เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
กันยายน 13, 2025, 12:11:45 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้ามันมาขู่เราแบบนี้..จะทำไงดีครับพ่อใหญ่  (อ่าน 7464 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
tOnz
ถ้าใจคุณอคติ คุณก็อ้างความถูกต้องและเป็นกลางไม่ได้หรอกครับ
Hero Member
*****

คะแนน 4
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1519

ต่อด้วย M870


« ตอบ #15 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 12:13:57 PM »

อย่าไปกลัวครับมาขู่เอาชีวิตด้วยแบบนี้    แจ้งความไปเลยครับ  พวกนี้มันไม่ยอมสู้กันในศาล เพราะศาลจะเข้าข้างลูกหนี้และให้ประนอมหนี้ครับ   มันเลยไม่อยากเล่นกันในศาล    พวกนี้มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ต้องโดนบ้างครับถึงจะสาสม มาทำแบบนี้
บันทึกการเข้า

"มีปัญญาเป็นอำนาจ ยังดีกว่ามีอำนาจแต่ไม่มีปัญญา" ชิบ จิตนิยม
aun_tu.
Full Member
***

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 280

ฉันรักธรรมศาสตร์เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน


« ตอบ #16 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 12:28:31 PM »

รบกวน ท่านสมาชิกท่านใดก็ได้ ให้ผมยืมเงิน ซัก 1,000บาท ซิครับ ผมสัญญาว่า
 จะคืน ภายใน 3 วันนี้
 
 ผมมีแผนดังนี้
 
 พอ ครบกำหนด 3 วัน ผมจะขอผลัดอีกเป็น เดือนหน้า พอครบเดือนหน้า ที่นี้ผมขอผลัดเป็น อาทิตย์หน้า ทีนี้ผม รับรองอย่างหนักแน่นว่า อาทิตย์หน้าผมจะชำระจริงๆ เอาหัวแม่ยายเป็นประกันเลย ทีนี้ คุณก็จะใจจดใจจ่อนับวันรอตั้งตารอให้ถึงอาทิตย์หน้า พอถึงวันนัดปุ๊บ ทีนี้ผมก็จะขอผลัดเป็น พรุ่งนี้ แน่นอนครับ พรุ่งนี้ แน่นอนที่สุด ไม่มีอะไรจะมาแน่นอนกว่านี้อีกแล้ว แหม ขอผลัดแค่พรุ่งนี้ 24 ชั่วโมงเอง ถ้าไม่ให้ผลัดก็ใจดำแล้ว
 ตกลงว่าคุณยอมให้ผลัด พอถึงพรุ่งนี้ ผมบอก จ่ายแน่ครับ วันนี้แหละ แต่ขอเป็น ช่วงบ่ายๆ แล้วกัน กำลังจะได้เบิกค่าแรงจากเจ้านายพอดี ขอเป็นตอนบ่ายนะครับ เอ้า บ่ายก็บ่าย
 พอบ่าย คุณจะมารับเงิน ที่ตกลงนัดกันไว้ ผมบอก โธ่พี่ บ่ายน่ะ ขอบ่ายแก่ ๆกว่านี้หน่อยล่ะกัน
 เอางี้เพื่อไม่ให้พี่ต้องรอนาน พรุ่งนี้เช้าไปเลยดีกว่า แน่นอน ดี รับรอง พรุ่งนี้
 9 โมงเช้า พี่เข้ามารับเงินได้เลย
 พอพรุ่งนี้9 โมงเช้า คุณมารับเงิน ผมก็บอก โธ่พี่ บังเอิญจริงๆ เมื่อคืน ลูกชายคนเล็ก โดนหมาบ้ากัด เงิน หนึ่งพันบาทที่ผมเตรียมไว้ให้พี่ เอาไปเป็นค่าหมอฉีดยาให้ลูกแล้ว ขอเป็นอีก 3 วัน นะ หรือถ้าพี่รอไม่ไหว หรือไม่เชื่อใฝจผม พี่ก็ไปฟ้องศาลเอาล่ะกัน
 
