เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
กันยายน 12, 2025, 11:59:50 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องราวของ " มะเมียะ" ได้อ่านทีไร น้ำตาจะไหล เศร้าครับ  (อ่าน 3497 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Saaming
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 04:15:38 PM »

 ตอนเด็ก ๆ เคยได้ฟังเพลง "มะเมียะ"  ของคุณจรัล มโนเพชร ทีไร น้ำตาผมไหลทุกที  โดยไม่รู้ว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะเป็นเรื่องจริง  จนกระทั่ง ได้มีโอกาสได้ อ่านบทความนี้ น้ำตาเริ่มหลั่งอีกครั้ง  สงสารคู่รักทั้งสองจับใจ  ลองอ่านดูครับ  เศร้าจริง ๆ   Cry Cry  ขออภัยนะครับ หากสมาชิกที่ไม่ได้อยู่ภาคเหนือ ไม่เคยได้ยินบทเพลงนี้ พอ เข้ามาอ่านแล้ว งง  ....     

เรื่องราวความรักที่ต่างเชื้อชาติ ระหว่างเจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ อันกลายมาเป็นตำนานรักที่จบลงอย่างโศกสลด และได้รับการกล่าวขานมาถึงปัจจุบัน ถูกถ่ายทอดโดยเจ้าหญิงบัวชุม ณ เชียงใหม อดีตคู่หมั้นของเจ้าน้อยศุขเกษม แม้ว่ามะเมียะจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ ล้านนาโดยตรง แต่สำหรับเจ้าน้อยศุขเกษม ราชบุตรองค์ใหญ่ของเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงเชียงใหม่ (พ.ศ.๒๔๕๒-๒๔๘๒) กับแม่เจ้าจามรีแล้ว มะเมียะเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของเจ้าน้อยฯ ก็ว่าได้

    มะเมียะ เป็นแม่ค้าสาวชาวพม่า หน้าตาพริ้มเพรา ได้พบกับเจ้าน้อยศุขเกษมครั้งแรก ขณะที่ท่านเดินทานไปศึกษายังเมืองมะละแหม่ง เมื่ออายุเพียง ๑๖ ปี ขณะนั้นมะเมียะเป็นเพียงแม่ค้าขายบุหรี่ซะเล็กอยู่ที่ตลาดใกล้บ้านในเมืองมะละแหม่ง มะเมียะหารายได้ด้วยความหวังเพื่อจะได้เงินมาจุนเจือครอบครัว ซึ่งอยู่ในฐานะปานกลาง 

    วันหนึ่งเมื่อเจ้าน้อยศุขเกษมได้ออกเดินเที่ยวตามห้างร้านในตลาด จึงได้พบกับมะเมียะ ซึ่งเพิ่งกลับมาจากเมืองตองอู หลังจากไปอาศัยอยู่กับป้าของเธอเป็นเวลาหลายปี ทั้งคู่เกิดถูกใจในกันและกัน จึงได้คบหากันเรื่อยมา หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองจึงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา ด้วยความสนับสนุนของทางบ้านของมะเมียะ และในวันพระทั้งสอง จะพากันไปทำบุญตักบาตรและนมัสการพระบรมสารีริกธาตุตามสถานที่ต่างๆ ในเมืองมะละแหม่ง อยู่เสมอ   วันหนึ่ง ณ ลานกว้างหน้าพระธาตุใจ้ตะหลั่น ทั้งสองได้กล่าวคำสาบานต่อกันว่าจะรักกันตลอดไป และจะไม่ทอดทิ้งกัน หากผู้ใดทรยศต่อความรักที่มีให้กัน ก็ขอให้ผู้นั้นอายุสั้น

