฒนาก้าวหน้าไปมากเพราะ
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่เคยตรวจจับโจรบนถนนได้เลย  โจรจยย.จึงเหิมเกริมใช้เอ็ม๑๖ และ
อาก้าในการปฏิบัติการโจรซ้อนท้ายรถจยย.จึงเป็นเครื่องมือหลักในการฆ่าและสร้าง
ความหวาดกลัวในพื้นที่ เป็นสาเหตุให้ชาวบ้านทั้งไทยพุทธและมุสิลมถูกฆ่าตายทุกวัน
โดยไม่มีเหตุผล”
 
พล.อ. หาญ ยังได้ให้ข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ให้ทำลายคลัง
แสงของโจรในพื้นที่ โดยการปิดล้อมพื้นที่ที่ต้องสงสัยด้วยกำลังทหารจำนวนมากเพื่อ
กดดันฝ่ายโจร ซึ่งในสภาพปัจจุบันนั้น พล.อ. หาญ ระบุว่าฝ่ายโจรมีความสามารถใน
การผลิตระเบิดแรงสูงได้ถึง ๓๐ กก.เพราะมีผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาให้การอบรม

“จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำลายคลังแสงในหมู่บ้านสีแดงให้หมดไปโดยเร็วที่
สุดด้วยการปิดล้อมหมู่บ้านด้วยกำลังทหาร นี่คือมาตรการในการปลดปืนในมือโจร”
 
อดีตแม่ทัพภาค๔ ได้เรียกร้องให้ผู้ใหญ่ทั้งในกองทัพและรัฐบาลต้องรีบเร่งปรับความ
คิดใหม่ เพื่อให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่กลับมาเป็นฝ่ายรุกด้วยการปฏิบัติการทางทหารโดยรีบด่วน

“เพราะการที่ฝ่ายเราปล่อยให้เหตุการณ์รุนแรงขึ้นทุกวันตามที่ปรากฏอยู่ ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์
จะนิ่งเฉยมากขึ้น และจะกลายเป็นแนวร่วมของโจรไปโดยไม่รู้ตัว เท่ากับว่าเป็นการ
เพิ่มพลังทางการเมืองของโจรให้มากเพิ่มขึ้น พื้นที่การปกครองของเจ้าหน้าที่ก็จะแคบ
ลดลงเรื่อยๆ นี่คือสถานการณ์ที่รอวันปฏิวัติเป็นรัฐเอกราชปัตตานี  สถานการณ์ที่เป็นอยู่
ในปัจจุบันกำลังก้าวไปสู่จุดนั้น”
 
อดีตแม่ทัพภาค๔ ท่านนั้นยังได้แสดงความไม่เห็นด้วยในเรื่องของการให้มีการเจรจา
กับกลุ่มโจรเพื่อยุติสถานการณ์การก่อการร้าย โดยไม่เชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
 
“เราไม่ต้องไปให้ความสนใจกับ วันกาเดร์  (อดีตประธานกลุ่มเบอร์ซาตู) อย่าไปเชื่อนี่
ไม่ใช่ตัวจริง เหตุการณ์วุ่นวายทั้งหมดในพื้นที่ไม่เกี่ยวกับวันกาเดร์ จึงไม่มีประโยชน์
ที่จะไปให้ความสำคัญ  มหาธีร์(อดีตนายกมาเลเซีย) เองก็เชื่อไม่ได้ ไม่ต้องไปเจรจา
นี่เป็นเรื่องภายในของเรา ปลดปืนในมือโจรได้เมื่อไหร่ก็ชนะ ขณะนี้ประชาชนยังหวาดกลัว
เพราะมีปืนจี้หลังอยู่  เราปลดปืนได้เมื่อไหร่ก็ชนะ” เจ้าของนโยบายใต้ร่มเย็นกล่าวด้วยความ
เชื่อมั่นในตอนท้าย

ที่มา เวป ศูนย์ข่าวอิศรา ครับ

[Rock]

การปรับแผนเพื่อรุกโจรก่อการร้าย

โดย พลเอก หาญ ลีนานนท์



เมื่อได้ฟัง พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พูดเมื่อเร็วๆ นี้เกี่ยวกับ
สถานการณ์ภาคใต้ว่า ถ้า 3 เดือนแล้วเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นจะปรับแผนใหม่

