เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ธันวาคม 20, 2025, 04:01:53 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับบรรพบุรุษคนไทย  (อ่าน 7378 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
มืออ่อน หมัดแข็ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 857
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6569


เตสาหัง สิรสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตเม


« ตอบ #30 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2007, 11:39:34 AM »

สนับสนุนความคิดเห็นพี่มะขิ่นครับ

แต่เดิมการปกครองในละแวกนี้ เป็น..เมือง หรือ นครรัฐ..ครับ

การขีดเส้นกรอบประเทศด้วยหลักเขตแดน ร่องน้ำ หรือ สันเขา ให้ได้ประเทศที่ชื่อว่าไทยนี้ มีมาในช่วงร้อยปีหลังนี่เอง

การแบ่งพรมแดนแบบนี้ มิได้ดูจากเชื้อชาติหรือชนชาติ แต่ดูจากอิทธิพลที่เมืองใหญ่มีต่อกันครับ

คนไทยในปัจจุบันจึงมีการผสมปนเปทางเชื้อชาติสูงมากๆ

แต่จะอย่างไรก็ตาม.....ทุกคนเป็นคนไทย....ครับ




       ใต้ร่มธงไทยร่มเย็นเหมือนดังอยู่ใน       ร่มโพธิ์ร่มไทรที่มีกิ่งใบแน่นหนา
ชาติไทยใหญ่หลวง แต่กระจัดกระจาย         ถูกแยกแบ่งซ้าย ไปอยู่หลายสาขา
เชิญพวกพ้อง พี่น้องมา พร้อมกัน                เชิญอยู่ในร่มธงไทย
เลือดเนี้อเผ่าไทย                                     นี้ควรจะมีสมานฉันท์
เหมือนน้องพี่                                           ชาติเชื้อเรามีสายเดียวเกี่ยวพัน
ใต้ร่มธงไทย ร่มเหมือนดังโพธิ์ไทร              ใต้ร่มธงไทย เย็นเหมือนใต้แสงจันทร์

 


บันทึกการเข้า

บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป
      
ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
soveat ชุมไพร
มือสังหารคันคากหมุ่น พรานปลาวัด พราน28k สมช. เลขที่ 1475
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3429
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 30132


เลือดกรุ๊ป โอละนออออออออออออ


เว็บไซต์
« ตอบ #31 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2007, 11:48:30 AM »

ผมว่า

ถ้าจะบอกว่ามาจากไหนก็ต้อง "เลือกหยุดเวลาไว้" แล้วดูว่า "คนไทย ณ เวลานั้น" มาจากไหนครับ

วิลเลี่ยม สกินเนอร์ อ.ที่ ม.คอร์แนล เขียนเรื่อง "คนในเมืองไทย" ไว้น่าอ่านให้คิด/ค้นคว้าเพิ่ม

ตอนนึงเขาอ้างแหล่งข้อมูลและบอกว่า ณ เวลา ปี 1900 คนในประเทศไทยมีประมาณ 3-4 ล้านคน...

สมัยจอมพล ป. มีเพลง 18 ล้านไทย...

ก็น่าคิดว่าจาก 3-4 ล้าน เป็น 18 ล้าน เป็น 65 ล้าน นี่ สร้างทายาทกันเอง หรือย้ายมาจากที่ไหนด้วย...

และพวกที่เคยอยู่มา 3-4 ล้าน นี่ วิวัฒนาการมาจาก โฮโมอีเรคตัส เลยหรือไม่? หรือเป็นมนุษย์สมัยใหม่ที่ย้ายมาจากที่อื่นอีก ถ้าย้านมาแล้วตอนไหนเรียกว่าเป็นคนไทย? ถามนักมานุษยวิทยา เดี๋ยวเขาก็ว่าที่จริงก็เป็นชาวอัฟริกันทั้งนั้น...

*****

ดังนั้นผมว่ามีมาตรฐานที่ต้อง "กำหนดเอง" ก่อนคือ

1. เลือกศึกษาคนไทย ณ เวลาใด?

2. คนที่ย้านมากลายเป็นคนไทยได้อย่างไร/เมื่อใด? เมื่ออยู่ภายใต้อำนาจรัฐทางกฎหมาย/ หรือใช้ประเพณีไทย หรือจงรักภักดีต่อรัฐไทย หรือเมื่อจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ไทย?

3. เมืองไทย/ประเทศไทย/รัฐไทย เริ่มตรงไหน?