    จากนั้นไม่นานก็ถึงกำหนดการเดินทางกลับเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเจ้าน้อยฯ เพิ่งจะมีอายุครบ ๒๐ ปี จึงได้ตัดสินใจให้มะเมียะปลอมตัวเป็นชายติดตามขบวนเพื่อกลับไปยังเมืองเชียงใหม่ ในฐานะเพื่อนหนุ่มชาวพม่า โดยหารู้ไม่ว่าเจ้าพ่อและเจ้าแม่ของตนได้หมั้นหมายเจ้าหญิงบัวนวล ธิดาของเจ้าสุริยวงษ์ (คำตัน สิโรรส) ให้เป็นคู่หมั้นของเจ้าน้อยฯ เป็นการภายในตั้งแต่ปีที่เจ้าน้อยฯ เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนในเมืองพม่า หลังจากที่ต้องแอบซ่อนมะเมียะไว้ในบ้านหลังเล็ก ที่เจ้าพ่อและเจ้าแม่จัดเตรียมไว้ให้เป็นที่พักมาแล้วหลายวัน    เจ้าน้อยศุขเกษมได้ใช้เวลาคิดใคร่ครวญและตัดสินใจเล่าความจริงให้ทั้งสองฟัง  แม้ว่าจะไม่มีคำใดเอื้อนเอ่ยออกมาในขณะนั้น แต่เจ้าน้อยฯ ก็พอจะทราบได้ว่าทั้งสองไม่ยอมรับมะเมียะเป็นศรีสะใภ้อย่างแน่นอนเนื่องจากปัญหาใหญ่ในขณะนั้น คือเจ้าน้อยฯ เป็นผู้ที่ได้รับการคาดหวังว่าจะได้รับตำแหน่งเจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ถัดไปจากเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ ซึ่งเป็นพระเจ้าลุง หากเจ้าน้อยฯ เลือกมะเมียะมาเป็นศรีภรรยา ประชาชนย่อมต้องเกิดความอึดอัดใจในการยอมรับมะเมียะผู้เป็นหญิงต่างชาติมาดำรงฐานะศรีภรรยาของเจ้าเมืองอย่างแน่นอน

    ในสถานการณบ้านเมืองขณะนั้นน่าวิตกมาก เนื่องจากมหาอำนาจอังกฤษกำลังแผ่อิทธิพลไปทั่วดินแดนในคาบสมุทรเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มะเมียะซึ่งเป็นคนในบังคับของอังกฤษและกำลังอาศัยอยู่ในคุ้มของอุปราช (ขณะนั้นเจ้าแก้วนวรัฐดำรงตำแหน่งอุปราชเมืองเชียงใหม่) อาจเป็นชนวนของปัญหาทางการเมืองที่ใหญ่โตได้ในภายหลัง ในที่สุดเจ้าพ่อและเจ้าแม่จึงเรียกตัวเจ้าน้อยฯไปพบ และยื่นคำขาดให้เจ้าน้อยส่งตัวมะเมียะกลับเมืองมะละแหม่ง เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง   
   
     ในยามเย็นวันนั้นเอง เจ้าน้อยได้เข้าพิธีเรียกขวัญและรดน้ำมนตที่เจ้าพ่อกับเจ้าแม่จัดขึ้น เพื่อขจัดสิ่งชั่วร้ายที่ท่านทั้งสองเชื่อว่ามะเมียะได้กระทำแก่เจ้าน้อยฯ อันเป็นเหตุให้เจ้าน้อยฯ หลงไหลในตัวนาง หลังจากพิธีรดน้ำมนต์ผ่านพ้นไป ช้างพาหนะและไพร่พลที่จะใช้ในการส่งตัวมะเมียะกลับเมืองมะละแหม่งก็ถูกจัดเตรียมทันทีตามคำสั่งของเจ้าแก้วนวรัฐ
   
     เมื่อเจ้าน้อยฯ กลับไปถึงที่พักในคืนนั้น มะเมียะได้รับการเกลี้ยกล่อมโดยหญิง-ชาย ชาวพม่าฝ่ายละคน ให้นางกลับไปรอเจ้าน้อยฯ ที่เมืองมะละแหม่ง มิฉะนั้นบ้านเมืองอาจเดือดร้อน นางได้เอ่ยขึ้นด้วยความเสียใจและยินยอมจากไปเพื่อมิให้ผู้ใดได้รับความเดือดร้อน แม้ตัวนางจะจากไกล แต่ความรักอันมั่นคง ยังคงอยู่ดังคำสาบานที่เคยให้ไว้แก่กันและกัน ฝ่ายเจ้าน้อยฯ ยังคงยืนยันในความรักที่มีต่อมะเมียะ และขอให้นางกลับไปรอที่บ้านก่อน หากมีวาสนาจะกลับไปรับนางมาอยู่ด้วยกันที่เชียงใหม่ให้ได้

