เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ธันวาคม 20, 2025, 03:36:09 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 [4]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: คิดอย่างไรกับการซื้อดาวเทียมไทคมคืนจากสิงคโปร์  (อ่าน 8575 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
RASH
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 3
ออฟไลน์

กระทู้: 179


« ตอบ #45 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2007, 11:47:34 PM »




ผมก็รอข้อมูลมานานแล้วครับ ตั้งแต่หลัง 19กยใหม่ๆ แล้วบอกว่า มีหลักฐานครบ 7วันฟันได้เลย
จนถึงบัดนี้ เรื่องนู้นดัง เรื่องนี้เงียบ เปลี่ยนหัวข้อเล่นหลายเรื่องแล้วครับ
 ไล่มาตั้งแต่ สุวรรณภูมิ CTX ที่ดินรัชดา หวยใต้ดิน
ถ้าเปรียบเป็นปืนยิงใส่คน คงเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ไม่เห็นโดนหัวสักนัด
ถ้าคนมันโกงแหลกราญจริงขนาดที่ว่ากันนั้น มันต้องมีหลักฐานให้จับได้บ้างสักเรื่องสักทีครับ แต่นี้ก้อ...เฮ้ออ
อ้างถึง

เฮ้อ.......จริงๆด้วย.....เฮ้อ......
บันทึกการเข้า
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3988



« ตอบ #46 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2007, 12:59:06 AM »

จากข่าวสด ข้อมูล ณ วันที่ 29 ธ.ค. 2549
บริษัทมีผู้ถือหุ้นที่เป็นสัญชาติไทย 93.67%
เป็นต่างด้าว 6.33%

โดยมี บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้น 41.32%
ผู้ถือหุ้นรายย่อย 58.68%

ดังนั้น บมจ.ชิน แซทเทลไลท์จึงมีสถานะเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย สามารถประกอบธุรกิจโทรคมนาคมได้ตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544

"การที่ชินคอร์ปจะเป็นบริษัทต่างด้าวหรือไม่ จึงไม่มีผลกระทบต่อบริษัท เพราะแม้จะตัดชินคอร์ปออกไป บริษัทก็ยังมีผู้ถือหุ้นสัญชาติไทยอยู่ถึงประมาณ 60%"

========================
ครอบครัวดร.ทักษิณขายหุ้นชินคอร์ปที่ตนเป็นเจ้าของ 49% ให้กองทุนเทมาเสกไม่ใช่การขายทั้งบริษัท 100% เพราะที่เหลือเป็นของผู้ถือหุ้นอื่น

ดังนั้นหากคิดสัดส่วนหุ้นตระกูลชินวัตร ในชินคอร์ปจากสัดส่วนของตน 49 % เมื่อขายไปแล้ว ถือได้ว่าเทมาเสก (ผ่านการถือหุ้น49% ในชินคอร์ป) มีความเป็นเจ้าของชินแซทเทลไลท์ตามสัดส่วนของตนเพียง 20% จากทั้งหมดที่ชินคอร์ปถือในชินแซทเทลไลท์ 41 %

หากตีความว่า ชินคอร์ป เป็นต่างด้าว...ก็เพียง 20 % เท่านั้นในชินแซทเทลไล้ท์..บวกกับต่างด้าวที่ตามสมุดจดทะเบียนอีก 6.33 % กลายเป็น 26.33 % เท่านั้น...

ต่างชาติมีเพียง 26.33 % เท่านั้น...ปิดประตูเลิกคิดไปได้เลย...ว่าSATTEL เป็นต่างด้าว....ไม่ผิดตาม พรบ. ประกอบกิจการโทรคมนาคม 2544 แน่นอน..พันเปอร์เซ็น....

จากพันทิปครับ


คนที่เขียนบทความนี้ เป็นคนที่เล่นกับตัวเลข เหมือนกับพวก ขายประกันครับ เป็นการดึงตัวแรกของทุก ๆ โจทน์ มารวมกัน โดยไม่ได้ดูว่า มีตัวแปรอะไรในข้อนั้น ๆ แล้วสรุปเอาแบบดื้อ ๆ ทำให้คนที่อ่าน งง กับตัวเลข แล้วคล้อยตาม ผมจะชี้ให้ดูว่า ข้อมูลที่ให้มาผิดอย่างไร

1. ครอบครัวดร.ทักษิณขายหุ้นชินคอร์ปที่ตนเป็นเจ้าของ 49% ให้กองทุนเทมาเสกไม่ใช่การขายทั้งบริษัท 100% เพราะที่เหลือเป็นของผู้ถือหุ้นอื่น แต่หลังจากทำ Tender Offer หรือ เปิดรับซื้อหุ้นจากผู้ซื้อรายย่อยแล้ว กลุ่มเทมาเส็กถือหุ้นใน ชินคอร์ป กว่า 90% ผู้เขียนไม่ได้ระบุเอาใว้ว่า ไม่ได้รวมการทำ Tender Offer ใว้ด้วย

2. หากตีความว่า ชินคอร์ป เป็นต่างด้าว...ก็เพียง 20 % เท่านั้นในชินแซทเทลไล้ท์..บวกกับต่างด้าวที่ตามสมุดจดทะเบียนอีก 6.33 % กลายเป็น 26.33 % เท่านั้น...