นี่อีกไม่กี่วันก็จะครบ 3 เดือนแล้ว ถ้านับตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 ไม่ทราบว่า
 ครม.และ คมช. จะมีแนวคิดแก้ปัญหาชายแดนใต้ได้อย่างไร

เพราะตั้งแต่รัฐบาลเข้ารับหน้าที่มาเกือบ 3 เดือนแล้ว ก็ยังไม่มีอะไรใหม่ คงใช้แนว
ทางสมานฉันท์ต่อจากรัฐบาลทักษิณในการแก้ปัญหา แม้จะเสริมด้วยการขอโทษ
ของนายกรัฐมนตรี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ กล่าวที่เมืองปัตตานีต่อหน้าผู้นำทาง
ศาสนาและคนไทยมุสลิมเป็นจำนวนหลายพันคน เหตุการณ์ร้ายต่างๆ เป็นต้นว่า
การฆ่า การซุ่มโจมตี การซุ่มโจมตีด้วยกับระเบิด การยิงครู การเผาโรงเรียน การ
ขับไล่คนพุทธออกจากพื้นที่ด้วยการลอบวางเพลิงเผาบ้านของคนพุทธ รวมทั้งการ
ป่วนเมือง (วางระเบิดโชว์รูม กลางเมืองยะลา) การยิงรบกวนฐานทหาร การระดมคน
 (หญิงและเด็ก) เป็นฝูงชน (ม็อบ) ขับไล่ฐาน ตชด.

การปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายโจรก่อการร้ายครั้งแล้วครั้งเล่าโดยที่กำลังทหาร
และตำรวจของฝ่ายรัฐบาลมิได้มีการปฏิบัติการใดๆ ที่มีประสิทธิภาพเพื่อยุติการ
กระทำของโจรฯและแนวร่วมโจรฯลงได้ ทั้งนี้ เพราะเข้าใจผิดในเรื่องแนวทาง
 การเมืองนำการทหาร ที่ทุกคนพูดกันจนติดปาก

แนวทางสมานฉันท์ของรัฐบาลนั้นเป็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองก็คงไม่ผิด แต่การ
สมานฉันท์ในหมู่บ้านที่โจรฯกุมสภาพทั้งการเมืองและการทหารไว้ได้หมดแล้ว
ย่อมไม่เกิดผลแต่ประการใด มีแต่ความล้มเหลวและสูญเปล่า ไม่ทราบว่าฝ่ายองค์กร
ใหม่ของรัฐบาล คือ ศอ.บต.และ กอ.รมน. ภาคที่ 4 รับรู้เรื่องนี้แค่ไหน เพียงใด โจรฯ
ได้ใช้ช่องว่างที่รัฐบาลรอการสมานฉันท์ ที่จะบังเกิดผลนั้น รัฐต้องใช้เวลาอีกหลายปี
โจรฯจึงปฏิบัติการทางทหารอย่างเหิมเกริมสร้างบรรยากาศแห่งความกลัวและความ
หวาดระแวงให้เกิดขึ้นโดยทั่วไปทั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ทำให้ชาวบ้านทำตัวออก
ห่างจากเจ้าหน้าที่ไม่ให้ความร่วมมือใดๆ และกลายเป็นแนวร่วมโจรฯไปในที่สุด

ทำให้โจรฯมีพลังทางการเมืองมากขึ้น ในขณะที่ฝ่ายเราถูกปิดหูปิดตาไม่ได้ข่าว
 การเคลื่อนไหวใดๆ ของโจรฯ บรรดานายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด คงจะรู้สึกว่า
พื้นที่การปกครองของตนนั้นแคบลงและเล็กลง จะไปไหนก็ไม่ปลอดภัย

จึงเป็นความเข้าใจผิดอย่างมากต่อแนวทาง การเมืองนำการทหาร ที่มุ่งอยู่แต่การ
หวังผลจากการสมานฉันท์จึงไม่ได้ผลและพบแต่ความสูญเสียของฝ่ายเรา

การเมืองนำการทหารนั้นผู้บังคับบัญชากองกำลัง (ทั้งตำรวจและทหาร) ต้องรู้จัก
ใช้อย่างพลิกแพลง เพราะการปฏิบัติการทางการเมืองใดๆ ของฝ่ายเรา จะไม่ได้ผล
ในขณะพื้นที่ที่โจรฯกุมสภาพไว้ได้หมด

