...ขอยกบทความดังกล่าวมาให้อ่านกันครับ

...........................................................
...........................................................
................
เวทีวิพากษ์ : ปืนของผู้บริสุทธิ์นิรันศักดิ์ บุญจันทร์
ใครที่เคยดู "ซูโม่ตู้" หรือคุณ "จรัสพงษ์ สุรัสวดี" ให้สัมภาษณ์ออกทีวีช่องหนึ่ง เมื่อสองสามปีก่อน ในฐานะที่เป็นคนชอบสะสมปืน และต้องมีปืนเป็นเพื่อน ไว้คอยป้องกันตัวอยู่ตลอดเวลา โดยซูโม่ตู้แสดงความคิดเห็น และให้เหตุผลว่า
ที่ต้องพกปืนเพราะสังคมไทยอันตราย ไม่น่าไว้วางใจ และอาจตายได้ทุกเมื่ออย่างไม่มีเหตุผล นั้น
.นับว่าเป็นความคิดที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
ผมยังจำได้อีก
"ซูโม่ตู้" ได้อธิบายและยกตัวอย่างถึงความไม่น่าไว้วางใจในสังคมบ้านเราว่า
.
แค่ขับรถปาดหน้ากัน หรือขับรถสวนทางกันในที่แคบๆ ไม่ได้ ก็อาจจะมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถือปืนลงจากรถมากระหน่ำยิงได้
และที่น่าสนใจอย่างมาก ก็คือ เหตุผลที่ทำให้ซูโม่ตู้ และคนในครอบครัวต้องมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับการใช้ปืน สามารถป้องกันตัวได้ทุกเมื่อ
.ก็เนื่องจากว่า ในสังคมบ้านเรา ส่วนมากแล้วปืนจะอยู่ในมือของคนชั่ว หรือโจรผู้ร้ายมากกว่าคนบริสุทธิ์นั่นเอง
ในทัศนะทั้งหมดดังที่กล่าวมาข้างต้น ผมเชื่อว่า คนไทยจำนวนมากเห็นด้วยทุกประการ เพราะคนไทยมีสิทธิตายได้ทุกเวลาอย่างไร้เหตุผล อาจจะมองหน้าใครแวบหนึ่ง หรือขับรถอยู่บนถนนดีๆ หรือนั่งอยู่บนรถเมล์ ก็อาจจะถูกยิงถูกแทงตายได้โดยไม่มีสาเหตุ ดังที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ บ่อยครั้ง ซึ่งบางเหตุการณ์ไม่น่าจะต้องมาตายฟรีๆ แต่ก็ต้องมาจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า
สังคมที่ยังมีระบบผู้มีอิทธิพล มีมาเฟีย มีการใช้เครื่องแบบมาหากินอย่างผิดๆ และการปล่อยให้คนชั่วพกปืนก๋าได้เต็มบ้านเต็มเมือง สามารถจะจิกหัวใครมายิงก็ได้
.เหมือนกับที่มันกำลังเกิดขึ้นในบ้านของเราทุกวันนี้นั้น
ผมว่า ความคิดของซูโม่ตู้ถูกต้องที่สุด และควรอย่างยิ่งผู้ที่คิดร่างกฎหมายควรนำไปพิจารณาหาหนทางแก้ไขเพื่อจะได้ปกป้องชีวิตชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ให้ปลอดภัย และจะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของคนเลวที่มีอาวุธอยู่ในมือ
จากกรณีมาเฟียตลาดโบ๊เบ๊ก็เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ในจำนวนความชั่วร้ายอีกมากมายทั้งที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยผู้บริสุทธิ์หรือชาวบ้านตาดำๆ ต้องยอมจำนนและตกเป็นเหยื่อของความชั่วร้ายอย่างน่าสงสาร เนื่องจากไม่สามารถจะพึ่งพาใครได้ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย หรือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ตาม
