โดย ผู้จัดการออนไลน์ 10 เมษายน 2550 15:46 น.
ผลการศึกษาในสหรัฐฯ พบว่า รัฐที่อนุญาตให้ประชาชนเก็บปืนไว้ที่บ้านมีอัตราการฆ่าตัวตายของประชากรในทุกกลุ่มอายุมากกว่ารัฐที่ไม่อนุญาตให้เก็บปืนไว้ที่บ้าน
คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ศึกษาพบว่า รัฐที่ครัวเรือนมีปืนในครอบครองสูงที่สุดในประเทศ 15 รัฐ มีอัตราการฆ่าตัวตาย 2 เท่าของรัฐที่ครัวเรือนมีปืนในครอบครองต่ำที่สุดในประเทศ 6 รัฐ แม้ว่าจำนวนประชากรใกล้เคียงก็ตาม แสดงให้เห็นว่าที่ใดมีปืนมากที่นั่นมีการฆ่าตัวตายสูง ทั้งนี้ แม้ปืนเป็นอาวุธที่ผู้คนใช้ในการพยายามฆ่าตัวตายเพียงร้อยละ 5 แต่ร้อยละ 90 มักตายจริง ขณะที่คนส่วนใหญ่ราวร้อยละ 75 ใช้ยาเป็นสิ่งปลิดชีพตนเอง แต่มีไม่ถึงร้อยละ 3 ที่ตายจริง ผลการศึกษาเสนอแนะว่า การทำให้บ้านปราศจากปืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านที่มีวัยรุ่นจะช่วยป้องกันการฆ่าตัวตายได้มาก หรืออย่างน้อยควรสร้างความมั่นใจว่าครัวเรือนเก็บปืนไว้ในที่ปลอดภัย
สถิติของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ ระบุว่า การฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 11 และเมื่อปี 2547 มีชาวอเมริกันฆ่าตัวตาย 32,439 คน ในจำนวนนี้กว่าครึ่งใช้ปืนจบชีวิตตนเอง ผลการสำรวจชาวอเมริกัน 200,000 คนเมื่อปี 2544 พบว่า ครัวเรือนในสหรัฐฯ ราว 1 ใน 3 มีปืนในครอบครอง ส่วนการสำรวจล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พบว่า เหยื่อคดีฆาตกรรมในสหรัฐฯ ทุก 2 ใน 3 คนเสียชีวิตเพราะปืน
ประเด็นแรก-ผู้นำเสนอ(ผจก) เลือกที่จะนำเสนอในด้านที่ตนเองให้ความสนใจ
หรือ สอง-ผู้วิจัยเองตั้งคำถามวิจัยที่มีอคติตั้งแต่แรก
สาม-การสรุปผลการศึกษาแบบนี้เรียกว่า extend conclusion นั่นคือได้ผลแบบนึง แล้วอีกแบบนึง/ซึ่งอาจจะเป็นผลจากการมีอคติหรือมีคำตอบในใจตั้งแต่แรก
สี่-การฆ่าตัวตาย ปัจจุบันมีความสัมพันธ์กับโรคซึมเศร้าสูงมาก นั่นคือเป็นโรคทางจิตเป็นหลัก(ข้อมูลทางวิชาการจากต่างประเทศเองและมีผลการศึกษาวิจัยที่เชื่อถือได้รองรับมากมาย) ส่วนวิธีการกับโอกาสสำเร็จเป็นอีกเรื่องนึงไม่สามารถนำมาสรุปรวมกันได้(ซึ่งจะเป็นextend conclusion)
ห้า-ฝรั่งไม่ได้ทำทุกอย่างถูกเสมอไป
หก-กาลามสูตรยังไช้ได้เสมอครับ