ประชาชนไม่จำเป็นต้องมีอาวุธปืน

[b]ใครที่เคยพูดไว้ก็ไม่รู้ว่า ประชาชนไม่จำเป็นต้องมีอาวุธปืนไว้ป้องกันตนเองและครอบครัว เพราะมีตำรวจซึ่งมีอาวุธคอยดูแลอยู่แล้ว น่าจะอ่านข่าวนี้หน่อย เพราะมันไม่ได้เป็นเรื่องแรกและเรื่องสุดท้ายแน่นอน ทุกวันนี้ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนน่าจะเท่ากับ 0 เพราะในเมืองหลวง ย่านชุมชนแท้ๆยังเกิดคดีปล้นฆ่าข่มขืนขึ้นได้ทุกวันซึ่งบางคดีตำรวจเปลี่ยนตัวเองไปเป็นคนร้ายก็มาก ลองอ่านกันดูครับ[/b]

"เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 5 เม.ย. ร.ต.อ.วิชิต สวัสดี ร้อยเวร สน.หนองแขม รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายในร้านหยกทิพย์เนเจอร์โภคภัณฑ์ เลขที่ 14/26-27 หมู่ 2 ถนนเพชรเกษม แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม ฝั่งธนฯ ไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.จิรสิทธิ์ มหินทรเทพ ผบก.น.9 พ.ต.อ.อุดม เนตยสุภา ผกก. สน.หนองแขม พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า ผกก. สส.น.9 เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและแพทย์ รพ.ศิริราช
ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว 4 ชั้น 2 คูหา ประตูม้วนบานหนึ่งเปิดแง้ม เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ชั้นล่างขายอาหารสัตว์เลี้ยงต่างๆ รวมทั้งอุปกรณ์การเลี้ยง สัตว์หลายชนิด ชั้นที่ 2 เป็นห้องเก็บของ ส่วนชั้นที่ 3 เป็นที่พักอาศัย มีห้องนอน 2 ห้อง ห้องโถงและห้องครัวอยู่ติดกัน กลางห้องโถงพบศพ น.ส.ณัฐวรรณ หรือนิ พิภพศิริรัตน์ อายุ 19 ปี นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปี 2 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี นอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ ตามร่างกายมีบาดแผลถูกแทงพรุน ที่หน้าอก สีข้าง แขนและขารวมแล้วทั้งสิ้น 16 แผล เสื้อชุ่มโชกไปด้วยเลือดแดงฉาน บริเวณห้องมีร่องรอยการต่อสู้อย่างสุดฤทธิ์เลือดสาดละเลงพื้นไปทั่ว ขาโต๊ะวางของหัก แก้ว จานชาม แตกละเอียด กองหนังสือล้มระเนนระนาด ส่วนห้องครัว เศษหมู กระเทียม พริกไทย กระจัดกระจายเกลื่อน คาดว่าผู้ตายกำลังเตรียมปรุงอาหาร แต่ยังไม่ทันลงมือ คนร้ายบุกเข้าไปก่อเหตุสยองเสียก่อน นอกจากนี้ พบหยดเลือดหยดเป็นทางออกจากบ้านไปตามถนนราว 20 เมตร คาดว่าฆาตกรโหดได้รับบาดเจ็บถูกมีดบาดไปด้วย