 
 ปล. เวลาพี่มาทวงผมพี่ต้องพูดสุภาพๆ หน่อยนะครับ ไม่งั้นผมจะแจ้งข้อหาข่มขู่นะครับ และเวลาทวงพี่ต้องเดินทางมาทวงด้วยตนเองนะครับ ห้ามโทรไปทวงที่ทำงาน เดี่ยว เพื่อนที่ทำงานรู้ ผมอาย ผมเสียหาย ผมฟ้องหมิ่นประมาทนะ แล้วห้ามโทรมาทวงที่บ้านด้วย เดี๋ยว แม่ผมที่แก่มากแล้วรับสาย แล้วไม่สบายใจ ผมฟ้องพี่จริงๆด้วย
 
 ความคิดเปลี่ยนไปบ้างไม๊ครับ
........ Grin Grin Grin Grin....ถ้าพวกพี่ๆเป็นเจ้านี้...แล้วเจอลูกนี้จบเนติบัณฑิตมา...อย่างงี้จะทำยังไงครับ.......... Grin
บันทึกการเข้า
love glock
Full Member
***

คะแนน 12
ออฟไลน์

กระทู้: 157


« ตอบ #17 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 12:41:40 PM »

 และด้วยประสพการณ์ ชีวิตอันยาวนาน ทำให้ผมทราบว่า
 
     80% ของลูกหนี้    ถ้าจะชำระหนี้จริง ๆ ก็ทำได้   แต่ยังไม่อยาก ชำระ ด้วยสาเหตุ ต่างๆ
 
   ขอยกตัวอย่าง    คนใกล้ตัว  คือ ลูกจ้างผมเอง     เค้าเป็นหนี้
 คือ ยืมเงินเถ้าแก่คนเก่า เค้า สองหมื่นบาท     พอมีหนี้ ต้องถูกหัก เงินจากค่าแรง   เดือนละ  1000 บาท  20เดือน    (เงินเดือน6000บาท)        แกก็ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วซิครับ    เพราะต้องถูกหักเงินเดือนมาชำระหนี้        แกจึงย้ายข้ามจังหวัด   ข้ามภาคเลย  แล้วกันมาอยู่กับผม       เถ้าแก่คนเก่า ก็ตามมาที่บ้านเค้า แล้ว รู้ว่า มาอยู่กับผม ก็พยายาม โทรมาที่บ้านผม ขอสาย    ลูกน้องเก่าเพื่อทวงหนี้       โทรมา ประจำ   2 -3 ปีแล้ว ขยันโทรมาทวงจริงๆ    ผมก็รำคาญต้องคอยวิ่งตามให้  ลูกน้องผมก็บอกยังไม่มี ยังไม่มี     ยังไม่มี    ดูเค้าก็กลุ้มเหมือนกัน  แต่ก็ไม่ยอมจ่าย บอกว่ายังไม่มี  ซึ่งผมก็คิดว่าจริง ลูกน้องผม ได้ค่าแรงเดือนละ 7000กว่าบาท ใช้เดือนชนเดือน  ไม่มีเงินเหลือเก็บ     แต่เท่าที่ทราบ    นายคนนี้ มีที่นา   40 กว่าไร่       
       ลองคิดดู ถ้าคนเรามันคิดจะใช้หนี้       ก็แค่แบ่งขายที่นา ซัก  ไร่ 2 ไร่   ก็ได้เงินเป็นแสน แล้ว      แต่นี่ มันไม่ยอมขาย มันบอก เป็นที่มรดก  ยังไงก็ไม่ขาย
       ยังมีกรณี คล้ายๆแบบนี้อีก หลายสิบกรณี ผมจึงบอกว่า
   80% ของลูกหนี้   ถ้าคิดจะใช้หนี้จริงๆ น่ะ   มีปัญญษใช้ทั้งนั้น        ไอ้ที่ถูกฟ้องล้มละลายน่ะ      มันยอมล้ม   เพราะล้มแล้ว ไม่ต้องใช้หนี้ แค่ โอนทรัพย์สิน ให้ลูก ที่บรรลุนิติภาวะ  หรือ โอนให้เมีย แล้ว เซ้นต์ หย่า ซะ    ล้มละลาย ก็ล้มไป ยังกินหูฉลามได้ ยังนั่งรถเบนซ์( ชื่อเมีย )   ได้    ยังอยู่คฤหาสน์ ( ชื่อลูก)   ได้    พอครบ3 ปี ก็พ้น จากล้มละลายแล้ว   นี่ก.ม. มันเป็นอย่างนี้ 
บันทึกการเข้า
love glock
Full Member
***

คะแนน 12
ออฟไลน์

กระทู้: 157


« ตอบ #18 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 12:56:10 PM »