โพสแบบนี้ต้องเชิญมานั่งถกกันซะละมั่งครับ มีพี่nar เฮียกล๊อก พี่โทน พี่L/E ผม โดยมีอุปกรณ์คือขวดบรรจุน้ำสีชา พร้อมขวดน้ำใสฟองฟู่ แถมโค๊กให้พี่โทนเขาซะหน่อย คุยกันทั้งคืนก็ไม่จบ เผลอ ๆ ว่าง ๆ ต้องมานั่งถกเรื่องนี้กันต่อ
ถกไปก็มึนงง มานั่งก๊งกันดีกว่า Grin


    สนับสนุนของเหลวสีใสแหน๋วในบรรจุภัณฑ์ที่คุ้นเคย  เยาะเย้ย  เหลือขวดสุดท้ายแล้วจำนวน 2 ลิตร  ซึ่งตอนนี้สีเริ่มเข้มขึ้นเพราะดีกรีสูงขึ้น (หรือเปล่าหว่า น้ำลายหก)    Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา
nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย
Website Sponsor
Hero Member
****

คะแนน 303
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4897


« ตอบ #32 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2007, 01:25:43 PM »

ภาพข้างล่างเป็นอาณาเขตแผ่นดินไทยในอดีตครับ แม้แต่บริเวณที่เป็นสมรภูมิเดียนเบียนฟู ก็คือแคว้น 12 จุไท ซึ่งฝรั่งเศสโกงแผ่นดินเราไป ปัจจุบันแถวนั้นก็ยังมีวัฒนธรรมที่มีความเป็นไทยหลงเหลืออยู่
แต่ที่สงสัยที่สุดคือ ประวัติศาสตร์ตอนสงครามปลดแอกฝรั่งเศสของเวียดนามที่เดียนเบียนฟูนั้น คนไทยคงมีส่วนร่วมบ้างไม่มากก็น้อยเพราะสมรภูมิอยู่กลางแคว้น 12 จุไท (บริเวณเลข8ในแผนที่)ประวัติศาสตร์ชาติอื่นจะเขียนอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขาที่จะต้องเขียนให้เกิดประโยชน์กับชาติเขามากที่สุดอย่างเวียดนามเรื่องนี้มีผลทำให้คนของเขารักชาติพอๆกันเรื่องบุเรงนองของพม่า เรื่องพระนเรศวรของไทยทีเดียว แต่ทำไมนักประวัติศาสตร์ไทยถึงแกล้งลืมๆไปไม่แม้แต่จะให้ลูกหลานได้รับรู้เลยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 15, 2007, 09:53:49 PM โดย nars » บันทึกการเข้า

ถ้าเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง
ผีเปรตในนรกมันคงโหวตให้พวกมันได้ขึ้นสวรรค์
จะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม! ต้นตอปัญหามันเกิดจากรธน.ไม่ดี หรือพวกแกมันเลว!
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #33 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2007, 04:49:20 PM »

ขอเห็นด้วยกับข้อมูลของพีมะขิ่นอีกคนครับ

ภูมิถาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สมัยก่อนประเด็นเรื่องพื้นที่สำคัญน้อยมากเพราะประชากรเบาบาง ตัวคนเลยสำคัญที่สุด ทรัพยากรพิเศษเช่น แร่ และภูมิประเทศที่เป็นจุดยุทธศาสตร์คุมการค้า เส้นทางระหว่างเมือง สำคัญรองลงไป พื้นที่ และที่ดินนั้นใครพัฒนา สร้างประโยชน์ ทำไร่ทำนาได้จริงเท่าไหร่ก็เชิญตามกำลัง

มีฝรั่งสมัยนั้นบันทึกว่าแก่อนรบแม่ทัพไทยสั่งว่าให้สู้อย่างกล้าหายแต่อย่าฆ่าศัตรูถ้าไม่จำเป็น และยังบันทึกว่าในการรบแถวนี้ฆ่ากันตายน้อยมาก (คงเทียบกับอัตราส่วนฆ่ากันตามมาตราฐานฝรั่ง) อย่างที่ทราบกันดีกว่าเชลยคือสินสงครามที่มีค่า ซึ่งสินสงครามนี้กวาดต้อนเอาไปให้เป็นอิสระชน (โดนเปรียบเทียบกับเชลยศึกมาตรฐานโลก) ช่วยสร้างเมืองผู้ชนะให้ใหญ่ขึ้น เข้มแข็งขึ้น ไม่ใช่เอาไปเรียกค่าไถ่หรือขายเป็นทาสอย่างในยุโรป/ตะวันออกกลาง

ทั้งนี้ ต่างกับภูมิภาคที่พื้นที่น้อย ประชากรหนาแน่นกว่า อย่างญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง (พื้นที่กว้างแต่พื้นที่อาศัยได้จริงๆ น้อย) และยุโรป

