บุกเดี่ยวชิงทองกราดอาก้าสนั่น
แต่งคล้ายทหาร กวาดไปได้ 2 ล้าน ตร.มั่นใจคนมีสี
โจรชั่วเหิมเกริมหนัก ปฏิบัติการสายฟ้าแลป เพียงเสี้ยวนาที วางแผนอำพรางตัวคล้ายทหาร สะพายอาก้าแบบพับฐาน บุกเดี่ยวชิงทองในร้านทองกลางตลาด ตอนกลางวันแสก ๆ ลงมือเ***้ยมแบบไม่พูดพร่ำทำเพลง เปิดฉากสาดกระสุนเข้าใส่ตู้โชว์ทองแตกละเอียด เสียงปืนดังกึกก้องไปไกล แล้วกวาดทองคำหนัก 180 บาท มูลค่าราว 2 ล้านบาทหลบหนี แต่เจ้าของร้านไหวตัว พยายามชักปืนยิงต่อสู้ เลยถูกโจรชั่วยิงสวนได้รับบาดเจ็บนิ้วก้อยข้างซ้ายขาดกระเด็น ขณะที่หลานชายกับหลานสาวไม่รู้อีโหน่อีเหน่ โชคร้ายไปด้วย 2 ราย ก่อนที่วายร้ายจะซิ่งปิกอัพแหกด่านหลบหนีเข้าไปในหน่วยงานทหาร หายตัวเข้ากลีบเมฆ ขณะที่ตร.มั่นใจเป็นฝีมือคนมีสี เร่งประสานงานขอตัวมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงแล้ว
คนร้ายบุกเดี่ยวกวาดทองไป 2 ล้านบาทครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 9 เม.ย. พ.ต.ท.เสน่ห์ พึ่งสาย รอง ผกก.สส. สภ.อ.วิหารแดง จ.สระบุรี รับแจ้งว่ามีคนร้ายใช้อาวุธสงคราม บุกเข้าไปปล้นร้านทองชื่อห้างทองเพชรรัตน์ ตั้งอยู่กลางตลาดอำเภอวิหารแดง เลขที่ 135 ถนนสุวรรณศร หมู่ 1 ต.วิหารแดง ห่างจาก สภ.อ.วิหารแดง ราว 500 เมตร จึงรายงานผู้ บังคับบัญชาทราบแล้วไปสอบสวนพร้อมด้วย พ.ต.อ.หัสนัย จันทรฉายะ รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี พ.ต.อ.ธนปกรณ์ นามหาชัย ผกก. สภ.อ.วิหารแดง และกำลังฝ่ายสืบสวนในพื้นที่และจาก ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่วิทยาการ
ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว 3 ชั้น 1 คูหา ด้านหน้ามีประชาชนที่ทราบเหตุยืนจับกลุ่มมุงดู อยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนที่พื้นถนนหน้าร้านมีรอยเลือดหยดเป็นหย่อม ๆ เต็มไปหมด ภายในร้าน มีนายสราวุธ รุ่งเพชรารัตน์ อายุ 33 ปี ลูกชาย เจ้าของร้านยืนตกใจหน้าตาตื่นรอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบที่พื้นหน้าตู้โชว์ทอง พบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่ 8 ปลอก หัวกระสุน 1 หัว ส่วนที่บริเวณตู้โชว์มี ร่องรอยถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงถล่มเข้าใส่กระจกบานเลื่อนแตกละเอียดกระจายเกลื่อนพื้น กระสุนทะลุไปถูกถาดใส่โชว์ไป 3 ถาด โดยคนร้ายได้หยิบสร้อยทองรูปพรรณรูปแบบต่าง ๆ ที่ห้อยแขวนอยู่ในตู้โชว์ ใส่กระเป๋าเป้สะพายที่เตรียมมาไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคว้าถาดใส่ทองที่วางไว้บนตู้โชว์ไป 1 ถาดติดมือไปด้วย นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 1 เส้น ตกอยู่ที่พื้นถนนหน้าร้าน 1 เส้น จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นนายสราวุธ ลูกชายเจ้าของร้าน ได้นำทีวีวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ไว้มาตรวจสอบ พบว่าขณะที่นายสราวุธ กำลังนั่งเฝ้าอยู่ที่หน้า ร้านเพียงลำพัง เพื่อรอจำหน่ายทองให้กับลูกค้า ตามปกติ ได้มีคนร้ายขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็กซ์ ไม่ทราบสี และไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดก่อนถึงหน้าร้านเล็กน้อย จากนั้นคนร้ายเดินลงจากรถ แต่งกายสวมหมวกไหมพรมสีดำ ใส่เสื้อชั้นในคอกลมสีขาว สวมทับด้วยเสื้อลายพรางคล้ายทหาร สวมถุงมือดำ กางเกงยีนที่คอคล้องสายห้อยสะพายอาวุธปืนอาก้าแบบพับฐานที่ไหล่ข้างขวา ส่วนไหล่ซ้ายสะพายเป้สีดำ เดินบุกเดี่ยวตรงเข้ามาผลักประตูกระจกหน้าร้าน
