ลิงค์อ้างอิงครับ
http://www.komchadluek.net/news/2005/04-09/p1--8773.html ดับ เฮง นครอินทร์ ลูกเขยเจ้าของโรงแรมชื่อดังเมืองนครปฐม ขณะเข้าเจรจาทีมทวงหนี้ที่มายึดรถลูกชาย จนเกิดดวลปืนสนั่นเมือง ตร.รวบยกทีม 4 คน พบมือปืนเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรถไฟฟ้าบีทีเอส อดีตตำรวจ สภ.กิ่ง อ.บางเสาธง พร้อมตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตร.ยังไม่ปักใจเชื่อแค่เหตุยึดรถ สั่งสืบประวัติเพิ่ม เผยอาจมีเบื้องหลัง
เหตุตามทวงหนี้โหดรายนี้ ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 8 เมษายน พ.ต.ท.ปรีชา ทิมหอม สวป.สภ.อ.เมืองนครปฐม รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บริเวณหน้าโรงแรมนครอินทร์ ถ.ราชวิถี ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วสันต์ พันธุ์มณี ผกก. พ.ต.ท.วัฒนา พิมพ์อัฐ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ไชยศ มุกดาหาญ สว.สส. และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบร่างของ นายพิสิษฐ์ พาณิชย์ปฐม หรือเฮง นครอินทร์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 153/7 หมู่ 1 ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดสามระพีพัฒน์ ซึ่งทำธุรกิจรับเหมาโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมการเคหะแห่งชาติ ในพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม อีกทั้งยังเป็นบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ "ผู้นำก้าวหน้า" และเป็นลูกเขยเจ้าของโรงแรมนครอินทร์ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .357 กระสุนเข้าที่หน้าท้อง 1 นัด และต้นแขนซ้าย 1 นัด นอนจมกองเลือด เจ้าหน้าที่จึงนำร่างผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลสนามจันทร์และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ ยังพบชายหนุ่มยืนถืออาวุธปืนอยู่ใกล้ร่างผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อคือ นายไพศาล แซ่เอี้ยว อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 305/129 หมู่ 6 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. และในบริเวณเดียวกันเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมชายฉกรรจ์ได้อีก 3 คน โดยหนึ่งในนั้นเป็นผู้ลั่นไกสังหารผู้ตาย พร้อมอาวุธปืนขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก จึงยึดอาวุธปืนดังกล่าว ก่อนควบคุมตัวมาที่ สภ.อ.เมืองนครปฐม เพื่อสอบสวน
จากการสอบสวนทราบชื่อกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 คนคือ นายสมโภชน์ สมบูรณ์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127/94 หมู่ 4 ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เป็นอดีตตำรวจยศ ส.ต.ท. อยู่ที่ สภ.กิ่ง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ซึ่งภายหลังได้ออกจากราชการมาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส กทม. โดยนายสมโภชน์ยอมรับว่า เป็นผู้ใช้อาวุธปืนขนาด .357 ยิงนายพิสิษฐ์จนเสียชีวิต