ต่างชาติมีเพียง 26.33 % เท่านั้น...ปิดประตูเลิกคิดไปได้เลย...ว่าSATTEL เป็นต่างด้าว....ไม่ผิดตาม พรบ. ประกอบกิจการโทรคมนาคม 2544 แน่นอน..พันเปอร์เซ็น....


ข้อความนี้ก็ผิดเห็น ๆ เพราะถ้าชินคอร์ปถูกระบุว่า เป็นบริษัทต่างด้าว หุ้นทั้งหมดที่ชินคอร์ปถือทั้งหมดก็ต้องถือว่า เป็นต่างด้าวด้วย ไม่ได้แบ่งว่า บริษัทแม่ถือหุ้นกี่เปอร์เซ็น แล้ว ถือเป็นอัตตราส่วนว่า ถือหุ้นในบริษัทลูกกี่เปอร์เซ็น ถ้า คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้น 41.32%  หมายความว่า ต่างชาติถือหุ้นใน ชินแซทเทลไล้ท์ 47.65%

เรื่องการเล่นตัวเลข พวกขายประกันชีวิต เก่งครับเรื่องนี้
บันทึกการเข้า
vana_Art
Superman It's not easy.
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 4
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 623


เคารพนับถือพระพุทธเจ้า++ก็จงปฏิบัติตามที่สอน >>[ไม่ใช่แค่นับถือ!!!]


เว็บไซต์
« ตอบ #47 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2007, 07:03:04 PM »

เอาเลยครับ...สื่อสารโทรคมนาคม วิทยุ โทรทัศน์ ทีวีของฉัน ดาวเทียม (ขายสิทธิวงโคจรซะเลยก็ดีคับ) สาธารณูปโภค ประปา ไฟฟ้า ขายสินกะโปก์ให้หมดเลย...แล้วเราค่อยดื่มน้ำ ใช้ไฟฟ้า ดูทีวีโดยจ่ายค่าเช่ารายวันเอาครับ แหล่งน้ำในประเทศไทย..ขายประเทศสินกะโปก์ซะดีไหมครับ เพราะสินกะโปก์ยังต้องใช้น้ำจากมาเลย์อยู่..เค้าลำบาก สงสารครับ แล้วเราค่อยซื้อใช้จากเขาอีกที Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

 
สหายเล็กน้อย
ความรักเป็นเรื่องตลก...อกหักเป็นเรื่องขำ ๆ
Hero Member
*****

คะแนน 2113
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11510


...มีแต่ตัวกับหัวใจ... เธอจะรักฉันไหม ... !!!


« ตอบ #48 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2007, 12:28:21 AM »

 Angry Angry Angry

...ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ...ผมว่าเอาเงินที่จะซื้อคืนมาทำเองไม่ดีกว่าหรือ...หาวิธีเอาสัมปทานคืนดีกว่า...ถ้าจะเอาเรื่องการดักฟังโทรศัพท์มาเป็นข้ออ้าง...ในการซื้อคืน...ผมว่าเป็นเรื่องงี่เง่า...คลื่นความถี่วิทยุมันฟุ้งกระจายไปทั่ว...ถ้าเพียงแต่คุณมีเครื่องรับและถอดรหัส...ดักฟังมันที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ...อย่าลืมสิครับ...เทคโนโลยีอันนี้เราไม่ได้เป็นผู้สร้าง...ก็แค่ซื้อมาใช้...เผลอ ๆ บ.ผู้ผลิตมันใส่อุปกรณ์ดักฟัง...ไว้ในอุปกรณ์ดาวเทียม...อุปกรณ์โทรศัพท์ของเรา ๆ ท่าน ๆ มาตั้งแต่โรงงานแล้วหล่ะ...

...ถ้ากลัวว่าจะถูกดักฟัง...แล้ว...เครือข่ายอื่น ๆ ล่ะครับ...ดีแท็ค...ทรูมู๊ฟ...ไม่กลัวเหรอ...งั้นก็ซื้อมาเป็นของรัฐ...ให้หมดเลยสิครับ...

...แล้ว...ดาวเทียมไทคม...ก็ใช่ว่าเราจะใช้อยู่ประเทศเดียว...ประเทศอื่น ๆ ...ที่เช่าใช้ช่องสัญญาณอยู่...เขาไม่กลัวกันเหรอครับ...