เห็นได้ชัดว่าการปฏิบัติเช่นนี้ในภูมิภาคสร้างธรรมชาติทางการเมืองมาจนถึงปัจจุบันคือ ไม่จงรักภักดีต่อนายอย่างแท้จริง เพราะเปลี่ยนนาย/เปลี่ยนลูกน้องได้ง่าย ใครกวาดต้อนเอาไปเลี้ยงสัก 2 ชั่วคนก็เป็นคนของเขาเต็มตัวกลับมารบกับคนชาติเดิมแล้ว ความจงรักภักดีจริงๆ ไม่ค่อยมีหลักการไม่ค่อยมีไหลไปตามหลักเกณฑ์ หรือกระแสผลประโยชน์ในการดำรงชีวิต

"เหมือนกับความจงรักภักดีต่อพรรคของนักการเมืองไทยปัจจุบันนี่แหละครับ ใครเลี้ยงดีก็วิ่งไปซบ"

ถ้ามองว่าจุดนี้เป็นข้อด้อย ข้อดีเด่นก็คือ คนไทยเราไม่พยาบาท เป็นศัตรูต้องเข่นฆ่ากันจริงจังรุนแรง ประนีประนอมกันได้ มีต้องฆ่ากันเป็นสงครามกลางเมือง แค่เป็นศัตรูกันจริงๆ ตลอดชีวิตก็หายากแล้ว จะหาให้เป็นศัตรูเชื้อชาติจ้องจะฆ่ากันอย่างเดียวหลายร้อยปี พันปี เหมือนชาติตะวันออกกลางหรือชาติฝรั่งนั้นไม่มี

ถ้าเปรียบเทียบความรู้สึกต่างกันระหว่างคนไทยเมืองต่างๆ ที่เคยปกครองคนเอง อย่าง เชียงใหม่ ฯลฯ กับที่อื่นจะเห็นได้ชัดว่าต่างกันมาก ไม่ต้องพูดถึงพื้นที่ที่ความเป็นอยู่ยากลำบาก ต้องสู้กันเพื่อการดำรงชีวิตเลย แม้แต่พื้นที่เจริญ อยู่ดีกินดีก็ยังไม่คิดว่าเป็นพวกเดียวกัน อยู่รวมกัน เช่น คนแคว้นเวลส์เป็นเมืองขึ้นคนอังกฤษมาตั้ง 800 ก็ยังเรียกร้องให้มีสิทธิในการแสดงตนมากขึ้นจะกระทั้ง 10-20 ปี มานี้ก็ดิ้นรนจนให้เด็กพูดภาษาเวลส์ในโรงเรียนได้ด้วย ไอริชก็เป็นเมืองขึ้นอังกฤษมา 700 ปี ภาษาวัฒนธรรมก็ไม่ต่างกันมากก็ยังดิ้นรนให้ชาติตนเป็นอิสระหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ฯลฯ

การที่คนไทยไม่เป็นแบบนี้นี้ผมคิดว่าให้ประโยชน์กับประเทศไทยมากกว่ามากๆ เพราะไม่ว่าชาติไหนๆ ก็เคยอาศัย/มีอำนาจในพื้นที่ต่างๆ ซ้ำซ้อนกันมาทั้งนั้น

ความเป็นธรรมจริงๆ ในเรื่องพื้นที่ประเทศอันชอบธรรมจึงแทบเป็นไปไม่ได้

แต่ความสำเร็จในเรื่องพื้นที่ของประเทศก็คือการตกลงทำความเข้าใจกันอย่างอารยะเพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งในปัจจุบัน
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย
Website Sponsor
Hero Member
****

คะแนน 303
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4897


« ตอบ #34 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2007, 03:10:00 AM »

มโหระทึก อารยธรรมเผ่าไท [18 ก.พ. 50 - 13:25]
 
ก่อนบ้านเมืองในภูมิภาคอุษาคเนย์ (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) จะรับวัฒนธรรมจีน หรืออินเดีย อาจารย์ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม บอกว่า ตัวแทนอารยธรรมดั้งเดิม เริ่มแรกจริง คือ กลองมโหระทึก

แต่เนื่องด้วยบริเวณหน้ากลอง...มักจะมีรูปกบ เขียด กลองมโหระทึก จึงถูกเรียกอีกชื่อว่า กลองกบ กลองเขียด เอกสารจีนสมัยราชวงศ์ฮั่น เรียกชื่อว่า “กลองทองแดง” ทั้งยังอธิบายว่า เป็นของพวกป่าเถื่อนทางใต้

นักโบราณคดีจีน พบมโหระทึกโบราณ ในเขตมณฑลกวางสีมากถึง 600 ใบ เกือบทั้งหมดถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ ทั้งยังพบมโหระทึกอีกมากมาย ในหมู่ชนชาติต่างๆ ตั้งแต่ชาติจ้วง เย้า และเผ่าอื่นๆ

