Glock 19 เป็นอาวุธสังหาร ที่เวอร์จีเนีย

[686]

ที่อื่นผมไม่ทราบแต่ที่ SC , CA , NC ,GA นักเรียนต่างชาติเข้าไปซื้อมีสิทธิ์ได้คุยกะตำรวจ หรือ INS 

ที่รัฐเนวาด้า นักเรียนก็ซื้อไม่ได้ครับ ผมยังเคยโทรเรียกตำรวจมาจับคนที่พยายามจะซื้อปืนเลย โทรปุ๊บ แค่ไม่ถึงห้านาที มาเลย
จับไส่กุญแจมือ....เข้าคุกโลด

แต่ที่ โอกลาโฮม่า ซื้อได้แน่ ๆ ครับ นาย สมชาย ฮา เป็นพยานได้ครับ แต่ตอนก่อนที่ผมจะย้ายมา CA ที่โอกลา ร้าน ใหญ่ ๆ เริ่มเข้มงวดกับนักศึกษาต่างชาติ แต่ร้านเล็ก ๆ ยังซื้อได้อยู่ แถมราคายังถูกกว่าที่ CA ด้วยครับ อย่าง กล๊อก 17 ราคา $400 เอง

ที่รัฐเนวาด้า นักเรียนก็ซื้อไม่ได้ครับ ผมยังเคยโทรเรียกตำรวจมาจับคนที่พยายามจะซื้อปืนเลย โทรปุ๊บ แค่ไม่ถึงห้านาที มาเลย
จับไส่กุญแจมือ....เข้าคุกโลด

รบกวนเรียนถามเพิ่มครับ

แล้วนักเรียนถ้าเข้าร้านปืน ไปซื้ออุปกรณ์อย่างอื่น เช่น กล้องเล็ง นี่จะผิดไหมครับ ถือ Visa นักเรียน

คือหลานผมไปซัมเมอร์ที่ ลาสเวกัส นะครับ ก็เลยฝากให้ดูกล้อง leupold ที่โน่น ถ้าไม่ได้ จะได้รีบเมล์ไปบอก

อุปกรณ์ ประกอบที่ไม่ไช่โครงปืน ซื้อได้อย่างเสรีครับ ไม่ต้องตรวจ ลำกล้องปืน, สไลด์, ชุดลั่นไก, รวมถึง ชุด Conversion kit ก็ซื้อได้โดยไม่ต้องตรวจบัตร

[USP40]

แล้วนักเรียนถ้าเข้าร้านปืน ไปซื้ออุปกรณ์อย่างอื่น เช่น กล้องเล็ง นี่จะผิดไหมครับ

ซื้อได้ครับ

[USP40]

แต่ที่ โอกลาโฮม่า ซื้อได้แน่ ๆ ครับ นาย สมชาย ฮา เป็นพยานได้ครับ แต่ตอนก่อนที่ผมจะย้ายมา CA ที่โอกลา ร้าน ใหญ่ ๆ เริ่มเข้มงวดกับนักศึกษาต่างชาติ แต่ร้านเล็ก ๆ ยังซื้อได้อยู่ แถมราคายังถูกกว่าที่ CA ด้วยครับ อย่าง กล๊อก 17 ราคา $400 เอง

ผมเชื่อว่าซื้อได้ครับ  มันเป็นช่องโหว่ของกฏหมาย  จะว่าถูกไหมก็ไม่ถูก  จะว่าผิดไหมก็ไม่ผิดครับ  ที่จริงแล้วเป็นหน้าที่ของร้านปืนที่ต้องถาม แต่อาจจะเป็นเพราะต้องการจะขาย หรือไม่สนใจ หรือแกล้งโง่  ตอนกรอกใบ Form 4473 เค้าก็ถามอยู่แล้วว่าเป็น ซิติเซ่น หรือป่าว มีใบเขียวหรือป่าว  ถ้าตอบว่าไม่ใช่ซิติเซ่นก็ต้อง แสดงใบเขียวให้ดู     ลองดูที่นี่ http://www.titleii.com/pdf/4473.pdf หน้าแรกข้อ 11 ข้อ 13 และหน้า 3 ข้อ 6 exception 2
หมายถึงเจาะจงมาล่าสัตว์ หรือเป็นหน่วยงานของราชการ  ซึ่งก็จะเห็นได้ว่า   จะว่าถูกไหมก็ไม่ถูก  จะว่าผิดไหมก็ไม่ผิด   เป็นช่องโหว่ของกฏหมาย  ซื้อไปแล้วไม่มีเรื่องก็แล้วไป  ถ้าเกิดไปใช้เป็นเรื่องเปนราวขึ้นมา  ก็อาจจะยุ่งได้    ได้มีการกล่าวถึง  ช่องโหว่ของกฏหมายนี้แล้ว  ในอนาคตคงซื้อไม่ได้อีก  