...แล้ว...ถ้าซื้อคืนมา...หรือ...รัฐบาลทำขึ้นมาเองใหม่...ให้ประเทศอื่นเช่าใช้ช่องสัญญาณบ้าง...เราจะไม่โดนข้อหาดักฟังจากประเทศเหล่านั้นหรือครับ....

 Angry Angry Angry...สับสนครับเรื่องนี้...ข่าวมั่ว...เยอะเหลือเกิน...ตั้งแต่เริ่มแรกเลย...มีใครมีข้อมูลที่แท้จริงและชัดเจนได้บ้างครับ...อะไรกัน...ถ้าว่าเขาผิด...ก็หาทางยึดสัมปทานคืนเลย...จะไปซื้อคืนให้เสียเงินทำไม...ดาวเทียมจริง ๆ นะครับ...ไม่รองเท้าแตะตราดาวเทียม...เอาเงินมาพัฒนาประเทศด้านอื่นดีกว่า...จะสร้างกระแสทำไม... Huh Huh Huh


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 24, 2007, 12:34:05 AM โดย ALEX_AMSS7 » บันทึกการเข้า



...ล้มแล้วจงลุกใหม่...จนกว่าลูกแกะจะกลายเป็นราชสีห์...
Nakin
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 115
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3905


รักทุกคนเลย ......


« ตอบ #49 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2007, 01:03:54 AM »


          หึ   ....   หึ   ....   หึ   ....     :Smiley     





บันทึกการเข้า

Happy   shooting    ......   

พูดจริง     ก็หาว่า    โกหก     ........     พูดตลก    ก็หาว่า     หลอกลวง
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1960
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22591


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #50 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2007, 01:30:12 AM »

ไม่ซื้อคับ...

ไม่ซื้อความคิดนี้คับ...

ดาวเทียมอีกไม่กี่ปีก็หมดอายุแล้ว...
บันทึกการเข้า
RASH
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 3
ออฟไลน์

กระทู้: 179


« ตอบ #51 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2007, 08:43:30 AM »

ไม่ซื้อคับ...

ไม่ซื้อความคิดนี้คับ...

ดาวเทียมอีกไม่กี่ปีก็หมดอายุแล้ว...

ที่เขาเรียกว่า....ค่าโง่....ใช่ไหมครับ
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #52 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2007, 09:39:31 AM »


 Smiley. ผมสนใจที่จะฟังในข้อเท็จจริง ในทางวิชาการ

      และรักษามรรทยาท ไม่ก้าวล่วง ไปคิดแทน
      และไปวิจารณ์โดยไม่มีข้อเท็จจริง ทำให้ผมไม่มีปัญญา คิดในเรื่องนี้

      ต่างคนต่างมีหน้าที่ เมื่อมีหน้าที่ จึงมีอำนาจในการตัดสินใจ
      จะทำอะไร ตัดสินใจอย่างไร เพื่อบ้านเมือง
      ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ตนทุกชิ้นงานเหมือน รัฐบาลทรราช

      ทำไปเถอะครับ. ผิด-ถูก.. ผมยังเชื่อมั่น ในสติปัญญา ของ คมช. และรัฐบาลนี้
      ตราบใดที่ยังทำเพื่อชาติบ้านเมือง อย่างแท้จริง . Smiley
บันทึกการเข้า

Nakin
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 115
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3905


รักทุกคนเลย ......


« ตอบ #53 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2007, 01:17:04 PM »


ข้อมูลอีกด้าน    ....    ลองอ่านดู    แล้ว    คิดเอาเอง    .......     นะจ๊ะ     (  ว่าจริงหรือเท็จ  )      ....    หวังว่า    RO  -  05    จะเข้าใจ  นะจ๊ะ    ....     Grin         


จาก     http://www.thairath.co.th


ขอบคุณครับ       Smiley


==============================================================================================



เปิดข้อเท็จจริงไทยคม ถอดรหัสสมบัติชาติ กับดาวเทียมเชิงพาณิชย์    [ 26 ก.พ. 50 - 17:34  ]

 

ทันที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ประกาศว่า จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อทวงดาวเทียม ไทยคมซึ่งถือเสมือนเป็นสมบัติของชาติคืนจากอภิมหากองทุนยักษ์แห่งสิงคโปร์


เลือดรักชาติของคนไทยก็พลุ่งพล่านขึ้น พร้อมๆกับส่งเสียงขานรับที่ดังกระหึ่มเมือง


หลายคนโจมตีว่า การขายหุ้นของอดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัวที่พ่วงเอาดาวเทียมไทยคม และกิจการในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมไทยไปด้วย เป็นเรื่องน่าอดสูใจที่คนเป็นถึง นายกรัฐมนตรีของประเทศจะแอบดอดเอาสมบัติชาติไปขายเพื่อสร้างความร่ำรวยให้แก่ตน และคนในครอบครัว