มโหระทึกเหล่านี้ ชาวบ้านรักษาสืบทอดกันมา กว่า 200 ปี ปัจจุบันเกือบทุกหมู่บ้าน ก็ยังใช้ประโคมในพิธีกรรม

บริเวณมณฑลกวางสี และเขตต่อเนื่องถึงภาคเหนือของเวียดนาม ที่เรียกว่า วัฒนธรรมดองซอน เป็นแหล่งผลิตมโหระทึกตั้งแต่ยุคโลหะดึกดำบรรพ์ เมื่อราว 3,000 ปี จนถึง 200 ปีที่แล้ว

แสดงให้เห็นความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมมโหระทึก ที่สืบทอดกันยาวนานหลายพันปี

และชนเผ่าใหญ่ที่สุด ที่เป็นเจ้าของวัฒนธรรมมโหระทึก คือเผ่าจ้วง

อาจารย์ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม ศึกษาเรื่องชาวจ้วงในมณฑลกวางสี แล้วพบว่ามีประมาณ 13 ล้านคน นี่คือพี่น้องชนชาติไทยที่ใหญ่ที่สุด ในบรรดาชนชาติไทยทั้งหลาย ที่อยู่นอกดินแดนประเทศไทย

การเพิ่มจำนวนชาวจ้วง...จำนวนมาก มิได้หมายถึงการอพยพเคลื่อนย้าย จากภายนอกเข้ามาตั้งหลักแหล่งใหม่ ตรงกันข้าม กลับแสดงให้เห็นถึงการเป็นคนพื้นเมือง ในภูมิภาคนี้มาช้านาน

การที่ชาวจ้วง เป็นเจ้าของกลองมโหระทึก และการให้ความสำคัญต่อกลองมโหระทึก ในการประกอบพิธีกรรม และงานนักขัตฤกษ์ประจำ คือประจักษ์แจ่มแจ้งถึงการเป็นชนชาติเก่าแก่ไม่น้อยกว่า 2,000 ปี

คงเป็นข้อยุติได้อย่างชัดเจน ในเรื่องความเก่าของวัฒนธรรมไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมเก่าแก่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนรับวัฒนธรรมจีนและอินเดีย

ในหนังสือ คนไทยมาจากไหน คุณสุจิตต์ วงษ์เทศ เขียนไว้ว่า คนเมื่อราว 3,000 ปีที่แล้ว เชื่อว่ามโหระทึกเป็นสัญลักษณ์ของฝน เสียงมโหระทึกบันดาลให้เกิดฝนตก เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหาร

ตามความคิดของชาวจ้วง...มโหระทึกไม่ใช่ เครื่องมือโลหะทั่วไป แต่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธานุ-ภาพ นิทานปรัมปราชาวจ้วงกล่าวว่า ปู้โล่โถ เป็นผู้ให้กำเนิดมโหระทึก

เมื่อตีมโหระทึกจะได้ยินเสียง “เพาหมั่น เพาเปิ่น” แปลว่า “คุ้มครองตำบล คุ้มครองหมู่บ้าน”

เสียงมโหระทึกดังไปทั่วสี่ทิศ ทำให้ผู้ได้ยินหวาดกลัวจนตัวสั่น แมลงร้ายจะตกใจกลัวหนีไปหมด ความเชื่อนี้ มโหระทึกจึงกลายเป็นผี หรือเป็นเทพ

ชาวจ้วงเชื่อว่า แหล่งน้ำในหมู่บ้านถูกผีน้ำชื่อโตเอ้อยึดครองไว้ มโหระทึกต่อสู้และเอาชนะโตเอ้อได้ สายน้ำจึงคืนสู่หมู่บ้าน เมื่อเกิดอุทกภัย น้ำท่วมใหญ่ ให้โยนมโหระทึกลงน้ำ ผีกลัวน้ำ น้ำจะลดลงเอง

ชาวจ้วงบางหมู่บ้าน มีพิธีเซ่นเทพมโหระทึก ทุกวันที่ 1 และวันที่ 15 ของเดือน ตามปฏิทินจีน ชาวจ้วงอำเภอซื่อจง มณฑลยูนนาน มีพิธีในวันแรกของตรุษจีน หรือ วัน 1 เดือน 1 ของจีน.
 

 
http://www.thairath.co.th/news.php?section=specialsunday03&content=37292
บันทึกการเข้า

ถ้าเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง
ผีเปรตในนรกมันคงโหวตให้พวกมันได้ขึ้นสวรรค์
จะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม! ต้นตอปัญหามันเกิดจากรธน.ไม่ดี หรือพวกแกมันเลว!
หน้า: 1 2 [3]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.048 วินาที กับ 21 คำสั่ง