ขณะเดียวกันนายสราวุธ เหลือบสายตามองมาเห็นพอดี และนึกในใจขึ้นมาทันทีว่าเป็นคนร้ายจึงรีบวิ่งหลบหนีไปในบริเวณหลังร้าน จากนั้นคนร้ายได้เดินเข้ามาในร้านแล้วไม่พูดพร่ำทำเพลง ใช้อาวุธปืนอาก้าที่สะพายมากระหน่ำยิงเข้าใส่ตู้กระจกโชว์ทองจนเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว กระทั่งเสียงปืนสงบจึงกระโดดข้ามตู้โชว์ที่อยู่ข้างหน้า ใช้มือกวาดสร้อยทองในตู้โชว์ใส่เป้ ที่เตรียมมาวิ่งออกจากร้านไปทันที โดยใช้เวลาประมาณ 1 นาทีเศษ ๆ เท่านั้น จากนั้นวิ่งกลับไปขึ้นรถหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว และหลังจากนายสราวุธ หายจากการตกตะลึง จึงวิ่งไปหยิบอาวุธขนาด .38 ออกมายิงไล่หลังรถคนร้ายไปติด ๆ หลายนัด เบื้องต้นคาดว่ามีกระสุนบางนัด ถูกตัวถังรถของคนร้ายเป็นรูด้วย
นอกจากนี้ขณะเกิดเหตุนายวิรัตน์ รุ่งเพชรารัตน์ อายุ 54 ปี บิดานายสราวุธ และเป็นเจ้าของร้านที่กำลังทำธุระอยู่ที่หลังร้าน ได้ยินเสียงปืนพร้อมกับเสียงเอะอะโวยวาย จึงรีบวิ่งออกมาดูและเป็นเวลาเดียวกันที่คนร้ายกำลังจะหลบหนี จึงถูกคนร้ายยิงปืนสวนเข้าไปภายในร้าน กระสุนถูกนายวิรัตน์ได้รับบาดเจ็บที่นิ้วก้อยข้างซ้ายขาดกระเด็น รวมทั้งมีสะเก็ดเศษกระจกและเศษปูน กระเด็นไปถูกหน้าผาก ด.ญ.วิยะดา ธนาธินาคพงษ์ อายุ 7 ขวบ และ ด.ช.บวร ธนาธินาคพงษ์ อายุ 2 ขวบ สองพี่น้อง หลานชายและหลานสาวเจ้าของร้าน ได้รับบาดเจ็บที่แขนขวาไปด้วย จึงต้องรีบนำส่ง รพ.มิตรภาพเมโมเรียล จ.สระบุรี เพื่อให้แพทย์ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และแพทย์ช่วยรักษา บาดแผลจนทุกคนปลอดภัยแล้ว
จากการสอบสวนทราบด้วยว่า หลังจากคนร้ายได้ทรัพย์สินไปแล้วได้ขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอยศาลเจ้าพ่อแดง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตร แต่พบว่าเป็นซอยตันคนร้ายจึงขับรถย้อนกลับมาที่ถนนสุวรรณศรมุ่งหน้าไปเลี้ยวเข้าซอยคลองไทร อยู่เลยซอยเจ้าพ่อแดงมาเล็กน้อย แต่เนื่องจากซอยคลองไทรมีทางออกไปได้หลายทาง เจ้าหน้าที่จึงวิทยุให้พื้นที่ใกล้เคียง ช่วยสกัดจับกุม พร้อมกับส่งกำลังออกติดตามคนร้ายไปด้วยอย่างกระชั้นชิด จนกระทั่งทราบว่า คนร้ายได้ขับรถพุ่งชนแหกด่านตำรวจ ในพื้นที่ อ.บ้านนา จ.นครนายก หลบหนีไปทางน้ำตก กระอาง ก่อนหายเข้าไปในเขตทหารแห่งหนึ่งในเขต จ.นครนายก เจ้าหน้าที่จึงประสานข้อมูล ตรวจสอบรถโตโยต้าที่มีลักษณะและรุ่นใกล้เคียงกันมาตรวจสอบเพื่อหาเบาะแสไว้ใช้ติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีแล้ว และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทองในครั้งนี้ไปได้ คิดเป็นน้ำหนักทองประมาณ 180 บาท มูลค่าราว 2 ล้านบาท
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า คนร้ายรายนี้น่าจะเป็นคนกลุ่มมีสี เนื่องจากมีความสามารถในการใช้อาวุธสงครามอย่างคล่องแคล่ว และน่าจะเป็นคนในพื้นที่ เนื่องจากรู้เส้นทางเข้า-ออกและเส้นทางหลบหนีเป็นอย่างดี อีกทั้งอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุชนิดนี้มีใช้ในวงการข้าราชการเท่านั้น รวมทั้งการแต่งกายของคนร้ายมีลักษณะคล้ายชุดข้าราชการทหารอีกด้วย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่กำลังประสานไปยังหน่วยงานทหารแห่งเดียวกันนั้นเพื่อตรวจสอบว่ามีผู้ใดอยู่ในข่ายต้องสงสัยหรือไม่ เพื่อติดตามมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป.
จากเดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=123638&NewsType=1&Template=1