บ้างก็สร้างภาพเสียน่ากลัวว่า ป่านนี้รัฐบาลสิงคโปร์คงจะล้วงตับ ล้วงความลับทางการทหาร และความลับของประเทศไทยไปจนหมดไส้หมดพุงแล้ว จากการจารกรรมข้อมูลผ่านดาวเทียมไทยคมนี่เอง


ในขณะที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และกระทรวงพาณิชย์ พยายามพลิกตำราหาช่องทางกฎหมายเสนอให้รัฐบาลทำการยึดสัมปทานคืนทันที เมื่อได้พิสูจน์แล้วว่า มีการจัดตั้งบริษัทหนึ่งบริษัทใดขึ้นมาทำหน้าที่เป็นนอมินีแทนต่างชาติเพื่อให้สามารถถือหุ้น หรือมีสิทธิออกเสียงในกิจการที่ควรสงวนไว้ให้เป็นของคนไทยได้


แต่ไม่ว่ากระแสการรักชาติหรือความเป็นชาตินิยมจะรุนแรงเพียงใด และนำพาคนไทยไปในทิศทางใดก็ตาม


ทีมเศรษฐกิจ ขอให้คนไทยตั้งสติพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบก่อนจะตีโพยตีพายไปจนเสียการว่า ประเทศไทยได้สูญเสียสมบัติชาติไปให้กลุ่มทุนสิงคโปร์เป็นที่เรียบร้อยไปแล้วจริงหรือไม่

พร้อมกับขอใช้พื้นที่นี้ ส่องกล้องไปดูที่มาที่ไปของดาวเทียมไทยคม ตลอดจนเส้นทางการผ่องถ่ายสัมปทานเจ้าปัญหาสู่กองทุนเทมาเสกที่ว่า ก่อนจะไปถึง คำตอบที่ว่า

เราควรจะทวงคืนดาวเทียมไทยคมกลับมาหรือไม่?!


ปูมหลัง และจุดเริ่มต้นปัญหา


บมจ.ชิน แซทเทลไลท์ หรือ SATTEL ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2534 โดย บริษัทชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น หรือ SHIN เพื่อดำเนินโครงการดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติ ภายใต้สัมปทานของกระทรวงคมนาคม ก่อนที่จะมีการแยกอำนาจการกำกับดูแลไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ไอซีที) ในปัจจุบัน โดยมีอายุสัมปทานรวม 30 ปี สิ้นสุดปี พ.ศ.2564

ภายใต้สัญญาสัมปทานนี้ ชินคอร์ปจะต้องถือหุ้นในชินแซทไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 เพื่อเป็นหลักประกันแก่คู่สัญญา หากมีการปฏิบัติผิดสัญญาไม่ว่ากรณีใด ผู้ถือหุ้นใหญ่จะต้องเป็นผู้ร่วมรับผิดชอบในการกระทำนั้นๆ ขณะที่รัฐบาลโดยกระทรวงที่รับ ผิดชอบจะเป็นผู้จัดหาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมให้แก่ผู้รับสัมปทาน ซึ่งก็คือผู้จัดสร้างดาวเทียมและยิงดาวเทียมขึ้น สู่วงโคจรในตำแหน่งที่ประเทศไทยได้รับการจัดสรรจากองค์การโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู)

สำหรับตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมที่ประเทศไทยได้รับการจัดสรรมีทั้งสิ้น 3 ตำแหน่ง คือ 120.0 องศาตะวันออก, 78.5 องศาตะวันออก และ 50.5 องศาตะวันออก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดาวเทียมไทยคมทั้ง 5 ดวง ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน

ชินแซท เริ่มยิงดาวเทียมดวงแรกซึ่งได้รับพระราชทานชื่อ “ไทยคม 1” เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2536 นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประเทศไทยมีดาวเทียมเป็นของตนเอง เพื่อให้บริการภายในประเทศ และครอบคลุมถึงประเทศต่างๆในภูมิภาค จาก ที่ต้องเช่าใช้ดาวเทียมประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้บริการแพร่ภาพสถานีโทรทัศน์ ตลอดจนบริการสื่อสารโทรคมนาคมอื่นๆ