[Cheetah "รักในหลวง"]

ขอบคุณทุกท่านๆ มากครับ ที่ให้ความกระจ่าง

[686]

เมื่อคืน ดูช่อง 9 ชีพจรโลก เห็นบอกว่า ที่ CA ซื้อปืนได้ง่ายกว่า รัฐอื่น ๆ แสดงว่า คงมีใครให้ข้อมูลผิดพลาด เพราะ จริง ๆ แล้ว เวลาซื้อปืนพกที่ CA ต้องต้องสอบข้อเขียนให้ผ่านก่อน ถ้าสอบความรู้เรื่องอาวุธปืน ถ้าไม่ผ่านก็ต้องเข้าไปนั่งดู วีดีโอ แล้วถึงซื้อได้ เมื่อจ่ายเงินแล้วก็ต้องรออีก 10 วันถึงจะรับปืนได้ และ ซื้อได้ครั้งละ 1 กระบอกเท่านั้น เมื่อซื้อแล้ว ก็ต้องรออีก 30 วันถึงจะสามารถซื้ออีกกระบอกได้ แถมปืนยังแพงกว่าที่ โอกลาโฮม่า เกือบเท่าตัวอีกด้วย

ส่วนเรื่องปืนเถื่อนที่เป็นปัญหาในเมืองไทยเป็นเพราะ การเข้าถึง ปืนพก ถูกกฎหมายเป็นไปได้ยาก และ ยังแพงกว่าปืนเถื่อนหลายเท่าตัว ทำให้ประชาชนที่ต้องการมีปืนพกใว้ป้องกันตัวทำได้ยาก ไม่นับปืนยาว เพราะ ราคาแพงกว่าที่อเมริกา เท่าตัว ส่วนปืนพกแพงกว่า อเมริกา 3 - 4 เท่าตัว

[Zeus-รักในหลวง]

อย่าโทษปืนเลยครับ คนที่ใช้ต่างหากครับ
ปล.ผมละอึ่งกับการยิงของหมอนี้อยู่เหมื่อนกัน เบ็ดเสร็จคำนวนจำนวนกระสุน/คนที่ถูกยิง(เจ็บและตาย) คือใช้กระสุนประมาณ 5-6 นัด/การยิง 1 คน และติดใจคำตอบพีทัดมาลาครับ เอาง่าย ๆ คนร้อยโผลมาพร้อมกับยิงปืน ทุกคนก้มหมอบลงกับพื้น คนร้ายเลือกยิงเอาตามสบาย คงไม่มีใครเอามือเปล่าสู้กับปืน คิดมุมกลับถ้าในที่นั้นมีคนใช้ปืนเป็นเอาอย่างไม่แม่นสุด ๆ แต่ยิงเคยหัดยิงปืน เท่าที่เคยที่ยังเรียนอยู่ก็เจ้าบาร์ท เนี่ย(โทษที่นะน้องนะที่เอยนาม) ให้มีปืนเป็นโครง J ของสมิธฯลำกล้องสั้น ด้วยอะ กระสุนเป็นขนาด .22 LR ด้วยเอา และมีแค่ 6 นัด ผมว่ามือปืนไม่น่ามีโอกาสได้ยิงใครอีก แน่นอนครับ (เพราะถ้านายบาร์ทยิงไม่โดน นายบาร์ทคนเดียวคงโดนมือปืนยิงชนิดหมดกระสุนที่เตรียมมาแน่ ๆ 555+ ล้อเล่นครับ)

[Don Quixote]

ตอนนี้สื่อมั่วมากๆ ครับ โดยเฉพาะสื่อที่หน้ามือต่ต้านปืน ขนาด The Economist เรื่องหน้าปก ยังมั่วแบบโหยหวนว่า

"ประเทศอื่นๆ ในโลกนี้เขาให้แต่เจ้าหน้าที่เท่านั้นที่มีปืน กล๊อก19 ซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงมากๆ แต่เมกาซื้อได้ง่ายๆ ถ้านายฆาตกรไม่มีปืนร้ายแรงขนาดนี้จะฆ่าคนได้ไม่มาก หรือฆ่าใครสักคนก็ไม่ได้"