  หรือ อย่าง  เรื่องที่เจ้าของกระทู้เล่ามา    ว่าเป็นหนี้บัตรเครดิต
  สมมุติว่า เป็นหนี้   สามหมื่น      แต่ ตัวลูกหนี้มีรถยนต์คันนึง
  ใช้ขี่ไปทำงาน   ถ้าขาย ก็จะได้ ซัก  แสนห้า 
   ถ้าตัดใจยอมขายรถไปแสนห้า    ชำระหนี้ไป สามหมื่น  ก็ยังเหลือเงิน แสนสอง     แต่ ผมว่า เค้าไม่ยอมขายรถแน่ๆ เพราะ กลัวว่าถ้าขายรถแล้ว จะไม่มีรถขี่ไปทำงาน    ต้องนั่งรถเมล์แทน
          นี่แหละครับ เหตุผลของลูกหนี้ ประมาณนี้แหละ   ถ้าจะจ่ายจริง ๆ ก็จ่ายได้ แต่ ยังไม่ต้องการจ่าย       เชื่อผมเถอะ 
บันทึกการเข้า
love glock
Full Member
***

คะแนน 12
ออฟไลน์

กระทู้: 157


« ตอบ #19 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 01:12:25 PM »

 เรียน ถามท่านผู้รู้กฎหมาย   
 
     เท่าที่ผมทราบ   การยืม ของ เช่น ยืมรถ  ยืมโทรศัพท์   ยืมจักรยาน    ยืม ทอง  ถ้ายืมแล้ว ไม่คืน  ถือเป็นคดี อาญา ข้อหาฉ้อโกง    เจ้าทุกข์ไปแจ้งความ   ตำรวจจะมาเชิญไปโรงพักเลย
  แต่ถ้า ยืม "เงิน" แล้วไม่คืน   กฎหมาย ไม่ถือว่า โกง    แนวคิดของกฎหมาย คือ คิดว่า เค้า "ไม่มี"       ไม่ได้แปลว่าโกงถ้าอยากได้เงินคืน ต้องไปฟ้องศาลเอาเอง
 
     งั้นผมจึงขอยกเหตุการณ์   การยืม เงิน 1000 บาท   ดังที่ผมตั้งในกระทู้นี้   ที่เพื่อนสมาชิกได้อ่านไปแล้ว   แต่ขอเพิ่มเติมว่า
    พอเจ้าหนี้มาทวง หนักๆเข้า ผมเลย  รำคาญ     ควักแบ็งค์พัน   ปึกใหญ่  ห้าแสนกว่าบาท ในกระเป๋าออกมาโชว์
   แล้วบอกว่า    "  เงินน่ะมี กะอีแค่ พันเดียว ทวงอยู่ได้    นี่ ห้าแสน    แต่ยังไม่มีอารมณ์จ่าย      กะว่า  ต้นปีหน้า ถึงมีอารมณ์)
 
          ถ้าเป็นดังนี้    กฎหมาย จะถือว่า เจตนาฉ้อโกงมั๊ยครับ
 
   
     ตอบให้เลยก็ได้ครับว่า     การยืมเงินแล้วไม่จ่าย    ยังไงๆ 
   กฎหมายก็ไม่ถือว่า โกงครับ        ทั้งๆที่  ถามวิญญูชน คนมีสติ   100 ทั้ง100 คน   บอก  แบบนี้ มันโกง นี่หว่า
 
   
       ลองกลับไปดูการ" ยืม"   อย่างอื่นบ้าง   เช่น นาย ก. ยืม สร้อยทอง นาย ข.  ไปใส่  แล้วเกิด ทำหาย   จริงๆ   พอนาย ก. ทวง ถาม นาย ข. ไม่มีให้         อย่างนี้ ตำรวจจับ เข้าห้องขัง ข้อหา ฉ้อโกง   เลยครับ
บันทึกการเข้า
ป้อมทอง พรานชุมไพร
ดับบาป ด้วยบุญปืน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 780
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6885


นรชาติวางวาย สถิตย์ไว้ แต่ความดีประดับไว้โลกา


« ตอบ #20 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 04:02:00 PM »

