
ขอบคุณค่ะ
มีเรื่องที่ฝากให้อ่านกันค่ะ ได้รับจากเพื่อนมาอีกที
******************************************************
Focusing on Problems vs. Focusing on Solutions
เรื่องที่ 1
สำหรับผมเองคิดว่าการทำแบบอเมริกาบางครั้งก็ได้ Idea
และประสบการณ์ความรู้เรื่องใหม่ๆดีเหมือนกัน
ข้อแตกต่างระหว่างการคิดแบบ Focus ที่ปัญหา และ Focus ที่ทางออก
เรื่องที่ 1 เมื่อองค์การนาซ่าได้เริ่มปล่อยจรวดเพื่อการสำรวจอวกาศ พวกเขาพบว่า
ปากกาไม่สามารถเขียนได้ที่แรงโน้มถ่วงของโลกเท่ากับ 0
(น้ำหมึกไม่สามารถไหลออกมาที่กระดาษที่ต้องการเขียนได้)
การแก้ปัญหานี้ ได้ใช้เวลาราว 10 ปีและได้ใช้เงินมูลค่า 12 ล้านดอลล่าห์ (480 ล้านบาท)
พวกเขาได้สร้างปากกาที่สามารถใช้งานได้ที่แรงโน้มถ่วงเป็นศูนย์ เขียนแบบคว่ำหรือเขียนที่ใต้น้ำได้
สามารถเขียนได้ไม่ว่าสภาพผิวเป็นเช่นไร รวมทั้ง ผิว crystal
และที่อุณหภูมิช่วงต่ำกว่าจุดเยือกแข็งจนถึงที่มากกว่า 300 องศาเซลเซียลได้
ด้วยปัญหาแบบเดียวกัน ทางรัสเซีย ใช้ ดินสอ
เรื่องที่ 2
หนึ่งในเรื่องที่นิยมใช้ในการสอนที่ประเทศญี่ปุ่น
ได้แก่ เรื่องของการเกิดปัญหาที่ว่าสบู่ที่ลูกค้าซื้อไม่มีสบู่มาด้วย
คือได้แต่กล่องเปล่าๆมา เรื่องนี้มาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในการผลิตเครื่องสำอางของญี่ปุ่น
ได้รับการร้องเรียนจากทางลูกค้าถึงปัญหาดังกล่าว ทาง
ด้านวิศวกรที่รับผิดชอบ ได้แก้ปัญหาโดยการสร้างเครื่อง X-ray
เพื่อการตรวจดูว่าภายในของกล่องสบู่มีสบู่หรือไม่ และเพื่อการนี้ก็ได้ให้คน 2
คนคอยเฝ้าที่จอเพื่อดูให้แน่ใจได้ว่าไม่มีการหลุดของกล่องที่ไม่ได้บรรจุสบู่ไป
แน่นอนว่าคน 2 คนที่ดูจอมอนิเตอร์คงไม่สนุกในการทำงานนี้เท่าไหร่
ด้วยปัญหาเดียวกัน พนักงานหน้างานที่บริษัทเล็กแห่งหนึ่ง
เขาไม่ได้แก้ปัญหาโดยการสร้างเครื่อง X-ray
แต่สิ่งที่เขาทำได้แก่ การไปซื้อพัดลมที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม
แล้วนำมาเป่าที่รางสายพานขณะที่กล่อง
สบู่วิ่งผ่าน กล่องที่ไม่ได้บรรจุสบู่เมื่อถูกลมก็จะปลิวออกนอกสายพานลำเลียงเอง
Moral
Always look for simple solutions. Devise the
simplest possible solution that solves the problems :-).
LEARN TO FOCUS ON SOLUTIONS NOT ON PROBLEMS.
**************************************************************