หลังจากดำเนินกิจการมาร่วม 16 ปี ชินแซทก็เป็นที่รู้จักของคนไทย รวมถึงบริษัทคู่ค้าผู้ดำเนินธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม และสถานีโทรทัศน์ทั่วโลกในฐานะผู้ให้บริการ ดาวเทียมรายแรกและรายเดียวของประเทศไทย กระทั่งเป็นเจ้าของดาวเทียมไทยคมทั้งสิ้น 5 ดวง ได้แก่ ไทยคม 1, ไทยคม 2, ไทยคม 3, ไทยคม 4 หรือ “ไอพีสตาร์” ซึ่งเป็นดาวเทียมสื่อสารดวงใหญ่ที่สุดในโลก และดวงล่าสุด คือ ไทยคม 5

มีสินทรัพย์ ณ สิ้นปี 2548 คิดเป็นมูลค่า 33,000 ล้านบาท บริษัทยังคงมีแผนขยายการลงทุนต่อเนื่อง จากแผนการยิงดาวเทียมไทยคม 6 ในอีก 2 ปีข้างหน้า และดาวเทียมไทยคม 7 ซึ่งจะเป็นดาวเทียมสื่อสารที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับไอพีสตาร์

ก่อนที่ชินแซทจะตกไปอยู่ในมือของกองทุนเทมาเสกจากสิงคโปร์นั้น ผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้เคยประกาศขายหุ้นเพิ่มทุนของชินแซทต่อนักลงทุนทั่วไปและสถาบันเพื่อระดมทุนกว่า 3,182 ล้านบาทไปใช้ในการสร้าง และยิงดาวเทียมไทยคม 4 หรือไอพีสตาร์มาแล้วในเดือนมิถุนายน ปี 2548

โดยการขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว ชินคอร์ปในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ได้ขอใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน จึงทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของตนลดลงมาเหลืออยู่เพียง 41.32%

แต่ในอีก 2 ปีให้หลัง ชินแซทได้ถูกขายพ่วงไปกับ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ AD VANCE (เอไอเอส) และไอทีวี (ITV) เมื่อกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ในชินคอร์ป อย่าง ชินวัตร และดามาพงศ์ ขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ให้แก่ กลุ่มบริษัท เทมาเสก โฮลดิ้ง จำกัด จากสิงคโปร์ ในสัดส่วน 49.59%

คำถามมากมายผุดขึ้นพร้อมๆกับความไม่พอใจของผู้คนในสังคมที่เริ่มคุกรุ่นขึ้น เมื่อการซื้อขายหุ้นครั้ง ประวัติศาสตร์ระหว่างเทมาเสกกับครอบครัวชินวัตรและดามาพงศ์ ในมูลค่ารวมกว่า 73,000 ล้านบาท ถูกเปิดเผยขึ้น

และด้วยเหตุผลนี้นี่เอง ที่ทำให้ชีวิตทางการเมืองและธุรกิจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัวต้องขาดสะบั้นลง และท้ายที่สุดก็นำมาซึ่งการประกาศไล่ล่าล้างบางทั้งเทมาเสก นอมินี และคนในครอบครัวชินวัตร และดามาพงศ์

จนกระทั่งถึงการทวงสัมปทานดาวเทียมที่ถือกันว่าเป็นสมบัติของชาติกลับคืนมา




ดาวเทียมพาณิชย์ กับ จารกรรม


สิ่งที่ทุกฝ่ายกังขาก็คือ กิจการดาวเทียมที่เป็นสมบัติชาติถูกขายออกไปให้กลุ่มทุนต่างชาติได้อย่างไร ทั้งที่สัมปทานเป็นกิจการเพื่อความมั่นคง ยิ่งกว่านั้น การปล่อยให้ต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของได้ ก็เท่ากับ “เปิดประตู” ให้ต่างชาติล้วงตับ และความลับทางด้านความมั่นคงของชาติไปเรียบวุธใช่หรือไม่

หากพิจารณาข้อมูลอย่างถ่องแท้ จะเห็นได้ว่า ดาวเทียมไทยคมทุกดวง เป็นดาวเทียมเพื่อการพาณิชย์ ไม่สามารถนำไปใช้งานด้านจารกรรม หรือใช้ติดตามสอดแนมพื้นผิวโลกได้ เพราะไม่มีการติดตั้งกล้อง และยังเป็นดาวเทียมแบบค้างฟ้า ซึ่งลอยอยู่เหนือผิวโลกสูงถึง 36,000 กิโลเมตร ขณะที่ดาวเทียมสายลับ จะอยู่เหนือผิวโลกเพียงไม่กี่ร้อยกิโลเมตร เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการใช้งานสูงสุด



ในทางเทคนิค ดาวเทียมแต่ละดวง จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน ดาวเทียมเพื่อการพาณิชย์จึงไม่สามารถนำมาใช้งานด้านจารกรรมสายลับได้