 Grin  นัดมาให้พบตัว.......ทุบด้วยค้อนป๊อกครับ


       ล้อเล่นเด้อ    อย่าทุบด้วยค้อนป๊อกนะ   มันไม่เจ็บหรอก
บันทึกการเข้า

รักกันไว้เถอะ  เราเกิดร่วมแดนไทย   จะเกิดภาคไหนๆ    ก็ไทยด้วยกัน      
เชื้อสายประเพณีไม่มีขีดคั่น        เกิดเป็นไทยนั้นปวงชนทุกคนคือไทย
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #21 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 04:27:19 PM »

Smiley..  มีสำนักงานกฎหมาย ที่ไม่ได้จัดตั้งโดยผู้มีวิชาชีพเป็นทนายความ จัดตั้งขึ้นเพื่อทวงหนี้
       อาจมีความรู้ทางกฎหมาย เพราะเรียน หรือจบกฎหมาย..
       แต่ไม่ได้รับใบอนุญาตให้เป็นทนายความ.

       การเป็นหนี้ เมื่อผิดนัดไม่ชำระหนี้.. การทวงถามเพื่อให้ชำระหนี้ นั้น
       เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องคดีเพื่อขออำนาจศาล บังคับให้ชำระหนี้.
       เป็นกระบวนการตามวิธีที่ชอบทางกฎหมาย..

       การทวงถาม โดยใช้วิธีการข่มขู่ จะโดยรายละเอียดปรากฎเป็นหนังสือ
       หรือเป็นคำพูด.. ไม่ใช่วิธีการของทนายความ. แต่ถ้าทนายความผู้ใด กระทำเช่นนั้น
       จะผิด มรรยาททนายความ.. นำพฤติการณ์ เช่นนี้
       ร้องสภาทนายความ เพื่อให้พิจารณาลงโทษ ได้ครับ

       ถ้าพบการกระทำเช่นนี้ อย่ากังวลมากนักครับ
       ถ้าไม่สามารถจะชำระหนี้ได้ .. อยากจะฟ้องก็ให้ฟ้องไป.
       ยอมให้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ในศาล..
       การเจราจาจะ สุภาพ.. ยุติธรรม .. ครับ   Smiley

       
บันทึกการเข้า

ozero++รักในหลวงมากค่ะ++
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1287
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 25366


มารยาท...มีให้รักษา


« ตอบ #22 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 04:58:44 PM »

บอกตรงๆว่าโอเคยยืนอยู่ทั้ง 2 ด้านค่ะ เข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย ขออ่านอย่างเดียวเพื่อประดับความรู้ดีกว่าค่ะ Cheesy
บันทึกการเข้า

เข้ามากด like กันได้นะคะ http://www.facebook.com/OAroi
และ https://www.facebook.com/SiaAke
โป้ง*กันบอย - รักในหลวง
YOU'LL NEVER WALK ALONE
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1629
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16886


คนฮัก เต้าผืนหนัง........คนจัง เต้าผืนสาด


เว็บไซต์
« ตอบ #23 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 05:13:50 PM »

แม่ยายเคยสอนผมว่า อย่าให้ใครยืมเงิน เพราะ

1.คนให้ยืมคือเราจะเป็นทุกข์เพราะกลัวว่าจะไม่ได้คืน

2.คนยืมเวลามายืมเงินเรา ตอนแรกก็เห็นเราเป็นที่พึ่งพา

แต่พอเราให้ยืมแล้ว ถึงเวลาคืนเขาไม่มีก็จะทุกข์ และถ้าไปทวงบ่อยๆ

เราก็จะกลายเป็นศัตรู 

แต่ก็มีทางออก Wink

ตัวอย่าง

ถ้าเพื่อนหรือใครมายืมเงิน ถ้าเราพอมีเขามายืมเรา 5,000 บาท

ให้คิดเสียว่าช่วยเขาไปสัก500-1,000 โดยที่เราไม่เดือดร้อน(คือเสียดาย)

และก็บอกไปว่าเราช่วยละกันไม่ต้องคืน ถ้าเรามีมากกว่านี้เราก็ยินดีจะช่วย

เราก็จะไม่เสียเพื่อนและไม่เป็นทุกข์ 

ส่วนถ้าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเช่นป่วย เข้าโรงพยาบาล ถ้าเราช่วยได้อย่าช้าจะใจดำ  Grin

**หนี้แค่1,000 ก็เป็นทุกข์ ถ้าไม่ได้คืน

ให้เขาไปแล้วเราไม่เป็นทุกข์  เขาก็ไม่ทุกข์


แต่ตอนนี้พี่ๆใครพอจะมีให้ผมยืมสัก60,000 ไหมครับยังขาดเงินไปรับน้องเอม60 อยู่ครับ(^^อันนี้ขำๆครับ)