เพ้อเจ้อเสียสติมาก กลายเป็นนิตยสารชั้นห่วยๆ

[ธำรง]

ผมว่า “พื้นที่ปลอดอาวุธ” นี่แหละตัวร้าย ถ้ามันไม่ใช่พื้นที่ที่ควบคุมได้จริง
เพราะเมื่อคนประสงค์ร้ายเอาอาวุธเข้าไปก็จะมีอำนาจทำลายล้างสูงกว่าคนอื่นมาก
เหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เกิดในพื้นที่แบบนี้ทุกที

ไปสถานที่ที่ปลอดอาวุธทีไร ..... อดความกังขาความระแวงไม่ได้

แถมที่ไหนบ้าจี้เก็บ/จำกัดอาวุธอีก ...... ก็เหมือนมัดมือ..... ไว้รอคนบ้า/รอโจร  :

[686]

ตอนนี้สื่อมั่วมากๆ ครับ โดยเฉพาะสื่อที่หน้ามือต่ต้านปืน ขนาด The Economist เรื่องหน้าปก ยังมั่วแบบโหยหวนว่า

"ประเทศอื่นๆ ในโลกนี้เขาให้แต่เจ้าหน้าที่เท่านั้นที่มีปืน กล๊อก19 ซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงมากๆ แต่เมกาซื้อได้ง่ายๆ ถ้านายฆาตกรไม่มีปืนร้ายแรงขนาดนี้จะฆ่าคนได้ไม่มาก หรือฆ่าใครสักคนก็ไม่ได้"

เพ้อเจ้อเสียสติมาก กลายเป็นนิตยสารชั้นห่วยๆ

ปืน กล๊อก 19 ไม่ได้เป็นปืนที่มีอนุภาพร้ายแรงมากมายอะไรหรอกครับ แค่เป็นปืนที่มีความเชื่อถือได้สูง, มีความแม่นยำสูง, บรรจุกระสุนได้มาก, น้ำหนักเบา และ หาแม๊กกาซีนสำรองได้ง่าย เมื่อเทียบกับปืนยี่ห้ออื่นในขนาด 9 มม. ด้วยกัน

ผมว่า “พื้นที่ปลอดอาวุธ” นี่แหละตัวร้าย ถ้ามันไม่ใช่พื้นที่ที่ควบคุมได้จริง
เพราะเมื่อคนประสงค์ร้ายเอาอาวุธเข้าไปก็จะมีอำนาจทำลายล้างสูงกว่าคนอื่นมาก
เหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เกิดในพื้นที่แบบนี้ทุกที

ไปสถานที่ที่ปลอดอาวุธทีไร ..... อดความกังขาความระแวงไม่ได้

แถมที่ไหนบ้าจี้เก็บ/จำกัดอาวุธอีก ...... ก็เหมือนมัดมือ..... ไว้รอคนบ้า/รอโจร :

คงต้องยกเว้น อังกฤษ กับ ญี่ปุ่น ที่เป็นประเทศที่เจริญแล้ว และ เป็น เกาะ ไม่มีพรมแดนติดกับประเทศอื่นใว้มั๊งครับ อ้อ แล้วก็ประเทศ จีน ที่ทางการเข้มแข็งใว้เป็นข้อยกเว้น

มุมมองของรายการ ชีพจรโลก เป็นการมองอย่างคนนอก ที่ค่อนข้างไม่เห็นด้วยกับการครอบครองอาวุธปืน อาจเป็นเพราะ ไม่เข้าใจสังคม อเมริกัน อย่างถ่องแท้ก็เป็นได้ เพราะ อเมริกา แบ่งออกเป็น 50 รัฐ จะเหมารวมกันว่า ทั้งประเทศเป็นอย่างเดียวกันหมด ก็ไม่ได้ การวิเคราะห์ ก็คงทำได้แต่ข้อมูลที่ได้จากทางสื่อต่าง ๆ ซึ่ง สื่อในแตละรัฐก็ยังวิเคราะห์ได้ไม่เหมือนกันเลย

[Don Quixote]

ตั้งแต่ปี 1996 อังกฤษห้ามชาวบ้านมีปืนพกยกเว้นปืนดินดำบรรจุปาก และให้ต่อใบอนุญาตมีปืนยาวเป้นระยะ