       ในเช้าวันหนึ่งของเดือนเมษายน นับเป็นวันเดินทางกลับเมืองมะละ แหม่งของมะเมียะที่ดูเหมือนจะเป็นการจากลาชั่วนิรันดร์ ณ ประตูหายยาที่เนืองแน่นไปด้วยประชาชนที่ใคร่เห็นโฉมหน้าของมะเมียะ ที่ลือกันว่างามนักงามหนา บรรยากาศเต็มไปด้วยความหดหู่และเศร้าหมอง เมื่อเจ้าน้อยฯ พูดภาษาพม่ากับมะเมียะได้เพียงไม่กี่คำ นางผู้มีใจรักมั่นได้ร่ำไห้ด้วยความอัดอั้นตันใจ ในอ้อมแขนที่ยากจะแยกจากกันได้ เวลานั้นก็ล่วงเลยไปมากแล้ว เจ้าน้อยฯ ได้รับปากกับมะเมียะว่าตนจะยึดมั่นในคำปฏิญาณที่ให้ไว้ต่อหน้าพระพุทธรูปวัดใจ้ตะหลั่นจนกว่าชีวิตจะหาไม่ หากท่านนอกใจมะเมียะโดยสมรสกับหญิงอื่น ขอให้ชีวิตของตนประสบแต่ความทุกข์ทรมานใจ แม้แต่อายุก็จะไม่ยืนยาว  เจ้าน้อยฯ ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าภายใน เดือนจะกลับไปหามะเมียะให้จงได้ นางจึงคุกเข่าลงกับพื้น ก้มหน้า สยายผมออกเช็ดเท้าเจ้าน้อยฯ ด้วยความอาลัยหา ก่อนที่เธอจะขึ้นไปบนกูบช้าง

       เมื่อกลับไปถึงเมืองมะละแหม่งแล้ว มะเมียะได้มอบเงินทองจำนวนหนึ่งซึ่งเจ้าแก้วนวรัฐและเจ้าแม่จามรีมอบให้นางก่อนเดินทางกลับเป็นการปลอบขวัญแก่พ่อแม่และน้อง จากนั้นนางได้แต่เฝ้ารอคอยเจ้าน้อยฯ จนครบกำหนด เดือนที่ท่านได้รับปากไว้ แต่นี่กระไรกลับไร้วี่แววใดๆ มะเมียะจึงตัดสินใจเข้าพึ่งใต้ร่มพุทธจักร ครองตนเป็นแม่ชีเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่านางยังซื่อสัตย์ ต่อความรักที่มีต่อเจ้าน้อยศุขเกษม

       หลังจากที่มะเมียะทราบข่าวการเข้าพิธีมงคลสมรส ระหว่างร้อยตรีเจ้าอุตรการโกศล (ยศของเจ้าน้อยฯ ในขณะนั้น) กับเจ้าหญิงบัวนวล ณ เชียงใหม่ แม่ชีมะเมียะจึงเดินทางมายังเมืองเชียงใหม่และขอเข้าพบเจ้าน้อยฯ เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อแสดงความยินดีกับชีวิตที่กำลังรุ่งโรจน์ องค์อดีตสวามีผู้เป็นที่รัก ก่อนที่ตนจะตัดสินใจครองตนเป็นแม่ชีไปตลอดชีวิต  แต่เจ้าน้อยศุขเกษมผู้ยึดสุราเป็นที่พึ่งดับความกลัดกลุ้มอันเกิดจากความรักอาลัยในตัวมะเมียะ ชีวิตที่ไม่เคยมีความสุขในชีวิตสมรส ท่านไม่สามารถหักห้ามความสงสารที่มีต่อมะเมียะได้ จึงไม่ยอมลงไปพบแม่ชีมะเมียะตามคำขอร้อง เพียงแต่มอบหมายให้เจ้าบุญสูง พี่เลี้ยงคนสนิท นำเงินจำนวน ๘๐บาท ไปมอบให้กับแม่ชีมะเมียะเพื่อใช้ในการทำบุญ พร้อมกับมอบแหวนทับทิมประจำกายอีกวงหนึ่งเป็นตัวแทนของเจ้าน้อยฯ ให้กับแม่ชีมะเมียะ เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นทำให้มะเมียะและเจ้าน้อยต่างสะเทือนใจเป็นที่สุด หลังจากเดินทางถึงเมืองมะละแหม่ง มะเมียะได้ครองชีวิตเป็นแม่ชีตามความตั้งใจ จนกระทั่งถึงแก่กรรมในปี พ.ศ.๒๕๐๕ รวมอายุได้ ๗๕ ปี

