คลั่งรัวกระสุนมหาวิทยาลัยดัง ดับ 32 ศพบาดเจ็บอีกกว่า 20
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อเวลา 07.15 น. วันที่ 16 เม.ย. ตามเวลาในท้องถิ่น ได้เกิดเหตุยิงกันในมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยคนร้ายไม่ทราบชื่อได้สาดกระสุนแบบไร้ทิศทางกราดยิงเข้าไปภายในมหาวิทยาลัยดังกล่าว โดยเบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ศพ และบาดเจ็บ 20 คน เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นหนึ่งในการสังหารหมู่ในรั้วสถาบันศึกษาที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ มีตัวเลขผู้เสียชีวิตมากกว่าเหตุการณ์สังหารหมู่ที่โรงเรียนโคลัมไบน์ เมืองลิตเติลร็อค รัฐโคโลราโด เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2542 ที่ผ่านมา โดยครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 15 ศพ นอกจากนี้ เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนวันครบรอบ 8 ปี ของเหตุการณ์สังหารหมู่ที่โรงเรียนโคลัมไบน์เพียงไม่กี่วันเท่านั้น
จากคำให้การของพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ เผยว่า เสียงปืนชุดแรกดังกัมปนาทสนั่นหวั่นไหวภายในหอพักนักศึกษาหญิงของมหาวิทยาลัย จากนั้นอีกประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มีเสียงปืนชุดสองตามมาในอาคารอีกหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นตึกวิศวกรรม ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุทางมหาวิทยาลัยได้ปิดทำการทันที พร้อมกับยกเลิกการเรียนการสอนทั้งหมด ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับไล่ติดตามจับกุมคนร้าย อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นหลายฝ่ายยังไม่สามารถสรุปสาเหตุว่าเกิดจากอะไร อีกทั้งยังไม่ทราบว่าคนร้ายเป็นใครและจุดประสงค์ของคนร้าย
น.ส.เอมี คาโนด นักศึกษาปี 1 จากเมืองมาร์ตินสวิลล์ เปิดเผยว่า ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นที่ชั้น 4 ของหอพักหญิงเวสต์ แอมเบลอร์ จอห์นสตัน ซึ่งเป็นหอพักเดียวกับที่ น.ส.เอมีพักอยู่ แต่อยู่คนละชั้น จากนั้นผู้ช่วยดูแลหอพักได้มาเคาะประตูห้องแจ้งให้นักศึกษาทราบเพื่อให้ทุกคนล็อกประตู จากนั้นกลุ่มนักศึกษาได้เปิดอินเตอร์เน็ตเพื่อตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น
ขณะที่ น.ส.เอมี สตีลี บรรณาธิการ นสพ.มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นว่า ช่วงเกิดเหตุได้บอกให้นักศึกษาทุกคนทราบว่าเกิดยิงกันขึ้น และขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ อย่างไรก็ตาม หลังทราบข่าวก็ได้เกิดความสับสนอลหม่านขึ้นภายในหมู่นักศึกษา เนื่องจากทุกคนพากันตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์สยองที่เกิดขึ้น
ด้านนายเวนเดลล์ ฟลินชัม หัวหน้าตำรวจเวอร์จิเนีย เทค กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่าคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้มีเพียงคนเดียวและได้เสียชีวิตแล้ว แต่นายฟลินชัมไม่ได้เปิดเผยว่าคนร้ายได้ชิงฆ่าตัวตายหรือถูกยิงเสียชีวิต ส่วนนักศึกษาถูกยิงเสียชีวิตในหอพัก 1 ศพ และในห้องเรียนอีกจำนวนหนึ่ง
ส่วนนายชาร์ลส์ สเตเจอร์ ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัย ดังกล่าว เปิดเผยระหว่างแถลงข่าวภายหลังเกิดเหตุคนร้ายยิงกระหน่ำเข้าไปภายในมหาวิทยาลัยไม่กี่ชั่วโมง โดยกล่าวประณามว่าเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ทางมหา วิทยาลัยรู้สึกช็อกและตกใจเป็นอย่างมากที่เหตุการณ์น่าสยดสยองเกิดขึ้นกับทางมหาวิทยาลัย
ขณะเดียวกัน ในส่วนของทำเนียบขาวนั้นมีการเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช ของสหรัฐฯ ได้ทราบข่าวเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยดังกล่าวแล้วและรู้สึกตกใจมาก เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ สะเทือนขวัญที่มีผู้เสียชีวิตถึงอย่างน้อย 20 ศพ พร้อมทั้งได้แสดงความห่วงใยไปยังครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายด้วย อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนยังไม่พบหลักฐานการก่อการร้ายแต่อย่างใด
สำหรับมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค ตั้งอยู่ ในเมืองแบล็กสเบิร์ก ห่างจากกรุงวอชิงตัน 390 กม. โดยมีนักศึกษาทั้งหมดจำนวน 25,000 คน เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบไม่ถึง 1 ปี ที่เกิดเหตุยิงกันในมหาวิทยาลัยจนกระทั่งต้องปิดการเรียนการสอน ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเดือน ส.ค. 2549 เป็นวันเปิดภาคเรียน โดยคนร้ายเป็นนักโทษแหกคุกได้ฆ่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโรงพยาบาลหน้ามหาวิทยาลัย และได้หนีเข้าไปภายในมหาวิทยาลัยพร้อมกับยิงผู้ช่วยนายอำเภอเสียชีวิตใกล้กับมหาวิทยาลัย ก่อนมีการจับกุมคนร้ายไว้ได้ นอกจากนี้ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ วอร์จิเนีย เทค ได้ประกาศตั้งรางวัลจำนวน 5,000 ดอลลาร์ แก่ผู้แจ้งเบาะแสให้ข้อมูลนำจับกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังแกล้งขู่วางระเบิดที่มหาวิทยาลัยระหว่างวันที่ 2-13 เม.ย. ที่ผ่านมาด้วย จนกระทั่งมาเกิดเหตุสยองซ้ำอีกครั้ง ทั้งนี้ล่าสุดสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 32 ศพแล้ว ขณะที่เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค ยืนยันมีผู้เสียชีวิต 22 ศพ โดย 1 ในนั้นมีคนร้ายรวมอยู่ด้วย
ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