เวปของผู้เกี่ยวข้องมีชื่อมีเสียงละเอียดดีกว่า
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 มีนาคม 2550 14:12 น.
ศาลอาญาพิพากษาคดี ภูมิธรรม ฟ้อง สนธิ โดยพิพากษาผิดจริง ลงโทษจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา ขณะที่ สนธิ ยอมรับคำพิพากษา พร้อมยื่นประกันตัว อุทธรณ์สู้คดี
วันนี้ (29 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 913 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีต รมช.คมนาคม และรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด ,นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล, นายเพชร สมุทวณิช, นายขุนทอง ลอเสรีวณิช, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, บริษัท แมแนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), นายสุวัฒน์ ทองธนากุล, นายมรุชัช รัตนปรารมย์, นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์, นายวิรัตน์ แสงทองคำ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณากรณีกล่าวหาว่าโจทก์เป็นอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ไม่เคารพสถาบันกษัตริย์และระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลเจ้าของรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ขณะที่จำเลยที่ 2 และ 3 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัทจำเลยที่ 1 โดย เมื่อที่ 25 พ.ย.48 เวลากลางคืน จำเลยที่ 1-3 ได้ร่วมกันจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 10 ที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยจำเลย ที่ 5 และน.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยมีเนื้อหารายการกมิ่นประมาทโจทก์ ถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี ของจำเลยที่ 1 และยังบันทึกเป็นวีซีดี และดีวีดีออกเผยแพร่ รวมทั้งตีพิมพ์ในหนังสือ พิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับเสาร์-อาทิตย์ 26-27 และ 28 พ.ย. 8 มีเว็บไซต์
www.manager.co.th ของจำเลยที่ 5 ซึ่งมีจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 6-10 เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา และกรรมการผู้มีอำนาจ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในทางนำสืบของโจทก์มีหลักฐานเป็นวีซีดีที่บันทึกคำพูดของจำเลยที่ 5 ไว้พร้อมถอดข้อความเอาไว้ ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่าจำเลย ทั้ง 10 ร่วมกันกระทำความผิดหรือไม่ ศาลเห็นควรพิจารณาในประเด็นที่จำเลยที่ 5 กระทำหมิ่นประมาทโจทก์ก่อน ตามหลักฐานที่ถอนเทประบุคำพูดของจำเลยที่ 5 ว่า คนอย่างคุณหากเชื่อในระบอบประชาธิปไตย คงไม่เข้าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ และข้อความว่า ไม่ได้กล่าวหาคุณ แต่ถามคุณว่ามีการโอนเงินจากผู้หญิงคนหนึ่ง ญาติ คนอ้วนๆ อ้วนๆ น่ะ ที่ผมไม่แน่ใจว่าผมรู้จักหรือเปล่า เพื่อไปจัดตั้งเว็บไซต์
www.manusaya.com ที่ประเทศสวีเดน ที่มีเนื้อหาดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ภูมิธรรมต้องรู้อยู่แก่ใจว่าใครเป็นคนทำ ถ้ารู้ช่วยบอกผมหน่อยว่าใครจะมาปิดกั้นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนได้อย่างไร คุณใช้เท้าขยี้ประชาธิปไตย ประชาธิปไตยของคุณมันแค่ 4 วินาที ศาลเห็นว่าข้อความที่จำเลยที่ 5 พูดถึงโจทก์นั้น กล่าวหาว่าโจทก์ไม่เลื่อมใสใน ระบอบประชาธิปไตย คำกล่าวเช่นนี้เป็นการเสียหายร้ายแรงต่อโจทก์ ที่ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมาเป็นเวลานาน กล่าวหาว่าโจทก์ไม่มีความเคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เป็นที่ดูหมิ่นเกลียดชังของประชาชนที่ได้รับชมการถ่ายทอดสดรายการดังกล่าวที่แพร่ภาพออกไปทั่วประเทศ และทางเว็บไซต์ ส่วนคำพูดที่ระบุถึงคนอ้วนๆ นั้น เป็นคำพูดลักษณะเล่นลิ้น ทั้งที่จำเลย ที่ 5 รู้อยู่แก่ใจว่าหมายถึงใคร เพราะโจทก์มีรูปร่างอ้วนที่หมายถึงตัวโจทก์นั่นเอง การกระทำของจำเลยที่ 5 เป็นการกระทำเป็นขั้นตอนให้ประชาชนหลงเชื่อว่าโจทก์ไม่เคารพสถาบันพระมาหากษัตริย์ และระบอบประชาธิปไตย ซึ่งจากการตรวจสอบเว็บไซต์
www.manusaya.com จากหน่วยงานของรัฐ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ หน่วยข่าวกรอง และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พบว่าเว็บดังกล่าว ไม่มีบุคคลที่อยู่ในรัฐบาลชุดที่แล้วเข้าไปเกี่ยวข้องแต่อย่างใด โดยประโยคว่า ใช้ เท้าขยี้ประชาธิปไตย ประชาธิปไตยของคุณมันแค่ 4 วินาทีนั้น ฟังได้ว่าโจทก์เอาเงินไปซื้อเสียงเพื่อให้ประชาชนเข้าคูหาในวันเลือกตั้ง โดยใช้เวลาลงคะแนนเพียง 4 วินาที การกระทำของจำเลยที่ 5 จึงเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
จำเลยที่ 5 ต่อสู้ว่าข้อความดังกล่าวเป็นการตั้งคำถาม เห็นว่าข้อความในลักษณะนี้เป็นการใส่ความโจทก์ ไม่ใช่การตั้งคำถามตามปกติทั่วไป จำเลยที่ 5 มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามฟ้อง พิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 5 ไว้เป็นเวลา 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล ที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดกับจำเลยที่ 5 ด้วยการเผยแพร่วีซีดี และดีวีดี รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ จึงพิพากษาให้ปรับเงินจำนวน 200,000 บาท และให้ทำลายวีซีดี-ดีวีดี รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ครั้ง ที่ 10 และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันฉบับวันที่ 26-27 และ 28 พ.ย.48 รวมทั้งให้โฆษณาคำพิพากษาลงในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน เป็นเวลา 3 วัน โดยให้จำเลย ที่ 1 และ 5 เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ส่วนจำเลยอื่นให้ยกฟ้อง
ภายหลัง นายสนธิ เปิดเผยว่า ยอมรับในคำพิพากษาของศาล แต่ส่วนตัวยังสงสัยในบาง ประเด็นที่ผู้พิพากษาอ้างคำพิพากษาฎีกาคดีอื่นมาพิจารณา โดยตัดพยานฝ่ายตนทิ้ง และพิจารณาเฉพาะคำพูดของตนและนายภูมิธรรมเท่านั้น เมื่อตัดพยานออกจึงกลายเป็นการหมิ่นประมาท ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่รู้สึกวิตกกังวลเพราะในชีวิตตกเป็นจำเลยและต้องขึ้นศาลมาแล้วเป็นร้อยครั้ง โดยต่อจากนี้คงต้องยื่นอุทธรณ์คดีตามกระบวนการต่อไป
ด้าน นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ กล่าวว่า วันนี้ได้ยื่นหลักทรัพย์กรมธรรม์ประกันอิสรภาพของ บ.ทิพยประกันภัย วงเงิน 100,000 บาท ในการใช้ยื่นขอปล่อยตัวนายสนธิชั่วคราว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลว่าจะอนุญาตหรือไม่