ส่วน นายไพศาล ผู้ถืออาวุธปืนขนาด .38 บาเรตต้า ให้การว่า อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวเป็นของผู้ตายที่ใช้ยิงต่อสู้ และได้เก็บเอาไว้หลังผู้ตายถูกยิงล้มลง ส่วนอีก 2 คนคือ นายธานินทร์ แสงอ่อน อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82/289 หมู่ 6 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี และนายอาทิตย์ เรือนใจมั่น อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133/68 ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เพื่อนร่วมทีม
จากการสอบสวนต่อมาทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายสมโภชน์กับพวกรวม 4 คน ได้เดินทางด้วยรถกระบะยี่ห้อนิสสัน สีฟ้า 2 ตอน โดยมีนายไพศาลเป็นคนขับ มาที่บ้านของนายณัฐวุฒิ พาณิชย์ปฐม ลูกชายของผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อรถกระบะยี่ห้อนิสสัน สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน บม 5632 นครปฐม เพื่อยึดรถคันดังกล่าวเนื่องจากค้างชำระค่างวดมาหลายงวด แต่ไม่พบนายณัฐวุฒิ พบเพียงรถจอดอยู่ที่หน้าบ้านเลขที่ 57/19 ข้างโรงแรมนครอินทร์ จึงเรียกเจ้าของบ้านออกมา โดยนางสุนีย์ ชนะวงศ์ อายุ 70 ปี ซึ่งเป็นแม่ยายของผู้ตาย บอกว่าเจ้าของรถไม่อยู่ แต่นายสมโภชน์กับพวกไม่ยอม พร้อมกับขู่ว่าจะนำตัวนางสุนีย์ไปโรงพัก นางสุนีย์จึงได้โทรตามผู้ตายมาเจรจา
เมื่อผู้ตายมาถึงได้เจรจากับนายสมโภชน์จนเกิดการทะเลาะกันขึ้น ซึ่งนายสมโภชน์กับพวกได้เรียกให้รถยกมายกรถกระบะคันดังกล่าวและได้พูดจานักเลงท้าทายผู้ตาย ทำให้ผู้ตายเกิดบันดาลโทสะชักอาวุธปืนขนาด .38 ที่พกติดตัวยิงขู่ออกไป 3 นัด กระสุนปืนไปถูกรถยนต์คันอื่นที่จอดอยู่ในละแวกนั้นได้รับความเสียหายหลายคัน หลังสิ้นเสียงปืนนายสมโภชน์ได้ชักอาวุธปืนขนาด .357 ซึ่งบรรจุกระสุนหัวระเบิดที่พกติดตัวออกมายิงใส่ผู้ตาย 2 นัดจนล้มลง ทำให้อาวุธปืนกระเด็นหลุดออกจากมือของผู้ตาย นายไพศาลซึ่งเป็นคนขับรถจึงวิ่งไปหยิบปืนมาเก็บไว้ เพื่อไม่ให้ผู้ตายลุกขึ้นมายิงต่อสู้อีก ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุพอดี จึงได้ยึดอาวุธปืนพร้อมควบคุมตัวนายสมโภชน์กับพวกไว้ทั้งหมด
นายอาทิตย์ 1 ใน 4 ผู้ต้องหาให้การว่า ตนได้รับมอบอำนาจจากบริษัท เงินทุนธนชาติ จำกัด (มหาชน) ให้ดำเนินการติดตามรถกระบะคันดังกล่าวคืนจาก นายณัฐวุฒิ พาณิชย์ปฐม อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นผู้จัดการผับเพื่อชีวิต ตะวันแดงสาดแสงเดือน ตนจึงเดินทางมาพร้อมกับทีมงาน 4 คนเพื่อมายึดรถคันดังกล่าว โดยไม่คิดว่าจะเกิดการดวลปืนกัน
ด้าน นายสมโภชน์ ให้การว่า อดีตตนเคยเป็นตำรวจอยู่ที่ สภ.กิ่ง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ แต่ได้ออกมาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ระดับซี 5 และทำอาชีพเสริมด้วยการรับจ้างทวงหนี้ หรือเร่งรัดหนี้สินในทีมของนายอาทิตย์ โดยก่อนเกิดเหตุพวกตนได้มาติดตามยึดรถที่นายณัฐวุฒิเช่าซื้อไว้ แต่เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุก็พบรถกระบะคันดังกล่าวจอดอยู่ จึงเข้าไปติดต่อขอกุญแจรถคันดังกล่าว แต่ไม่มีใครยอมให้ อีกทั้งยังโทรตามผู้ตายมาเจรจาด้วย แต่การเจรจาไม่เป็นผล โดยผู้ตายไม่ยอมให้ยึดรถ ตนจึงให้รถยกที่เรียกมาแล้ว ทำการยกรถกระบะคันดังกล่าว