ที่สำคัญก่อนที่ดาวเทียมจะถูกนำมาใช้งาน จะต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติทางเทคโนโลยีก่อน เพื่อให้แน่ใจว่า จะนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์เท่านั้น ขั้นตอนการตรวจสอบต้องผ่านข้อกำหนดทางเทคนิคจากกระทรวงไอซีที ว่าจะนำไปใช้งานด้านใด


นอกจากนั้น ยังต้องผ่านการตรวจสอบจากรัฐบาลของประเทศผู้ผลิตดาวเทียมด้วย เช่นกรณีดาวเทียมไทยคม 1 และ 2 ผลิตโดยบริษัทโบอิ้ง และดาวเทียมไทยคม 4 ผลิตโดยบริษัทสเปซ ซิสเต็มส์ ลอเรล แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ (Export License) เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติทางเทคโนโลยีเพื่อใช้เชิงพาณิชย์เท่านั้น


เช่นเดียวกับดาวเทียมไทยคม 3 และ 5 ที่ผลิตโดยบริษัทอัลคาเทล อัลลิเนีย สเปซ แห่งประเทศฝรั่งเศส ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลฝรั่งเศสในรูปแบบเดียวกัน


หากจะพิจารณากันในแง่ของการรับส่งข้อมูลผ่านดาวเทียมนั้น เนื่องจากไทยคมเป็นดาวเทียมระบบเปิด สถานีดาวเทียมภาคพื้นดินใดๆก็สามารถรับส่งข้อมูลได้ ไทยคมจึงเปรียบเสมือนให้บริการท่อรับ-ส่งข้อมูล มีลูกค้าที่เป็นสถานีโทรทัศน์ทั่วโลกกว่า 150 สถานี ใน 40 ประเทศ นอกเหนือจากลูกค้าที่ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม รับส่งข้อมูลและอินเตอร์เน็ตทั้งในและต่างประเทศเกือบ 40 ราย


ตามมาตรฐานของดาวเทียมเพื่อการพาณิชย์ ลูกค้าจะต้องเป็นผู้รักษาข้อมูลที่ส่งขึ้น-ลงผ่านดาวเทียม ซึ่งส่วนใหญ่ใช้วิธีเข้ารหัส-ถอดรหัส อย่างกรณีของสถานีโทรทัศน์ หากเป็นระบบบอกรับสมาชิก ก็จะเข้ารหัสแพร่ภาพสำหรับลูกค้าเท่านั้น ใครที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ไม่สามารถดูรายการของสถานีโทรทัศน์ช่องนั้นๆได้ หรืออย่างกรณีที่เป็นข้อมูลด้านการเงิน เช่น ลูกค้าที่ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ การเข้ารหัส-ถอดรหัสข้อมูลที่ส่งผ่านดาวเทียม เป็นส่วนที่ลูกค้าจะต้องดำเนินการเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอ่อนไหวเหล่านั้น


ผู้ให้บริการดาวเทียมเป็นเพียงท่อส่งข้อมูลให้เท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปดึงข้อมูลที่มีการเข้ารหัสซับซ้อนเหล่านั้นได้


เช่นเดียวกับหน่วยงานราชการ ทหารสื่อสาร ซึ่งปัจจุบันเป็นลูกค้าไทยคมอยู่หลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงอวกาศของอินเดีย (DOS) กระทรวงไปรษณีย์ และโทรคมนาคม และกระทรวงดูแลงานโทรทัศน์ของประเทศพม่า หน่วยงานทหารสื่อสารแห่งกองทัพไทย ซึ่งปัจจุบันเช่าใช้ช่องสัญญาณผ่านกระทรวงไอซีที โดยได้รับการจัดสรรให้ที่ 1 ช่องสัญญาณ (ทรานสพอนเดอร์) อันเป็นสัดส่วนที่จัดสรรให้หน่วยงานราชการไปแบ่งกันใช้บริการ


หน่วยงานราชการเหล่านี้ ย่อมต้องมีกลไกรักษาความปลอดภัยสูงสุดต่อข้อมูลที่ส่งผ่านดาวเทียม ขณะเดียวกัน กิจการด้านทหารยังมีย่านความถี่ที่ Xband ซึ่งจัดสรรสำหรับการใช้โดยเฉพาะเพื่อความปลอด ภัยสูงสุดที่หน่วยงานอื่นๆไม่ สามารถใช้งานได้อีกด้วย




“ไทยคม”...สมบัติของไทยอยู่แล้ว


หากทุกฝ่ายจะได้ย้อนกลับไปพิจารณาสัญญาสัมปทานไทยคม ซึ่งเป็นสัญญาสัมปทานประเภท สร้าง-โอน-บริหาร หรือ Build Transfer Operation-BTO ที่เมื่อผู้รับสัมปทานได้ดำเนินการจัดสร้างดาวเทียม และยิงขึ้นสู่วงโคจรแล้วเสร็จ จะต้องยกให้เป็นทรัพย์สินของรัฐในทันที พร้อมทั้งสถานีควบคุมดาวเทียม และอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้อง