ด้วยความเคารพครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 27, 2007, 05:16:46 PM โดย กำลังสำรองgUnbOy » บันทึกการเข้า


love glock
Full Member
***

คะแนน 12
ออฟไลน์

กระทู้: 157


« ตอบ #24 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 05:14:42 PM »

        จะยกตัวอย่างอีกก็ได้ เพื่อยืนยันคำกล่าวของผมที่ว่า    "80% ของลูกหนี้ ถ้าจะชำระจริงๆ  ก็ชำระได้ แต่ ยัง ไม่ยอมชำระ"
 
        ดูคดีที่ธนาคาร ฟ้อง บังคับจำนอง  ซีครับ        ทำไม ลูกหนี้ ไม่ยอม จ่ายเองดีๆ โดย ขาย  ทรัพย์นั้น    ได้เงินมาเท่าไหร่  ก็  จ่ายหนี้ไป   ก็ยังพอมีเหลือ       แต่ที่เห็นต้องให้ธนาคารฟ้อง   สู้กัน3 ศาล    จนสุดท้าย ท้ายสุด   ศาลก็สั่งให้ บังคับขายทรัพย์นั้นทอดตลาด   เพื่อจ่ายให้เจ้าหนี้     ขายได้เท่าไหร่ ถ้ามีเหลือ ก็เอาคืนไป    ( ส่วนใหญ่ เหลือทั้งนั้นแหละ   เพราะถ้าคุณจะกู้ล้านนึง   คุณต้องมีหลักทรัพย์ไปวาง  สามล้าน)
   
 
               คือที่ไม่อยากจ่ายเพราะ "เสียดาย" ครับ     เสียดาย สมบัติ    เสียดาย ทรัพย์ของตัวเอง     ไม่อยากขาย        "เสียดาย"    ของๆตัวเอง    แต่เงินที่กู้ ของคนอื่นมา แล้ว ตัวเอง จับจ่ายใช้สอยไปหมดแล้วนั้น ไม่ค่อยได้นึกถึงกัน  ว่าเจ้าของเงินก็อยากได้ของของเขาคืน       
         และพวกที่แนะนำ ให้ว่า เจ้าหนี้ อยากได้คืน ให้ฟ้องร้องเอา        เอางี้ครับ
   ผมขอแนะนำ ให้    ใครก็ได้ ยืมเงินเพื่อน   หรือ คนรู้จัก    สัก 1,000 บาท
    แล้วพอเค้าทวงถาม    ก็บอกไปว่า อยากได้คืนให้ไปฟ้องเอา     
   
      รับรอง  ครับ เชื่อผมเถิด 100 ทั้ง100   ไม่มีใครฟ้องหรอกครับ    ใครจะไปอยากขึ้นโรงขึ้นศาล เพื่อเงิน พันเดียว   
 
         แหม    เสียดาย เน๋อะ ว่า ถ้าไม่จ่ายหนี้ค่าอาหารเป็นคดีอาญา ไม่งั้น  ถ้าผมไปกิน อาหารที่ร้าน แล้วพอเค้ามาเช็คบิล สมมุตว่า  150บาท   ผมจะบอกว่า  ตอนนี้ไม่มี    ถ้าอยากให้จ่าย ให้ไปฟ้องเอา          ทีนี้แหละ เราจะได้ยินคำว่า    " พ่อค้าร้านอาหารหน้าเลือด"
 
บันทึกการเข้า
Narin CZ
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #25 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 05:56:42 PM »