ฝ่ายเราต้องหักล้างด้วยการปฏิบัติการทางทหารด้วยกลยุทธ์และยุทธวิธีที่เหนือกว่า
โจรฯ เมื่อทำลายการทหารของโจรฯลงได้ การปฏิบัติทางการเมืองของฝ่ายเราจึงจะ
ได้รับผลตอบสนอง เพราะประชาชนชาวบ้านจะหลุดพ้นจากอิทธิพลของโจรฯ แล
ะแนวร่วมที่ควบคุมชาวบ้านอยู่ เมื่อฝ่ายเราปลดปืนในมือโจรฯได้

ชาวบ้านนั้นแหละจะพาเราไปขุดค้นอาวุธ กระสุน วัตถุระเบิดต่างๆ ที่ฝังไว้ในดิน
รอบบ้าน จนหมดสิ้น

ขอแนะนำบทเรียนจากการรบของกองทัพภาคที่ 4 ในช่วงสงครามเย็น ปี 2524-2526
 เพื่อความเข้าใจอันดีในการใช้ การเมืองนำการทหาร เพราะเป็นวาทกรรมที่ต้องทำความ
เข้าใจกันให้ถ่องแท้ มิฉะนั้นจะทำให้เกิดการสูญเสียยืดเยื้อ อย่างร้ายแรง เช่นสงคราม
หรือการรบที่ชายแดนใต้ในปัจจุบัน กล่าวคือ

กองทัพเราติดพันอยู่ในสงครามเย็นมาตั้งแต่ปี 2508 กองทัพสู้กับทหารป่า หรือกองทัพ
ปลดแอกประชาชนไทย (ทปท.) ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.)
 ตั้งแต่ตาต่อตา ฟันต่อฟันในยุคแรก

ต่อมาพอรู้จักศัตรูมากขึ้นก็เปลี่ยนเป็น การเมืองนำการทหาร โดยกองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า
ซึ่งได้จัดตั้งโรงเรียนการเมืองขึ้นที่บ้านธาตุนาเวง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร
ซึ่งต่อมาได้เป็นต้นแบบของโรงเรียนการเมืองของกรมกิจการพลเรือน กองทัพบก

กองทัพบกติดอยู่ในสงครามเย็นเกือบ 20 ปีนับแต่เสียงปืนแตกเมื่อ พ.ศ.2508 กองทัพบก
มาจบสงครามเย็นได้โดยกองทัพภาคที่ 4 เปิดยุทธการ "ใต้ร่มเย็น" โดยใช้เวลาเพียง
5 เดือนในการปฏิบัติการทางทหารอย่างรุนแรง เข้าตี ทำลายล้าง ฐานที่มั่นต่างๆ เริ่มตั้ง
แต่ค่าย 508 อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นศูนย์การนำของ พคท.ภาคใต้ จากนั้น
ขึ้นไปตีฐานที่มั่นของ ทปท.ที่ชุมพร ระนอง แล้วลงมาเข้าตีต่อฐานที่มั่นที่ จ.นครศรีธรรมราช
 พัทลุง ตรัง เสร็จแล้วลงไปตีฐานที่มั่นที่สตูล

เมื่อฐานที่มั่นแห่งแรก คือค่าย 508 ซึ่งเป็นหัวใจของ ทปท.ภาคใต้แตกพ่าย ค่ายหรือฐาน
ที่มั่นอื่นๆ ก็ล้มเป็นโดมิโน

ประชาชนชาวบ้านที่เคยอยู่ใต้ร่มเงาของ พคท.ในหมู่บ้านสู้รบ หมู่บ้านปลดปล่อยต่างๆ
 ก็กลับมายืนข้างเคียงฝ่ายเราทันที ทุกฐานที่มั่น

สุดท้ายกองทัพแห่งชาติภายใต้การนำของกองทัพภาคที่ 4 ก็ตะลุยลงไปกวาดล้างขบวน
การโจรก่อการร้าย (ขจก.) ที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา (จคม.)
 ที่แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย

กำลังพลของฝ่ายเรายิ่งรบยิ่งชนะ ไม่เหน็ดเหนื่อยทำงานต่อเนื่อง ใช้เวลาทั้งสิ้นเพียง
 5 เดือนเท่านั้น