การที่ชาวบ้านจะหันหน้าไปพึ่งกฎหมาย หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ บางครั้งก็ไม่ต่างจากการหนีเสือปะจระเข้เท่าไหร่นัก เนื่องจากกฎหมายมันคือคำที่สวยหรูบนหน้ากระดาษเท่านั้น ไม่ได้มีความศักดิ์สิทธิ์ยุติธรรมอะไรนัก ใครมีเงินมีอิทธิพล หรือมีพรรคพวก ก็สามารถจะทำอะไรที่อยู่เหนือกฎหมายได้ และคิดว่ามันเป็นเพียงข้อความบนเศษกระดาษเท่านั้น
หรือจะหันหน้าไปพึ่งตำรวจ ก็ไม่มีหลักประกันใดเลยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นเป็นตำรวจมือสะอาด สามารถจะเป็นที่พึ่งได้จริงๆ หรือไม่ เพราะภาพพจน์ตำรวจไทยใครๆ ก็รู้ดีว่าเป็นอย่างไร และสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ระบบมาเฟียเติบโต ก็เนื่องจากมีตำรวจในคราบโจรบางกลุ่มบางพวกนั่นเองที่คอยเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ก็คือ กรณี น.ส.มณีนุช สนทนาสัมพันธ์ นักศึกษาธรรมศาสตร์ ที่เข้าร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี เพราะน้องชายถูกยิงเสียชีวิต ส่วนตัวเองและแม่ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส ที่ตลาดโบ๊เบ๊ โดยคนที่ลงมือยิงอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายท่ามกลางสายตาผู้คนจำนวนมาก กลับได้รับการประกันตัวไปอย่างสบายๆ
สำหรับเหตุผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ให้ผู้ตกเป็นผู้ต้องหาอุกฉกรรจ์ได้รับการประกันตัวอย่างง่ายดาย ก็คือ
.เพราะผู้ต้องหาได้มอบตัวโดยไม่คิดหนี และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งนั้น ฟังแล้วน่าเศร้าใจอย่างมาก
ถ้ายึดเอาแบบนี้เป็นบรรทัดฐานแล้ว อีกหน่อยถ้าใครอยากจะฆ่าใครสักคน ก็สามารถจะเดินถือปืนไปจ่อยิงได้เลย
ยิงแล้วไม่ต้องหนีให้ลำบากลำบน ให้ยืนรอมอบตัวอยู่ที่บ้านนั่นแหละ ยิ่งใครมีบ้านเป็นหลักแหล่งหลังใหญ่ๆ โตๆ ก็ยิ่งสบาย
.เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ประกันตัวอย่างทันทีทันใด เหมือนกับกรณีที่เกิดขึ้นกับ น.ส.มณีนุช สนทนาสัมพันธ์ นักศึกษาธรรมศาสตร์ ที่น้องของเธอถูกยิงตาย และเธอกับแม่ก็ถูกยิงบาดเจ็บนั่นแหละ
นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง ที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเกิดขึ้นได้ในกลางเมืองหลวงกลางวันแสกๆ โดยมีเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีกจำนวนมากมายที่เกิดขึ้นกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั่วทั้งแผ่นดิน
เพราะฉะนั้น
.แนวความคิดของคุณ "จรัสพงษ์ สุรัสวดี" หรือซู่โม่ตู้ เกี่ยวกับมีอาวุธปืนไว้ป้องกันตัว จึงน่าสนใจอย่างมากสำหรับผู้บริสุทธิ์ แทนที่จะปล่อยให้คนเลวมีสิทธิถือปืนอยู่ฝ่ายเดียว
.
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์จะต้องมีอาวุธปืนไว้ป้องกันบ้าง
อย่างน้อยๆ ครอบครัวละ 1 กระบอกก็ยังดี!
คุณ-ผู้บริสุทธิ์จะปล่อยให้คนชั่วเหนี่ยวไกปืนใส่คุณฝ่ายเดียว โดยที่คุณไม่มีสิ่งใดป้องกันชีวิตคนในครอบครัวของคุณอย่างนั้นหรือ?