เวลาคุณเป็นหนี้ใคร แน่นอนว่าคุณก็ต้องใช้หนี้คืนเขา คุณต้องเห็นใจเจ้าหนี้เขาด้วย แต่ถ้าหากคุณไม่มีใช้หนี้เขาตามกำหนด คุณก็ต้องเจรจาขอประนอมหนี้หรือขอผลัดผ่อน โดยเฉพาะหนี้ธนาคาร ทางเขาจะถามคุณเองว่าคุณมีความสามารถในการผ่อนชำระได้เดือนละเท่าไรเป็นต้น อย่าพยายามเหนียวหนี้ เพราะดอกเบี้ยมันจะบานไม่หุบ และอีกอย่างคุณจะทำธุรกรรมทางการเงินการธนาคารลำบาก เพราะประวัติทางการเงินของคุณมันจะฟ้องอยู่ในเครดิตบุโร ยกเว้นเสียแต่คุณจะทำธุรกรรมการเงินนอกระบบ ซึ่งมันจะยิ่งเลวร้ายเข้าไปอีกหากคุณไม่จ่าย.
เจ้าหนี้เองก็ควรเห็นใจลูกหนี้เพราะคนเรามันไม่แน่นอน ทุกคนต่างก็มีปัญหาของตัวเองทั้งนั้น หากทวงถามหนี้หลายครั้งแล้วลูกหนี้ก็ยังไม่ยอมชำระหนี้หรือเจรจาประนอมหนี้ ก็ควรดำเนินการตามกฏหมายไม่ใช่ไช้วิธีการทวงหนี้ด้วยการข่มขู่ ซึ่งแน่นอนว่ามันผิดกฏหมาย ข่มขู่นี่ผิดกฏหมายอาญานะครับ.
สรุปคือ ความไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ เวลามีหนี้ก็ต้องจ่ายหนี้ ให้ดีก็ต้องเศรษฐกิจพอเพียงไงครับ.
สำหรับเจ้าหนี้ ก่อนจะปล่อยหนี้ก็ควรเช็คประวัติทางการเงินผู้มีความประสงค์จะเป็นหนี้ท่านเสียหน่อยก็จะดี หากไม่ ท่านก็จะเจอปัญหาร้อยแปด แต่คงไม่เท่าไรมั้งเพราะดอกเบี้ยของลูกหนี้ท่านก็บานไม่หุบตามกาลเวลาอยู่แล้ว.
ปล. อย่าลืมฟังเพลง ' ดอกเบี้ย ' ของคาราบาวซะหน่อยก็ดี  Grin
บันทึกการเข้า
ozero++รักในหลวงมากค่ะ++
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1287
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 25366


มารยาท...มีให้รักษา


« ตอบ #26 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 07:59:39 PM »


บอกตรงๆว่าโอเคยยืนอยู่ทั้ง 2 ด้านค่ะ เข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย ขออ่านอย่างเดียวเพื่อประดับความรู้ดีกว่าค่ะ:D
ถ้าคนรู้จักหรือเพื่อนขอยืมเงิน ใจแข็งไม่ยอมให้ดีที่สุดครับ เพราะจะเสียทั้งเงินและเพื่อน
แต่ถ้าการกูยืมเงินอย่างถูกกฎหมาย ทางบริษัทหรือธนาคารสามารถฟ้องร้องเราได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องข่มขู่
กฎหมายมีไว้ให้ใช้ครับ ไม่จำเป็นต้องใช้นักเลง


ตอนนี้ใจแข็งแล้วค่ะพี่ ส่วนตอนนี้ก็ใช้วิธีเหมือนคุณgUnbOy บางทีคนมาขอยืม เราก็ให้ยืมน้อยหน่อยแต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีตังค์ให้ใครเค้ายืมแล้วหล่ะค่ะ หากให้ไปก็ทำใจให้เป็นหนี้ศูนย์ซะ...จะได้สบายใจ Cheesy
บันทึกการเข้า

เข้ามากด like กันได้นะคะ http://www.facebook.com/OAroi
และ https://www.facebook.com/SiaAke
A B A C U S รั ก ใ น ห ล ว ง
สัตว์ โลก เดิน ไป ตาม แรง กรรม ดี ชั่ว อยู่ ที่ ใจ ตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 206
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6399


มี ศัตรู เป็น บัณฑิต ดีกว่ามี มิตร เป็น ค น พ า ล


เว็บไซต์
« ตอบ #27 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 08:04:43 PM »

 หลงรัก
ครับ
มีหนี้ ก้อต้องชดใช้ครับ
น่าจะลองคุยกัน
ผมว่าเขาคงฟังครับ
หากไม่ฟังคงต้องฟ้องร้องกัน
ที่สุด ต้องโดนอายัดทรัพย์แน่นอนครับ
 หลงรัก
บันทึกการเข้า

love glock
Full Member
***

คะแนน 12
ออฟไลน์

กระทู้: 157


« ตอบ #28 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 09:57:12 PM »

   " ลูกหนี้ 80%    ถ้าจะจ่ายจริงๆ  ก็มีจ่าย แต่ยังไม่อยากจ่าย"
 