บทเรียนที่ได้จาก การเมืองนำการทหารในยุทธการ "ใต้ร่มเย็น" นั้นมิได้หมายความว่า
ต้องปฏิบัติการแต่ทางการเมืองอย่างเดียวเท่านั้น หรือการสมานฉันท์เรื่อยไป เช่นปัจจุบันนี้ที่
 3 จังหวัดชายแดนใต้ ผลก็คือโจรฯมิได้มีทีท่าว่าจะสมานฉันท์ด้วย ตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ
ทั้งนี้ เพราะโจรฯคุมชาวบ้านได้หมดแล้ว โจรฯนอนอยู่ในบ้าน ปืนจี้หลังชาวบ้านอยู่
ชาวบ้านไม่มีทางเลือกก็กลายเป็นแนวร่วมโจรฯในที่สุด พลังทางการเมืองของโจรฯมาก
ขึ้นเรื่อยๆ การตายทุกวันที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านและฝ่ายรัฐนั้น ทำให้ชาวบ้านเห็นว่ารัฐบาล
ไม่มีวันที่จะชนะโจรฯและใคร่แนะว่าชาวบ้านย่อมยืนอยู่ข้างฝ่ายชนะเสมอ

โปรดระลึกไว้เสมอว่า การเมืองนำการทหารนั้น ต้องรู้จักใช้อย่างพลิกแพลงให้สนับสนุน
ซึ่งกันและกัน

สถานการณ์ชายแดนใต้ ขณะนี้เป็นสถานการณ์สงคราม ควรเลิกคิดเรื่องการเจรจาใดๆ
ผู้ที่อ่อนแอกว่าเท่านั้นที่มองหาทางเจรจา หรือการปฏิบัติทางการเมืองเพื่อให้ชนะสงคราม
หรือการรบที่เกิดขึ้นแล้วนั้นไม่มีทางสำเร็จ

การสงครามต้องยุติได้ด้วยสงครามเท่านั้น ดังที่ได้พิสูจน์แล้วในยุทธการ "ใต้ร่มเย็น"
ของกองทัพภาคที่ 4 เมื่อประชาชนได้รับการปลดปล่อยจากการควบคุมของ ทปท.
ก็กลับมายืนข้างเคียงรัฐบาล ร่วมมือกับรัฐบาล นี่คือบทเรียนจาก การเมืองนำการทหาร
ของกองทัพภาคที่ 4 ที่ประสบความสำเร็จ ที่กองประวัติศาสตร์ของกรมยุทธการทหารบก
กองทัพบกน่าจะจารึกไว้ เพื่อให้นักการทหารรุ่นหลังได้ศึกษา

เสียดายเวลาที่ผ่านมาเพราะการทหารของรัฐบาล หลงทางมาโดยตลอดเกือบ 3 ปีแล้ว
 ชีวิตประชาชน ชาวบ้าน พระ เณร ทหาร ตำรวจ ครู และข้าราชการ ถูกทำลายตายไปด้วย
การปฏิบัติการทางทหารของโจรก่อการร้าย มีจำนวนทั้งสิ้นเกือบท่วมยอด 2,000 รายแล้ว
ในขณะที่ทุกคนที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบการดับไฟใต้ ล้วนแต่ได้รับการปูนบำเหน็จรางวัล
 เลื่อนยศสูงขึ้น แต่ไฟใต้กลับลุกโชนเกือบเต็มพื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนใต้แล้ว

ก็ด้วยความหวังว่า การปรับแผนดับไฟใต้ ของนายกรัฐมนตรี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
ครั้งนี้คงจะทำให้ไฟใต้ดับมอดได้แน่นอน ทำให้ใต้ร่มเย็น และสันติสุขกลับคืนมาสู่ดินแดน
ถิ่นใต้ที่ชายแดน อย่างยั่งยืน และตลอดไป

ที่มา มติชน 8 มค 50 หน้า6

[firefly]

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับท่านอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 แล้วจะทำยังไงให้ความคิดของท่านได้รับการปฏิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรม ทุกวันนี้ชาวบ้านใน 3 จว.ไม่ค่อยกล้าให้ข่าวสารข้อมูลกับทางราชการ เพราะกลัวตาย อยู่เฉยๆดีกว่า

[carrera]

หาทางไม่เจอ

[วัฒน์]

  ผมเชื่อท่าน รัฐฯควรเด็ดขาดได้แล้ว ขอบคุณครับ

[ห ม า ย จั น ท ร์]

จัดการขั้นเด็ดขาดครับเห็นด้วย ...สำหรับใครที่ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนไทย

[glocklover]

ครับ จะเด็ดก็ขอให้ขาดไปเลย

จะถึงขั้น ปักป้าย ประกาศให้ประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดินออกนอกพื้นที่ชั่วคราวเพื่อลงไปกวาดล้าง ถึงแม้โจรจะปะปนออกมากับชาวบ้านด้วยแต่คงไม่สามารถถืออาวุธออกมาได้ด้วย ลงไปกวาดล้างคนที่เหลือและยึดอาวุธสงครามให้หมด ก็ดีนะครับ  (  เฮ้อ ไม่รู้จะเป็นแค่ฝันหรือเปล่า ทุกวันนี้ได้แต่สงสารพี่น้องคนไทยด้วยกัน ไม่รู้จะช่วยอย่างไร    )

[..GlockGlack..]

