ก่อนอื่นก็ต้องขอโทษทุกๆท่านที่บางที่โพสอะไรที่ดูแล้วเหมือนเจตนาไม่ดีแต่จริงๆก็แค่อยากจะบอกผ่านไปยัง
เจ้าหน้าที่รึว่าผู้ดูแล กม.ว่าจริงๆควรทำอะไรให้มีความเท่าเทียมกันหน่อยก็เท่านั้นอย่านึกว่ากะทำการใดๆแล้วไม่มีผู้รู้เห็น
ทำไมบ้างท่านขอได้บางท่านขอไม่ได้ บางท่านใช้เวลา วันเดียว บ้างท่านเป็นปี บ้างท่านต้องใช้ศาลเป็นที่พึ่งทั้งๆที่ผู้ที่
มีอำนาจวาสนานั้นเหตุในการใช้อาวุธเพื่อป้องกันตัวเองบ้างที่อาจจะน้อยกว่ามนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆท่านๆด้วยซ้ำ
บางท่านเวลาขอใบเล่นนั่งรออยู่ที่ร้านซื้อขายเลย แล้วมีคนนำใบป.๓มาให้ถึงร้านที่ละหลายๆกระบอกก็มี สุดท้ายก็ได้แต่หวังว่า
ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ทั้งหลายในการพิจารณาคงจะใช้เหตุผลที่เหมือนๆกัน ให้เหมือนกับโฆษณาสมัยเด็กๆที่เคยเห็น
(ถึงท่านจะมีต่ำแหน่งใหญ่โตแต่ก็ต้องปฏิบัติตามกม.)สุดท้ายนี้ขอให้ผู้ที่มีความสนใจ รักและมีความจำเป็นต้องมีอาวุธไว้ป้องกันตัวเองและ
ปกป้องคนที่รัก สามารถขออนุญาติมีได้ตามใจปรารถณาด้วยแต่ขอให้อยู่ในขอบเขตของ กม.เท่านั้นเอง
ไม่ได้มีเจตนาไม่ไดแค่อิจฉาน้องท่านหนึ่ง เพิ่งชวนให้ซื้อปืนพี่ล่อ .๔๕เลย
บอกว่ายังไม่ครบสองเดือนไม่น่าได้ พี่แกไปขอให้อธิบดีกรมการปกครองเซ็นให้แถม
วันไปยืนมีเจ้าหน้าที่มารับอีก เลยอิจฉา
ปล.ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิดครับสำหรับบางท่าน
เป็นเรื่องแปลกครับ...
คนลงนามรับรองความประพฤติมักเป็นเลขานุการกรม หรือไม่ก็เป็น ผอ. กองการเจ้าหน้าที่ฯ หรือเทียบเท่า ในกรณีข้าราชการพลเรือน... คือตามปรกติราชการมักแบ่งงานบริหารบุคคลเป็นสัดส่วน... ไม่เช่นนั้นงานจะไม่เป็นหมวดหมู่ครับ...
หากเป็นกรณีพิเศษ สนิทสนมกันเป็นส่วนบุคคล... กรณีนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะผู้ใหญ่ในระบบราชการไม่เคยลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรในเรื่องส่วนตัวให้คนนินทาภายหลังครับ... วิธีที่เหมาะและสวยงามที่สุดคือให้หน้าห้องฯ ยกหูโทรศัพท์ขอความร่วมมือให้ผู้ที่มีอำนาจเกี่ยวข้องพิจารณาตามสายงานรับผิดชอบครับ... โดยเฉพาะมหาดไทยเป็นกระทรวงที่"เล่นกับอำนาจ"ได้เก่งที่สุดครับ...
ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ เช่น ผบ ตร. ไม่เคยเอาใบขับขี่ที่ถูกพี่จ่าฯ ยึด... แต่ให้นายเวรฯ ตามเรื่องให้อีกทีครับ...
สงสัยว่าความเห็นนายสมชายตามที่อ้างถึง... คงมีส่วนให้อยากระบายอารมณ์ด้วยครับ...