   สมมุติ   นาย อัตคัต      เป็นหนี้   นาย หวังดอก     อยู่ 2000 บาท    นายหวังดอก  ทวงแล้วทวงอีก       เป็นสิบๆ  รอบ นาย อัตคัต  ก็ยังไม่มีจ่าย     ที่ไม่มีนะ จริง    คือ ไม่มี เงินสด  2,000     จึงไม่จ่าย เพราะไม่มี      แต่   นายอัตคัต   มี   ทีวี  21 นิ้ว  อยู่เครื่องนึง   ไว้ให้ลูกๆ ดู         ถ้าจะขาย ซะ ก็คงพอได้เงิน 2000  ไปจ่ายเจ้าหนี้
 
    แต่ เชื่อมั๊ย   นายอัตคัต    หรือ จะเป็นใคร  ก็แล้ว แต่   จะไม่ยอมขาย โทรทัศน์นี้
 เป็นอันขาด     เพราะขายแล้วจะไม่มีโทรทัศน์ดู      หรือ ไม่ยอมขายตู้เย็น เพราะจะไมมีน้ำเย็นดื่ม       แต่จะใช้วิธี  ผลัดเจ้าหนี้ไปเรื่อยๆ    เพราะของมันผลัดกันได้   
     เค้าจะรอจนกว่า  วันไหน มีเม็ดเงิน  2000   บาทก่อน จึงจะยอมจ่าย 
   
      ดังนั้น เชื่อผมเถิดว่า      คนเราน่ะ   ถ้าคิดจะชำระหนี้  "จริงๆ"      มีปัญญาจ่ายแทบทุกคน  แหละ    ( ถ้าจะยอม  ขาย   ทรัพย์บางชิ้นออกไป    )
 
 
 
บันทึกการเข้า
love glock
Full Member
***

คะแนน 12
ออฟไลน์

กระทู้: 157


« ตอบ #29 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 10:37:20 PM »

อย่าไปกลัวครับมาขู่เอาชีวิตด้วยแบบนี้ แจ้งความไปเลยครับ พวกนี้มันไม่ยอมสู้กันในศาล เพราะศาลจะเข้าข้างลูกหนี้และให้ประนอมหนี้ครับ มันเลยไม่อยากเล่นกันในศาล พวกนี้มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ต้องโดนบ้างครับถึงจะสาสม มาทำแบบนี้

 
            นั่นไงครับ        ศาลจะเข้าข้างลูกหนี้   
   
    คนเป็นศาลต้อง   "เป็นกลาง"  ซิครับ  ถึงจะถูก     ไม่ใช่เข้าข้างใคร ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง       แต่กฎหมาย หรือ ศาล   ก็เข้าข้าง ลูกหนี้จริง ล่ะ ครับ      ในเมื่อ ถ้าจะว่า ตามกฎหมาย แล้ว   กฎหมาย  ดันไปเข้าข้างอีกฝ่าย     ดังนั้น   ฝ่าย ที่ถูกศาล ลำเอียง  จึงไม่อยาก พึ่งกระบวนการตามกฎหมายไงครับ   
 