อาชญากรรมรุนแรงทั้งที่ใช้ปืนและไม่ใช้ปืนสูงขึ้นมากๆ ปืนเถื่อนถูกมากแค่ 200-300 ปอนด์ (ในเมืองที่ไอติมแท่งวอลล์ แมกนั่มราคา 1.89 ปอนด์เมื่อ 10 ปีก่อน)

ที่จริงตอนยึกปืนพก ชาวบ้านอังกฤษดันทำปืนพกหายไปแสนกว่ากระบอกซะอีก

บัดนี้นักการเมืองก็ไม่กล้ากลืนน้ำลายตัวเอง โหมโฆษณาว่าการห้ามประชาชนมีปืนนั้นช่วยลดอาชญากรรม

[686]

กรุง ลอนดอน เป็นเมืองที่มีโทรทัศน์วงจรปิดมากที่สุดในโลกครับ ที่นั่นทุกมุมตึกจะติดตั้งกล้องวงจรปิดอย่างน้อย 1 ตัว และที่สำคัญ ถนนทุกสายที่เข้า และ ออกจากลอนดอน จะมีกล้องวงจรปิดเป็นระยะ ๆ เริ่มตั้งแต่สมัย IRA ยังไม่สงบศึกกับ รัฐบาลอังกฤษ ชีวิตใน ลอนดอน ไม่น่าอยู่เลยครับ เพราะ คุณจะไม่รู้เลยว่า เวลาที่คุณออกนอกบ้านจะมีใครจ้องมองอยู่หรือไม่ เป็นการจำกัดเสรีภาพอย่างหนึ่ง  และ อีกอย่างคือ รถยนต์ ทุกชนิดที่เดินทางเข้า ลอนดอน ในวัน ธรรมดาต้องเสียเงินค่าผ่านทางไม่ว่าจะเป็นทางด่วน หรือ ถนนสายเล็กก็ตาม เป็นการลดปัญหาการจราจรอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ใน ลอนดอนหรือไม่ก็ตาม

โทรทัศน์วงจรปิดมีประโยชน์หากใช้ในทางแก้ปัญหาจราจร และ ป้องกันอาชญากรรม แต่หากนำมาควบคุมเสรีภาพของประชาชนให้ระแวงความเป็นส่วนตัวแล้วหล่ะก็ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง

 

[lobo]

ความคืบหน้าครับ ดูข่าวเมื่อวานเย็น ตำรวจตรวจสอบแล้ว สรุปว่า นายโช ใช้กระสุนไปประมาณ 170 นัด ในเวลา 9+- นาที ตกนาทีละ 19 นัด (18. ผมว่า อย่างนี้ไม่เกี่ยวกับแม่นไม่แม่นแล้วครับ อย่างนี้สาดอย่างเดียว โหลดกระสุน แล้วสาดอีก แล้วคงเตรียมแม๊กสำรองมาพอสมควร  แต่ข่าวดีหน่อยก็คือ บุชเองออกมาบอกว่า ไม่มีความจำเป็นต้องปรับปรุง กม.เกี่ยวกับอาวุธปืนในตอนนี้ ซึ่งผมว่าประเด็นจริงๆ ไม่น่าจะเกี่ยวกับตัวอาวุธเอง น่าจะอยู่ที่ผู้ใช้มากกว่า
   การขอมีและใช้อาวุธในประเทศที่ผมอยู่ (ไม่ใช่อเมริกา) ค่อนข้างจะแตกต่างจากบ้านเรา แต่ขั้นตอนเร็วกว่ามาก จะว่ายากก็ยาก จะง่ายก็ง่าย คืออยากซื้อปืนก็ไปที่ร้านปืน เลือกปืนเสร็จยังไม่ต้องจ่ายอะไรทั้งนั้น ทางร้านจะออกใบสั่งซื้อให้ แล้วเราเอาใบสั่งซื้อไปที่สำนักงานของตำรวจในท้องที่นั้นๆ เพื่อขอสอบความรู้เกี่ยวกับอาวุธปืน ก็จะมีข้อสอบมาให้เราทำ พร้อมกับตรวจสอบประวัติของเรา แต่ข้อสอบเอาจริงครับ ไม่มีใต้โต๊ะ ไม่ผ่านก็ไม่ผ่าน ต้องไปสอบใหม่ หากสอบผ่านก็ได้ใบรับรองจากตำรวจ ก็เอากลับไปให้ร้านค้า จ่ายตังค์ แล้วกลับบ้าน ที่เหลือร้านจะทำเอกสารทั้งหมดให้เราเอง ไม่ต้องมีใครมารับรองความประพฤติให้ใคร เสร็จเรื่องก็ส่งปืนไปให้ จบข่าว ทุกท่านว่าขั้นตอนแบบนี้เป็นยังไงบ้างครับ ดีกว่าหรือแย่กว่าของเรา