จากตำนานรักระหว่างเจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ ได้รับการเผยแผ่ทั้งโดยการเล่าขานสืบต่อกันมา จากการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว อาจกล่าวได้ว่าสาเหตุอีกประการหนึ่งที่ทำให้คนทั่วไปรู้จักเจ้าน้อยฯ และมะเมียะมากขึ้น คือ "เพลงมะเมียะ" ซึ่งขับร้องโดยคุณจรัล มโนเพชร นักร้อง โฟลคซองชาวล้านนา ดังเนื้อเพลงที่ยกมาต่อไปนี้

"มะเมียะ"

มะเมียะเป็นสาวแม่ค้า คนพม่าเมืองมะละแหม่ง งามล้ำเหมือนเดือนส่องแสง คนมาแย่งหลงรักสาว มะเมียะบ่ยอมรักไผ มอบใจหื้อหนุ่มเชื้อเจ้า เป็นลูกอุปราชท้าวเชียงใหม่ แต่เมื่อเจ้าชายจบการศึกษา จำต้องลาจากมะเมียะไป เหมือนโดนมีดสับดาบฟันหัวใจ ปลอมเป็นพ่อชายหนีตามมา เจ้าชายเป็นราชบุตร แต่สุดที่รักเป็นพม่า ผิดประเพณีสืบมา ต้องร้างลาแยกทาง โอโอก็เมื่อวันนั้น วันที่ต้องส่งคืนบ้านนาง เจ้าชายก็จัดขบวนช้างให้ไปส่งนางคืนทั้งน้ำตา มะเมียะตรอมใจอาลัยขื่นขม ถวายบังคมทูลลา สยายผมลงเช็ดบาทบาทา ขอลาไปก่อนแล้วชาตินี้เจ้าชายก็ตรอมใจตาย มะเมียะเลยไปบวชชี ความรักมักเป็นเช่นนี้ แลเฮย.........

เจ้าน้อยศุขเกษม ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อปี พ.ศ.2453 อายุ 33 ปี เจ้าหญิงบัวชุม ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อปี พ.ศ.2509 อายุ 81 ปี แม่ชีมะเมียะ ครองชีวิตอยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ จนถึงแก่กรรม ที่เมืองมะละแหม่ง เมื่อปี พ.ศ.2505 อายุ 73 ปี
บันทึกการเข้า
จอยฮันเตอร์
พระรามเก้า 15-28 E23 LLL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 10195
ออฟไลน์

กระทู้: 47057


M85.ss


« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 04:30:27 PM »

ขอบคุณครับที่มาเล่าสู่กันฟัง ผมนึกว่าเป็นเพียงบทเพลงเท่านั้นเอง อ่านแล้วน่าสงสารครับ
บันทึกการเข้า

boon
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 04:40:45 PM »

ซึ้งและเศร้ามากๆครับ
บันทึกการเข้า
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #3 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 04:53:55 PM »

ขอบคุณครับ  ประทับใจในความมั่นคงของมะเมียะจริงๆ
บันทึกการเข้า

                
ป๊อกแมน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 156
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2095



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 04:57:26 PM »

ฟังเพลงนี้เมื่อไหร่ จินตนการผมโลดแล่นไปเหมือนดูหนังเลยครับ   สุดยอด โรแมนติกดราม่า
บันทึกการเข้า

..GlockGlack..
ทำดีไว้ไม่ขาดทุน..... ขาว อวบ. อิอิอิ
Hero Member
*****

คะแนน 48
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3569


ใช้ปืนดี มีพระคุ้มครอง


« ตอบ #5 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 05:00:13 PM »

ผมไม่รู้ช่วงเวลา นึกว่าเป็นตำนานเล่าขานกันมาครับ
บันทึกการเข้า

ขอสักกระทู้ที่ไม่เลอะเทอะเลื่อนเปื้อน จนเสียคุณค่าเนื้อความในกระทู้นะครับ Cheesy
Saaming
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 05:49:17 PM »