คืออยากจะบอกด้วยความเห็นของคนอายุแยะแล้วว่าเรื่องราวการใช้ปืนเป็นหนังชีวิตครับ... ไม่ใช่หนังบู๊ ตัวปืนเองมีประโยชน์ตั้งแต่การคงอยู่ของมันทั้งในความรู้สึกของตนเอง(ตระหนักในความรับผิดชอบ และกล้ายืนหยัดต่อสู้ไม่ยอมแพ้แก่โชคชะตา) และการรับรู้ของคนรอบข้างว่าเรามีปืน(แง่คิดนี้คุณ L/E ย้ำเสมอ)...
การใช้ปืนไม่ใช่เรื่องการยิงตูมๆ แล้วจบเรื่อง แต่เป็นตั้งแต่การเก็บรักษา การซ้อมยิง การพิจารณาเลือกแสดงหรือไม่แสดงให้คนรอบข้าง เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนที่ทำงานให้ทราบหรือไม่ให้ทราบว่าเรามีปืน... บางเรื่องให้ทราบแล้วดี คนให้ความเกรงใจ แต่บางกรณียิ่งเกิดเรื่อง(เกาหลีเหนือมีนิวเคลียร์ USA. เกรงใจ/แต่อิรัคจะมีนิวเคลียร์ยิ่งซวย - เพราะมีบ่อน้ำมัน)...
การใช้ปืน เป็นเรื่องของคนมีกำลังใจ ไม่ยอมแพ้แก่โชคชะตาให้พาชีวิตล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย... เหมือนเราจ๊อกกิ้งแล้วพยายามวิ่งให้ครบรอบ ไม่ยอมแพ้หยุดวิ่งก่อนครบรอบแหละครับ ถอดใจเมื่อไหร่เราแพ้ทันที...
แต่ถ้ามีปืนแล้วเราถอดใจไม่สู้ชีวิต เราจะมีอยู่สองทางคือยิงหัวตัวเอง หรือไม่ก็ยิงหัวคนที่ทำเราแพ้... การขออนุญาตมีปืนคือปฐมบทของการสู้ชีวิตครับ...
บางคนของ่าย บางคนขอยาก เหมือนกับชีวิตแหละครับ... บางคนเกิดมาดวงดี ขี่รถดาวสามแฉกได้ตั้งแต่เริ่มหัดขับ แต่บางคนต้องต่อสู้ด้วยลำแข้ง กว่าจะขี่รถดาวสามแฉกได้เอาอายุห้าสิบกว่าใกล้ไม่มีแรงขับ... บางคนได้แค่ฝันไปตลอดอายุไข... แต่ถ้าท้อ เลิกเล่นเกมส์นี้ก่อน มันก็เป็นแค่ฝันที่ไม่มีวันเอื้อมถึง... ที่จริงเรื่องนี้ไกลไป แต่อยากพูดถึงเพราะต้องการให้เห็นภาพชัดเจนครับ...
สำหรับกรณีใบ ป.3 ความเห็นนายสมชายก็เหมือนเดิม... คุณสมบัติต้องครบ ยื่นเรื่องให้ได้ ทวงเรื่องตามกำหนด ยื่นเอกสารเพิ่มเติมแก้ประเด็นตามคำตอบไม่อนุมัติ อุทธรณ์ในเวลา... หากไม่ได้ให้ฟ้องศาล...
ไม่ต้องเกรงใจใคร เพราะเราไร้อารมณ์ครับ... มืออาชีพต้องไร้อารมณ์ กำหนดพฤติกรรมด้วยเหตุผล... ไม่มีอารมณ์เกรงใจ ไม่มีอารมณ์น้อยใจ ไม่มีอารมณ์ท้อถอย... ทุกอย่างเป็นเหตุผล... ไม่มีอารมณ์ทะเลาะกับใคร ใครชวนทะเลาะเราเดินหนีครับ... แล้วกลับไปใหม่ถามหาเหตุผล...
ถ้าทำแบบนี้แล้วไม่ได้ใบ ป.3 ขนาด .45 นายสมชายว่าประเทศไทยแย่แล้วครับ... ว่าแมะ