[CyberMan]

วันก่อนผมได้รับอีเมลจากสถานฑูตครับ แจ้งเตือนนักเรียนไทยไม่ให้เข้าไปสอบถาม แสดงความสนใจ หรือยุ่งเกี่ยวกับอาวุธทุกประเภท
ที่จริงผมก็อยู่รัฐที่ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องปืนมากอยู่แล้ว เป็นว่าตอนนี้ทำอะไรก็ต้องระวังมากขึ้น เพราะขณะนี้มีการจับตาเรื่องนี้เป็นพิเศษ
เสื้อโลโก้ Glock ผมก็ไม่กล้าใส่แล้วครับ เวลาดูเวบเกี่ยวกับปืนก็ต้องไม่ให้คนเห็น เดี๋ยวเป็นที่ต้องสงสัย.. เฮ้อ

[Don Quixote]

ความคืบหน้าครับ ดูข่าวเมื่อวานเย็น ตำรวจตรวจสอบแล้ว สรุปว่า นายโช ใช้กระสุนไปประมาณ 170 นัด ในเวลา 9+- นาที ตกนาทีละ 19 นัด (18. ผมว่า อย่างนี้ไม่เกี่ยวกับแม่นไม่แม่นแล้วครับ อย่างนี้สาดอย่างเดียว โหลดกระสุน แล้วสาดอีก แล้วคงเตรียมแม๊กสำรองมาพอสมควร  แต่ข่าวดีหน่อยก็คือ บุชเองออกมาบอกว่า ไม่มีความจำเป็นต้องปรับปรุง กม.เกี่ยวกับอาวุธปืนในตอนนี้ ซึ่งผมว่าประเด็นจริงๆ ไม่น่าจะเกี่ยวกับตัวอาวุธเอง น่าจะอยู่ที่ผู้ใช้มากกว่า
   การขอมีและใช้อาวุธในประเทศที่ผมอยู่ (ไม่ใช่อเมริกา) ค่อนข้างจะแตกต่างจากบ้านเรา แต่ขั้นตอนเร็วกว่ามาก จะว่ายากก็ยาก จะง่ายก็ง่าย คืออยากซื้อปืนก็ไปที่ร้านปืน เลือกปืนเสร็จยังไม่ต้องจ่ายอะไรทั้งนั้น ทางร้านจะออกใบสั่งซื้อให้ แล้วเราเอาใบสั่งซื้อไปที่สำนักงานของตำรวจในท้องที่นั้นๆ เพื่อขอสอบความรู้เกี่ยวกับอาวุธปืน ก็จะมีข้อสอบมาให้เราทำ พร้อมกับตรวจสอบประวัติของเรา แต่ข้อสอบเอาจริงครับ ไม่มีใต้โต๊ะ ไม่ผ่านก็ไม่ผ่าน ต้องไปสอบใหม่ หากสอบผ่านก็ได้ใบรับรองจากตำรวจ ก็เอากลับไปให้ร้านค้า จ่ายตังค์ แล้วกลับบ้าน ที่เหลือร้านจะทำเอกสารทั้งหมดให้เราเอง ไม่ต้องมีใครมารับรองความประพฤติให้ใคร เสร็จเรื่องก็ส่งปืนไปให้ จบข่าว ทุกท่านว่าขั้นตอนแบบนี้เป็นยังไงบ้างครับ ดีกว่าหรือแย่กว่าของเรา

****

ผมว่าขั้นตอน "ซื้อ" แบบนี้ดีกว่าบ้านเรามากครับ แต่เรื่องอื่นขอให้สิทฺธิด้วยครับ เข่น

1. เอาปืนกลับไปเก็บที่บ้านได้ (สิงค์โปร์ก็ซื้อได้ แต่ให้เก็บที่สนาม)
2. ไม่จำกัดจำนวนปืนส่วนตัว
3. ไม่จำกัดขนาด/แบบ จนเกินไป
4. สิทธิการพกพาของพลเมืองดี
5. สิทธิการซื้อกระสุน/อุปกรณ์เสริม