ในบ้านเกิดเหตุยังพบ ด.ญ.อรพรรณ หรือน้องเกรซ พิภพศิริรัตน์ วัย 7 ขวบ น้องสาวผู้ตาย ล็อกประตู นั่งร้องไห้จ้าด้วยความตกใจกลัวอยู่ในห้องนอน เจ้าหน้าที่ต้องเคาะประตูเรียกให้เปิด ก่อนปลอบประโลมให้คลายความหวาดผวา เด็กน้อยที่รอดเงื้อมมือมัจจุราชมาได้ หวุดหวิดเล่ารายละเอียดว่า เมื่อคืนนอนอยู่ในห้องกับผู้ตาย และ น.ส.ศุพิธษา หรือจูน อายุ 16 ปี พี่คนรอง ก่อนเกิดเหตุตอน 6 โมงเช้า น.ส.ศุพิธษาปลุกให้ลุกขึ้น ไปปิดประตูม้วนหน้าบ้าน เนื่องจากจะออกไปขายของที่ร้านอีกแห่งที่ตลาดซันเดย์ ติดกับสวนจตุจักร เมื่อปิดประตูเสร็จก็กลับขึ้นมานอนต่อ โดยเห็นพี่สาวที่ตายกำลังง่วนทำกับข้าว แต่ไม่ได้สนใจ เมื่อเข้าห้องนอนสักพัก ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ข้าวของล้มดังโครมคราม เปิดประตูออกมาดู พบพี่สาวนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่กับพื้น โดยมีชายรูปร่างสูง สวมเสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงิน กางเกงยีน ตัดผมสั้นเกรียน ใช้ผ้ากันฝุ่นปิดปากจมูกอำพรางใบหน้า นั่งคุกเข่าใช้หัวเข่ากดทับที่หน้าอกของพี่สาวไม่ให้ขัดขืน มือขวาถือมีดปลายแหลม หันมาชี้หน้าตะคอกให้รีบกลับเข้าไปในห้องและอย่าส่งเสียงดัง จึงปิดประตูล็อกแล้วโทร.บอกพ่อทันที

ต่อมานายปฐม พิภพศิริรัตน์ อายุ 58 ปี พ่อผู้ตาย เดินทางไปที่เกิดเหตุ ให้การว่าเปิดร้านขายอาหารสัตว์มานานแล้ว ร้านที่เกิดเหตุไม่ที่จอดรถ ทำให้ขายไม่ดี ต้องเซ้งร้านใหม่ที่ตลาดนัดซันเดย์ เป็นร้านขนาดใหญ่ขายอาหารสัตว์ทุกประเภท รวมทั้งพักอยู่กับภรรยาที่ร้านใหม่ด้วย บ้านหลังเกิดเหตุ ส่วนมากใช้เป็นที่เก็บของ ปกติกลูกๆอาศัยอยู่กัน 3 คน เมื่อตอนตี 4 ตนเดินทางไป จ.นครปฐม เพื่อซื้ออาหารสัตว์ที่โรงงาน แล้วแวะนำอาหารสัตว์ไปเก็บไว้ที่บ้านเกิดเหตุ ก่อนไปที่ร้านตลาดนัดซันเดย์ พอตอนเช้าลูกสาวคนเล็กโทรศัพท์ ไปบอกว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นจึงแจ้งตำรวจ ที่ผ่านมามีลูกจ้าง ผู้ชายหลายคน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าไปทำงานแล้วก็ออกไปนับไม่ถ้วน เนื่องจากเป็นงานหนักแบกหาม ต้อง ใช้แรงงานและเงินเดือนน้อย บางคนทำได้วันสองวันก็ออกไป สำหรับผู้ตาย ปกติเป็นคนพูดจาโผงผาง แข็งแรงไม่ยอมคนง่ายๆ ล่าสุดเมื่อปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ลูกสาวไล่คนงานออกไป 1 คน เนื่องจากจับได้ว่าแอบลักอาหารสัตว์ไปขาย แต่เมื่อน้องเกรซดูหน้าแล้ว ยืนยันว่าไม่ใช่ฆาตกรที่ลงมือ

ในเบื้องต้น ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายต้องรู้ช่องทางหนี ที่ไล่ของบ้านเกิดเหตุเป็นอย่างดี ก่อนดอดย่องเข้าบ้านหลังน้องสาวผู้ตายปิดประตูไม่มิดชิด อาจมีจุดประสงค์บุกเข้าไปชิงทรัพย์ แต่เมื่อผู้ตายสู้ขัดขืน เลยจ้วงแทงอย่างไม่ยั้งมือ ก่อนเผ่นหนีโดยไม่ได้ทรัพย์สินอะไร หรืออาจเป็น คนงานเก่า ย้อนกลับมาแก้แค้นก็เป็นได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ระหว่างตรวจสอบผู้ต้องสงสัยที่เป็นฆาตกรโหดรายนี้"

	ผู้เขียน	หัวข้อ: ประชาชนไม่จำเป็นต้องมีอาวุธปืน (อ่าน 5376 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้