นายสมโภชน์ กล่าวต่อว่า ขณะรถยกกำลังยกรถกระบะขึ้นนั้น ผู้ตายได้ตะโกนบอกว่าห้ามยกเป็นอันขาด พร้อมทั้งกระชากอาวุธปืนออกมายิงใส่กลุ่มตนทั้ง 4 คน จำนวน 1 นัด ตนกับพวกก็หลบเข้าบริเวณข้างๆ รถที่จอดอยู่ จากนั้นผู้ตายก็ยิงปืนออกมาอีก 2 นัด ตนจึงชักอาวุธปืนที่พกมายิงสวนออกไป 2 นัด เป็นเหตุให้ผู้ตายล้มลง และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุพอดี
นางสุนีย์ แม่ยายของผู้ตาย เล่าว่า ขณะเกิดเหตุผู้ตายมีปากเสียงกับกลุ่มคนยิง โดยเห็นคนยิงใช้มือผลักอกผู้ตายแล้วพูดว่า กูรู้ประวัติมึงดีไอ้เฮง กูไม่กลัวมึงหรอก มึงกับกูคนละระดับกัน ผู้ตายเกิดความโมโหจึงชักอาวุธปืนยิงใส่กลุ่มของคนร้าย จากนั้นคนร้ายจึงได้ยิงปืนสวนกลับมา นัดแรกถูกที่ต้นแขนซ้าย ทำให้ผู้ตายล้มลงและอาวุธปืนหลุดออกจากมือ โดยมีหนึ่งในกลุ่มคนร้ายแย่งปืนไป ตนจึงวิ่งเข้าไปช่วยประคองผู้ตาย แต่มือยิงได้เดินถือปืนเข้ามาแล้วบอกให้ตนถอยไป ตนตกใจกลัวจึงวางผู้ตายแล้วลุกขึ้นหลบออกมา คนร้ายจึงใช้อาวุธปืนยิงซ้ำเข้าที่หน้าท้องของผู้ตายอีก 1 นัด ก่อนกลุ่มคนร้ายทั้งหมดจะช่วยกันนำร่างของผู้ตายไป ตนจึงโวยวายขึ้น ทำให้กลุ่มคนร้ายวางผู้ตายลงกับพื้น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ตำรวจมาถึงพอดี
พ.ต.ท.ไชยศ มุกดาหาญ สว.สส. กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาคนร้ายทั้ง 4 คน ร่วมกันเจตนาฆ่าผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และได้แจ้งข้อหาเพิ่มกับนายสมโภชน์ว่า มีและใช้อาวุธปืนโดยไม่มีใบอนุญาต พกพาอาวุธปืนเข้ามาในเมือง ที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ทำเรื่องคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน พร้อมกับจะตรวจสอบประวัติคนร้ายทั้งหมดต่อไป
พ.ต.อ.วสันต์ พันธุ์มณี ผกก.สภ.อ.เมืองนครปฐม กล่าวว่า การติดตามทวงหนี้หรือการยึดรถนั้น จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องพกพาอาวุธปืน เพราะเมื่อจะยึดรถแต่กลัวจะเกิดอันตราย ก็สามารถนำหลักฐานการรับมอบอำนาจมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่พร้อมหมายศาล เพื่อขอกำลังตำรวจช่วยในการติดตามยึดรถก็เรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ว่าจะใช้อำนาจเถื่อนเข้ายึดรถเอง เมื่อมีปัญหาก็ตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงกันฆ่ากัน ซึ่งเป็นเรื่องเกินกว่าเหตุ
อย่างไรก็ตาม กำลังให้ทีมสืบสวนสอบสวนตรวจสอบประวัติข้อมูลคนร้ายทั้ง 4 คนว่า การสังหารครั้งนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่ เพราะผู้ตายเองก็เป็นคนกว้างขวางใน จ.นครปฐม และมีศัตรูมากพอสมควร อีกทั้งช่วงหลังผู้ตายยังได้ประกอบธุรกิจรับเหมาด้วย ซึ่งตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่าการสังหารผู้ตายครั้งนี้ จะมาจากการติดตามยึดรถเพียงเรื่องเดียว เพราะคนร้ายบอกว่าได้ตรวจสอบและติดตามประวัติของผู้ตายมาก่อนจะยิงปืนใส่กัน ซึ่งคดีนี้อาจมีบางอย่างแอบแฝงอยู่ ซึ่งตนจะให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนติดตามหาข้อเท็จจริงต่อไป
เอาอีกแล้ว ยิงกันได้ทุกวัน น่าเบื่อจริงๆ 
ว่าแต่...เบเร็ตต้า.38เนี่ยะ หน้าตาเป็นยังไงอ่า หรือว่า.380กันแน่ 
อละลูกหัวระเบิดล่ะ หัวรูใช่เปล่าครับ แต่ที่สำคัญ...ปืนม่ายมีทะเบียนด้วย 
เฮ้อออออ