จากภาพในเวป http://www.lannaworld.com/cgi/lannaboard/reply_topic.php?id=65  ที่อ้างว่า บุคคลในภาพคือ  เจ้าน้อยศุขเกษม ... ท่านสมาชิกที่พอจะทราบเรื่อง ชวยยืนยันหน่อยครับ .... แต่ภาพ มะเมียะ  ผมหาไม่เจอ คิดว่าไม่น่าจะมีภาพถ่ายไว้ แต่ได้ลองอ่านจากเนื้อเรื่องแล้ว เธอคงจะสวยมาก  Embarrassed Embarrassed


   


เจ้าน้อยศุขเกษม (พ.ศ. 2426 - 2457) ราชบุตรของนครเชียงใหม่ ซึ่งไปเรียนหนังสือที่พม่า พบรักกับ หมะเมียะ ถูกปัจจัยทางการเมืองกีดขวางความรัก จนในที่สุดต้องสิ้นชีวิตด้วยความตรอมใจ
บันทึกการเข้า
GIM11
ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 18
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 457



« ตอบ #7 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 05:55:03 PM »


  เป็นเรื่องจริงที่น่าประทับใจมากครับ.. หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า
Piak Srisiam
"TISC"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 41
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2334


Men tracht und Gott lacht


« ตอบ #8 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 06:27:05 PM »

รักเดียว ใจเดียว ของแท้ครับ
บันทึกการเข้า

"Open up your mind and see like me. Open up your plans and damn your free. Look in to your heart and you'll find love love love."
โทน73 -รักในหลวง-
มือปืนกาวช้าง
Hero Member
*****

คะแนน 586
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8574


« ตอบ #9 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 06:47:22 PM »

เคยมีสารคดี ของ ไอทีวี  ตามหาเค้ารางของ "มะเมีย"
เพลงของคุณ จรัล ผมชอบฟังมานานแล้วครับ  เคยเป็นละครที่วี สองครั้ง ตอนเด็กๆ ดูแล้ว ซึ้ง  Cry
บันทึกการเข้า

....ตามล่า...อีตอแหล
..GlockGlack..
ทำดีไว้ไม่ขาดทุน..... ขาว อวบ. อิอิอิ
Hero Member
*****

คะแนน 48
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3569


ใช้ปืนดี มีพระคุ้มครอง


« ตอบ #10 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 06:51:42 PM »

เคยมีสารคดี ของ ไอทีวี  ตามหาเค้ารางของ "มะเมีย"
เพลงของคุณ จรัล ผมชอบฟังมานานแล้วครับ  เคยเป็นละครที่วี สองครั้ง ตอนเด็กๆ ดูแล้ว ซึ้ง  Cry
ตกสระอะครับ  Grin
บันทึกการเข้า

ขอสักกระทู้ที่ไม่เลอะเทอะเลื่อนเปื้อน จนเสียคุณค่าเนื้อความในกระทู้นะครับ Cheesy
visa
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #11 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 06:59:51 PM »

เศร้ามากครับอ่านแล้วอยากมีคนที่รักเราแบบนี้บ้างนะครับ หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า
หินเหล็กไฟ
ถึงตายไปก็ช่างมัน...ขอให้ชีวิตยังอยู่ก็พอ..
Hero Member
*****

คะแนน 1319
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12901



« ตอบ #12 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 07:42:46 PM »

ทุกวันนี้ฝันเอานะ
บันทึกการเข้า

[img]http://i7.tinypic.com/333hiqw.jpg[/img
Hong
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #13 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 08:08:29 PM »

เมืองเหนือ มี เรื่องราว ตำนานรักเศร้ามากมายครับ  น้อยไจญา ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เศร้าจริง ๆ
บันทึกการเข้า
Colt Rampant
Full Member
***

คะแนน 21
ออฟไลน์

กระทู้: 435



« ตอบ #14 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 08:42:42 PM »

ขอคารวะในความรักแท้
บันทึกการเข้า

ถ้าใจไม่สู้เสียแล้ว ร้อยปืนพันปืนที่มีอยู่ในมือก็ไร้ประโยชน์
 
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.06 วินาที กับ 21 คำสั่ง