สิ่งที่บริษัทเอกชนจะได้รับก็มีเพียงสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์จากการนำช่องสัญญาณ (Transponder) ออกไปให้เช่า และเรียกเก็บค่าบริการจากผู้เช่าใช้ แต่จะต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ที่เกิดขึ้นเหล่านี้กลับมาให้รัฐด้วยตามสัญญา

ล่าสุด ชินแซทมีลูกค้าที่เข้ามาขอเช่าใช้ช่องสัญญาณแล้วกว่า 40 ประเทศ โดยลูกค้ากว่าร้อยละ 77 เป็นลูกค้าต่างประเทศ และบริษัทได้จ่ายค่าสัมปทานให้แก่รัฐแล้วเป็นจำนวน 3,698.9 ล้านบาท มากกว่าจำนวนขั้นต่ำที่กำหนดไว้ที่ 3,317.9 ล้านบาท

เมื่อสัญญาสัมปทาน BTO กำหนดชัดเจนอยู่แล้ว ทรัพย์สินทุกอย่างสร้างขึ้นต้องยกให้เป็นทรัพย์สินของรัฐ ดาวเทียมไทยคมก็ต้องถือเป็นสมบัติของชาติในทันที

จึงไม่ต้องย้อนกลับไปพิจารณาอีกว่า ดาวเทียมไทยคมเป็นสมบัติของใคร?

เพราะด้วยสถานะและกฎหมาย ดาวเทียมไทยคมก็เป็นสมบัติของชาติโดยสมบูรณ์ตั้งแต่แรกเริ่มอยู่แล้ว!

ที่สำคัญ “ไทยคม” ยังถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศในฐานะ ผู้ให้บริการดาวเทียมมาตรฐานโลกที่ออกไปแข่งกับผู้ให้บริการดาวเทียมอื่นๆ ของโลกอีกกว่า 40 ประเทศ ครอบคลุมทั้งเอเชีย แปซิฟิก และตะวันออกกลาง ซึ่งแต่ละประเทศล้วนมีดาวเทียมเป็นของตัวเองแล้วทั้งสิ้น


และโดยเฉพาะ ไทยคม 4 หรือไอพีสตาร์ ซึ่งเป็นดาวเทียมที่ชินแซทวิจัยและพัฒนาขึ้นมาเป็นสิทธิบัตรเฉพาะของประเทศไทย ที่ได้ชื่อว่าเป็นดาวเทียมที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากที่สุด และใหญ่ที่สุดของโลก สามารถให้บริการครอบคลุมไปกว่า 3 ทวีป ซ้ำยังเจาะตลาดในประเทศยักษ์ใหญ่ อย่าง จีน อินเดีย ยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ได้หมดในขณะที่ทุกประเทศล้วนมีดาวเทียมเป็นของตัวเองแล้วทั้งสิ้น


เมื่อดาวเทียมไทยคมเป็นสมบัติของชาติอยู่แล้ว จะต้องไปต่อสู้ทวงคืนกันทำไมอีก!!


หากทุกฝ่ายย้อนกลับไปพิจารณาความเป็นมาของเรื่องทั้งหมดให้ดีตั้งแต่ต้น ก็จะเห็นเองว่าหาได้มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องไปลงทุนลงแรงตั้งโต๊ะรับบริจาคเงินนับพันนับหมื่นล้านบาท เพื่อจะเข้าไปซื้อสัมปทานดาวเทียมไทยคม หรือ วงโคจรกลับคืนมาไม่


แม้ผู้ถือหุ้นใหญ่ของชินแซทจะยังต้องพิสูจน์สัญชาติว่า เป็นไทย หรือต่างชาติกับกระทรวงพาณิชย์อยู่ แต่สัดส่วนหุ้นที่เหลืออีกกว่า 58% ในชินแซท ก็ยังคงเป็นหุ้นของคนไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์ทั้งสิ้น


และต่อให้ชินคอร์ปกับกุหลาบแก้วถูกกระชากหน้ากากว่าเป็นร่างทรงของกลุ่มทุนสิงคโปร์จริง แต่สัดส่วนทุนของสิงคโปร์ในชินแซท ปัจจุบันก็ไม่ได้สูงเกินกว่าร้อยละ 49 อันเป็นสัดส่วนหุ้นสูงสุดที่กฎหมายรับรองความเป็นนิติบุคคลของบริษัทไทยอยู่แล้ว




ดังนั้น ความพยายามในการตีฆ้องร้อง ป่าวให้มีการทวงคืนสมบัติชาติในเวลานี้จึงหาใช่การกู้ชาติไม่



หากแต่เป็นความ  “  เขลา  ”   ไม่เข้าใจ และไม่ได้ศึกษาสัญญาสัมปทานอย่างถ่องแท้ หรือไม่ก็อาจเป็นแค่ความพยายามของกลุ่มบุคคล ที่ประสงค์จะเข้าไปชุบมือเปิบและ ส่งคนของตนเข้าไปกุมอำนาจเบ็ดเสร็จในการบริหารกิจการนี้แทน!