      ถ้าไม่เชื่อ ดูตัวอย่าง      สมมุติ ผม กู้ เงินคุณ     2,000 บาท  มีสัญญา ถูกต้องคุณคิดดอกเบี้ย ร้อยละ 15 ต่อปี ถูกต้อง  (  ถ้าคิดเป็นเดือน  ตกแล้วดอกเบี้ยเดือนนึง  25 บาท     ลองใช้หัวใจมนุษย์ คิดดูแล้วกันว่า   ยุติธรรมมั๊ย   เอาเงิน 2,000 บาท  ไปเสี่ยงกับเงิน 25 บาท )        แล้วพอถึงกำหนด  ผมไม่จ่าย     อาจจะแกล้ง ผลัด ให้คุณมีความหวัง ซัก    7-8 ผลัด    พอผลัดสุดท้าย   ผมไม่ผลัดแล้ว แต่ท้า ให้ ฟ้อง เลย
  บอก    อยากได้ ให้ไปฟ้องเอา      ถามว่า       คุณจะฟ้อง ผมมั๊ยครับ
     อ่ะ    สมมุติ  ว่า มี   คนไม่ยอมคน  ประเภทยอมหักไม่ยอมงอ     อุตส่าห์   เสียค่ารถ
  เสียเวลา  เสียค่าทนาย    ไปฟ้อง    พอศาลนัด    ผมก็อ้าง ว่า ป่วย หรือ ติดธุระอย่างอื่น    ศาลก็จะเลื่อนนัด    ไปอีก   5-6 เดือน คุณก้ต้องกลับบ้าน    พอถึงนัดที่สอง   ผมก็อ้างเหมือนเดิมอีก   ทีนี้ คุณซึ่งไปเก้อ 2 ครั้ง คงหงุดหงิดน่าดู   เอาล่ะ ไม่เป็นไร ครั้งที่3  ผมไม่ผิดนัดละ        พอนัดที่3    คุณก็ไป   ศาล ผมก็ไปศาล คุณก็ เล่าให้ศาลฟังว่า ผมกู้คุณไป 2000   แต่ ถึงกำหนดแล้ว ไม่ยอมจ่าย   ขอพึ่งบารมีศาล  สั่งให้ผมจ่ายหนี้ด้วย       ทีนี้ ตาผม ให้การมั่ง     ผมก็จะบอกว่า   ศาลที่เคารพ     กระผมกู้เค้ามาจริง
  แต่กู้แค่ หนึ่งพันบาท        แต่ด้วยเจ้าหนี้ เค้า คิดดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด จึงหลบเลี่ยงด้วยการ    ให้ลงไปในสัญญาว่า  กู้ 2000 บาท       ที่จริงแล้ว เจ้าหนี้ เค้าคิดดอก
 กระผม  ร้อยละร้อย    คือ 1000 บาทที่เกินมา คือดอกเบี้ย   ขอให้ลงโทษ โจทก์  ฐานคิดดอกเบี้ย เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดด้วยเถอะครับ   
 
     เอาล่ะครับ     ความซวย   จะเริ่มมาเยือน คุณ เข้าแล้ว    ถ้า ศาล เชื่อ  อย่างที่ผมให้การ คุณมีสิทธิ์ ติดคุก 1 ปี เชียว นะครับ    ยิ่งถ้ามาเจอผม     ลูกหนี้ปริญญาเอกกฎหมาย    แล้วผมพา  พยาน เท็จ  ปริญญาโทกฎหมายมา รับสมอ้างด้วยว่า   เคยกู้เงินจากคุณ โดนขูดดอก ร้อยละ 50 ด้วย เช่นกัน      ทีนี้แหละ   คุณเอ้ย     หนี้ 2000  คุณก็ไม่อยากได้แล้ว    เผลอๆ  จะแอบ มากระซิบผม ให้  เลิกแล้วต่อกัน ไปซะ
 
      อ่ะ    สมมุตว่า   ศาลท่านมีดุลพินิจ ที่ดี   ไม่เชื่อในคำตอ- แหล ของ ผม แล้ว ตัดสินให้คุณ ชนะ     สั่งให้ผม จ่ายหนี้ ให้คุณ 2000 บาท   พร้อมดอกเบี้ย เดือนละ25บาท    กี่เดือน ก็คูณเอา      ผมก็จะแถลงศาลว่า   ตอนนี้ เงิน 2000 ผมยังไม่มี     แต่ผมจะขอ ความปราณี   ผ่อนชำระ  เดือนละ  250 บาท จำนวน ล่ะกัน       ศาลท่านก็จะถาม โจทก์ว่า   โอเชมั้ย       คุณก็ต้อง  โอเช  ซิครับ    ก็คนมันไม่มีนี่จะทำไง
 
     พอถึงเวลา เดือนแรก  ผมก็จ่ายคุณไป 250 ( แต่คุณต้องนั่งรถมาเก็บเงินที่บ้านผมนะ  เพราะผมไม่ค่อยมีเวลาว่างไปหาคุณ)   แต่พอเดือนที่2 ผมก็เบี้ยว   ไม่จ่ายแล้ว
  เดือน 3 เดือน 4   ผมก็บอก ยังไม่มี      ถ้าคุณอยากได้ ต้องไป ฟ้องศาลอีกรอบ  ครับ       นี่ ขั้นตอนของกฎหมายมันเป็นอย่างนี้     
 
     "กฎหมายที่ออกมาไม่เป็นธรรม    ทำให้ประชาชนต้องทะเลาะกัน"      เชื่อผมเถอะ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.077 วินาที กับ 21 คำสั่ง