เพื่อนสมาชิกท่านใดเปิดร้านถ่ายเอกสารราคาถูกบ้างครับ?  ผมได้รับเอกสารเรื่อง "สถานการณ์ใต้" มาฉบับหนึ่ง  หลายหน้าเหมือนกัน  ครั้นจะพิมพ์ให้อ่านก็คงไม่ไหว  ใช้วิธีถ่ายเอกสารส่งให้ดีกว่า

เผื่อจะได้ใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาว่าจริงเท็จหรือไม่อย่างไร

[BADBOY]

ญาติทางโน้น เล่าให้ฟังเมื่อวันก่อนว่า..จะให้ข่าวใคร ก็ไม่ไว้ใจ เพราะ โจรมันจับตาดูตลอด พูดไปแล้วก็คือ วางตัวเป็นกลาง ๆ  อึดอัดเหมือนกัน  พูดง่าย ๆ ว่า อยู่ได้ เพราะถ้าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น พวกโจรจะมาบอก ไม่ให้ออกไปไหน จะเอาข่าวไปบอกเจ้าหน้าที่ก็กลัวโจรฆ่า......แม้แต่โทรศัพท์มือถือ ยังมีองค์กรลับ ดักฟัง  วันนั้นคุยกันมากไม่ได้ ต้องรีบวางสาย.....

[Chayanin-We love the king]

เพื่อนสมาชิกท่านใดเปิดร้านถ่ายเอกสารราคาถูกบ้างครับ? ผมได้รับเอกสารเรื่อง "สถานการณ์ใต้" มาฉบับหนึ่ง หลายหน้าเหมือนกัน ครั้นจะพิมพ์ให้อ่านก็คงไม่ไหว ใช้วิธีถ่ายเอกสารส่งให้ดีกว่า

เผื่อจะได้ใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาว่าจริงเท็จหรือไม่อย่างไร

*********
พิมพ์แล้วเอามาขึ้นกระทู้ก็ได้นะครับ
ผมพิมพ์ช้า  ผมอาสา 5 หน้า A4   เสร็จแล้วเอามาโพสต์ในกระทู้  แล้วกันครับ
(ค่าถ่ายเอกสารหลายคนก็หลายตังค์นะครับ)
หรือไม่  ก็สแกนแล้วเอามาลงเหมือนเราลงรูปก็ได้นะครับ

[coda]

เพื่อนสมาชิกท่านใดเปิดร้านถ่ายเอกสารราคาถูกบ้างครับ? ผมได้รับเอกสารเรื่อง "สถานการณ์ใต้" มาฉบับหนึ่ง หลายหน้าเหมือนกัน ครั้นจะพิมพ์ให้อ่านก็คงไม่ไหว ใช้วิธีถ่ายเอกสารส่งให้ดีกว่า

เผื่อจะได้ใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาว่าจริงเท็จหรือไม่อย่างไร

*********
พิมพ์แล้วเอามาขึ้นกระทู้ก็ได้นะครับ
ผมพิมพ์ช้า  ผมอาสา 5 หน้า A4   เสร็จแล้วเอามาโพสต์ในกระทู้  แล้วกันครับ
(ค่าถ่ายเอกสารหลายคนก็หลายตังค์นะครับ)
หรือไม่  ก็สแกนแล้วเอามาลงเหมือนเราลงรูปก็ได้นะครับ

...ครับ  สแกนเป็นภาพมาลงน่าจะง่ายสุด 

[น้าพงษ์...รักในหลวง]

โทรศัพท์ยังถูกดักฟัง..ดูแล้วน่ากลัวนะครับ

[PU45™]

เห็นด้วยครับ ที่ผ่านมาแหยงจนแหยออกทำให้ฝ่ายตรงข้ามฮึกเหิมยิ่งกว่ารัฐบาลยุคก่อนเสียอีก