ขณะที่การเจรจาทางธุรกิจโดยตรงระหว่าง บริษัทเอกชนด้วยกันสามารถจะเกิดขึ้นได้เมื่อความต้องการจะซื้อจะขายตรงกัน เพราะเป็นช่วงพอดีกับที่เทมาเสกเอง ก็ต้องการจะขายหุ้นในส่วนของชินแซทให้นักลงทุนรายใหม่ ที่มีทุนมากพอจะมารับช่วงต่อเพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น



เวลาที่เหลือไม่มากแล้วของรัฐบาล ช่วยกันระดมสมองคิดอย่างอื่นที่สร้างสรรค์ และเป็นประโยชน์กับประเทศชาติมากกว่านี้ไม่ดีกว่าหรือ.




--------      ทีมเศรษฐกิจ     -------        Grin



 

 


บันทึกการเข้า

Happy   shooting    ......   

พูดจริง     ก็หาว่า    โกหก     ........     พูดตลก    ก็หาว่า     หลอกลวง
RO 05
Global Moderator
Full Member
*****

คะแนน 50
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 161



« ตอบ #54 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2007, 02:04:26 PM »

ข้อมูลอีกด้าน    ....    ลองอ่านดู    แล้ว    คิดเอาเอง    .......     นะจ๊ะ     (  ว่าจริงหรือเท็จ  )      ....    หวังว่า    RO  -  05    จะเข้าใจ  นะจ๊ะ    ....       


   ข้อเท็จจริงมีที่มาที่ไปแบบนี้ เป็นข้อเท็จจริงที่ต้องสื่อให้พิจารณากัน   
   เป็นเรื่องดีครับ คุณNakin

   ไม่ใช่ความเห็นอคติแอบแฝงมาแอบด่า คมช  อย่างที่ให้เหตุผลตรงกับคุณไว้
   และจำเป็นต้องลบออกไป ผมจำต้องเลือกรักษาเวปนี้
ไว้
บันทึกการเข้า

อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด.
Nakin
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 115
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3905


รักทุกคนเลย ......


« ตอบ #55 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2007, 02:22:33 PM »




ข้อเท็จจริงมีที่มาที่ไปแบบนี้  เป็นข้อเท็จจริง  ที่ต้องสื่อให้พิจารณากัน   

เป็นเรื่องดีครับ   คุณ  Nakin

ไม่ใช่ความเห็นอคติแอบแฝงมาแอบด่า คมช .  อย่างที่ให้เหตุผลตรงกับคุณไว้
 
และจำเป็นต้องลบออกไป  ผมจำต้องเลือกรักษาเวปนี้ไว้






ขอขอบคุณ       RO  -  05     .....  ด้วยความจริงใจครับ        Smiley




และ    หวังเป็นอย่างยิ่งว่า      RO  -  05    จะดำรงความยุติธรรม     และ    มีความเป็นธรรม    .....    ในการปฏิบัติหน้าที่นี้ไว้ได้      อย่างทั่วถึง     และ    ตราบนานเท่านาน















บันทึกการเข้า

Happy   shooting    ......   

พูดจริง     ก็หาว่า    โกหก     ........     พูดตลก    ก็หาว่า     หลอกลวง
Chayanin-We love the king
ฟ้าสว่างสดใสไร้มลทิน เพียงเมฆินบังเบียดเสนียดฟ้า แกว่งยางยูงปัดป้องท้องนภา ผู้แก่กล้าโปรดอย่าว่าตัวข้าเลย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 62
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2610



« ตอบ #56 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2007, 02:52:38 PM »

กรรมสิทธิ์   / สิทธิครอบครองการใช้ประโยชน์
เป็นเจ้าของแต่ชื่อ  มีค่าอันใด 
บันทึกการเข้า

ไม่อยากเป็นมะเร็ง   ก็ใช่ว่าต้องเป็นโรคหัวใจ
สุขภาพดีเป็นเรื่องไม่ยาก
สุขภาพที่ดีของประเทศไทย   อยู่ที่สภาวะปราศจากโรคร้าย
ไม่ใช่อยู่ที่ต้องเลือกระหว่าง  มะเร็ง  กับ โรคหัวใจ
หน้า: 1 2 3 [4]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.077 วินาที กับ 20 คำสั่ง