Update/ 'หม่อมอุ๋ย' เผยพ.ร.บ.ต่างด้าวใหม่ ให้ต่างชาติที่ถือหุ้นรวมเกิน 50% ต้องลดสัด
ส่วนถือหุ้นลงภายใน 1 ปี และที่มีเสียงโหวตเกิน 50% ลดสิทธิออกเสียงใน 2 ปี
'หม่อมอุ๋ย' เผยพ.ร.บ.ต่างด้าวใหม่ ให้ต่างชาติที่ถือหุ้นรวมเกิน 50% ต้องลดสัดส่วน
ถือหุ้นลงภายใน 1 ปี และที่มีเสียงโหวตเกิน 50% ลดสิทธิออกเสียงใน 2 ปี เชื่อ นลท.ต่างชาติ
ไม่ได้รับผลกระทบแน่ แต่เตรียมชี้แจงให้หอการค้าตปท.เข้าใจพรุ่งนี้ 11.00 น. ยันหุ้นร่วงวันนี้
ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหานอมินีแน่
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
เปิดเผยว่า การแก้ไขพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ได้มีการแก้ไขในเรื่องคำจำกัดความใน
การให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในบริษัทไทย จะต้องไม่เกิน 50% ซึ่งหมายรวมถึงการถือหุ้นแทน
ด้วย ส่วนการออกเสียงโหวตกฎหมายกำหนดว่าจะต้องมีสิทธิออกเสียงไม่เกิน50% ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้หากบริษัทใดจัดอยู่ในบัญชีที่ 1 และบัญชีที่ 2 ที่ถือหุ้นในบริษัทเกิน 50% จะต้องเข้ามาแจ้ง
กับกระทรวงพาณิชย์ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ และให้ดำเนินการลดสัด
ส่วน โดยการขายหุ้นออกไปภายใน 1 ปี และหากบริษัทใดที่อยู่ในบัญชีที่ 1 และ 2 ที่มีสิทธิออก
เสียงเกิน 50% จะต้องเข้ามาแจ้งกับกระทรวงพาณิชย์ภายใน 1 ปีและทำการปรับลดสัดส่วนการ
ออกเสียงดังกล่าวให้เป็นไปตามเกณฑ์ภายใน 2 ปี นับจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้
ส่วนหากบริษัทใดเข้าเกณฑ์บัญชีที่ 3 ที่มีการถือหุ้นเกิน 50% และหากมีสิทธิออก
เสียงเกิน 50% จะต้องเข้ามาแจ้งกับ ทางกระทรวงพาณิชย์ภายใน 90 วัน ซึ่งสามารถดำเนิน
กิจการได้ตามปกติต่อไป สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาถือหุ้นในบริษัทไทยรายใหม่ ซึ่งนับ
ตั้งแต่วันที่ออกกฎหมายดังกล่าวไปนักลงทุนต่างชาติจะต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมายฉบับใหม่
ที่ออกมาทั้งหมด
ทั้งนี้ธุรกิจในบัญชี 1 ประกอบด้วย กิจการหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง
เกษตรกรรม ค้าที่ดิน เป็นต้น และ 2 ที่ ประกอบด้วย กิจการการขนส่งทางน้ำ อากาศ บก กิจการ
การบินในประเทศ คมนาคม
อาวุธยุทโธปกรณ์ เป็นต้น เป็นธุรกิจเฉพาะที่สงวนไว้สำหรับคนไทย
และธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงหรือมีผลกระทบต่อวัฒนธรรมและทรัพยากรธรรมชาติของ
ไทย ส่วนธุรกิจในบัญชี 3 ที่ประกอบด้วย ธุรกิจนายหน้า และค้าปลีก ค้าส่ง เป็นต้น ซึ่งเป็นธุรกิจที่
คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันกับคนต่างด้าว
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า เชื่อ การแก้ไข พ.ร.บ. ดังกล่าว จะไม่มีผลกระทบต่อการ
ทำธุรกิจของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (10 ม.ค. 2550) จะชี้แจงให้กับหอการค้าต่าง
ประเทศได้เข้าใจถึงการแก้ไขพ.ร.บ.ในครั้งนี้อย่างชัดเจน ในเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล
'ในเรื่องของธุรกิจประกันและธนาคาร เราได้แยกออกไปแล้ว เพราะสองตัวนี้มี
กฎหมายคุ้มครองอยู่ ซึ่งเกรงว่าจะไปทับซ้อนกัน เราจึงออกไปแล้ว ซึ่งในเรื่องนี้ประเทศอื่นก็ทำ
กันเหมือนกับต่างประเทศที่มีอยู่ ประเทศเราเป็นอนาธิปไตยเพราะฉะนั้นเราจะต้องดูแลและต้อง
สงวนในสิ่งที่ต้องควรสงวนไว้' ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
ส่วนกรณีที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงในช่วงบ่ายวันนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
ว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการการแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบ
ธุรกิจคนต่างด้าว แต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทที่อยู่ใน 3 บัญชี ที่ได้รับผลจากการแก้ไขพ.ร.บ.ใน
ครั้งนี้ มีจำนวนเพียง 20,000 รายเท่านั้น ในขณะที่บริษัททั้งหมดมีถึง 5.4 แสนรายเพราะฉะนั้น
จึงคิดว่าไม่น่ากระทบอะไร
ถามประสาวัยรุ่นด้อยความรู้หน่อยนะครับ
คำว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ นั้น หมายถึง ปืนของประชาชนด้วยหรือไม่ครับ ถ้าใช่ โรงงานปืนที่อยู่ในบ้านเรา โรงงานผลิตกระสุนในบ้านเรา จะได้รับผลกระทบมั๊ยครับ
ถามเล่นๆ อีกข้อหนึ่ง คือ ฟังดูแล้วเหมือนรัฐบาลจะสงวนอาชีพ ผลิต จำหน่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ไว้สำหรับคนไทย หรือว่า เขียนไว้เล่นๆกันท่าต่างชาติครับ
****
ผมขอเสนอนิดนึง พวกโรงงานอัดกระสุน โรงงานผลิตปืนนี่ น่าจะบังคับให้เป็น บริษัทมหาชน และเอาหุ้นเข้าตลาด เพราะ จะช่วยให้มีการเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะ ยิ่งกว่านั้น พวกเราไปซื้อหุ้น ได้ส่วนแบ่งกำไร ได้ปันผล หักกลบกับค่าซื้อปืน ซื้อกระสุน ก็ทำให้ค่าใช้จ่ายในกิจกรรมเผาตังค์ถูกลงอีกพอสมควร