เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
กันยายน 13, 2025, 10:31:39 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สงสัยเรื่องการล้างปืนครั้งใหญ่  (อ่าน 7379 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jakrit97 - รักในหลวง -
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 164
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5466


Dead boy can't shoot!


« ตอบ #15 เมื่อ: เมษายน 23, 2007, 01:43:01 PM »

รุ่นนี้ผมเคยถอด .45 เรมิงตัน แล้วประกอบกลับได้แบบฝืน ๆ และพบว่าปืนไม่ทำงาน ง้างนกไม่ได้ ... ถอดใหม่ ขยับแหนบ ๓ ชายให้ถูก คราวนี้ประกอบกลับได้ง่าย ๆ ไม่ต้องฝืน และยังใช้งานได้ด้วย ...

ถ้าไม่มั่นใจเรื่องการถอด ใช้น้ำมันที่เป็นสเปรย์ ต่อหลอด ฉีดข้างใน แล้วใช้ลมเป่าไล่คราบออกก็น่าจะเพียงพอครับ Grin Grin
บันทึกการเข้า

สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12903



« ตอบ #16 เมื่อ: เมษายน 23, 2007, 01:45:14 PM »

ผมถอดทุก ๆ พันนัด
ยกเว้นปืนบางแบบ   เช่นบราวนิง BDM ถอดง่าย แต่ตอนใส่ชิ้นส่วนในโครงปืนกลับต้องใช้เครื่องมือพิเศษ
บันทึกการเข้า
Choltit
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 143
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16292



« ตอบ #17 เมื่อ: เมษายน 23, 2007, 01:50:32 PM »

อย่าลืมก้างมุ้งนะครับ Grin

ถ้ากางมุ้งก็คงไม่ได้รื้อแน่ครับ ถอดอย่างเดียว Grin Grin Grin

ที่ว่ากางมุ้ง เอาไว้กันชิ้นส่วนเด้งหลุดหายครับ
อย่าเพิ่งคิดเป็นอื่น
บันทึกการเข้า

yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #18 เมื่อ: เมษายน 23, 2007, 02:22:00 PM »

http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=22316.0


วิธีส่วนตัวของผมเอง ซึ่งอาจไม่เหมือนใครก็ได้ แต่สำหรับท่านที่ยังไม่ทราบ การถอดของผมนี้ จะเป็นการถนอมของรักของท่านให้อยู่กับท่านไปตราบนานเท่านาน ในสภาพสวยเหมือนเดิม มีริ้วรอย น้อยที่สุดครับ การเขียนของผมก็ไม่เป็นวิชาการ แต่เป็นการคุยกันไป เล่าเรื่องกันไป ถอดกันไป อ่านแบบเพลินๆ ไม่ต้องจริงจังครับ เอาแต่เริ่มแรกเลย
1 เมื่อหยิบปืนขึ้นมา เราจะไม่เห็นเลยว่ามีลูกในรังเพลิงหรือไม่ สำหรับ 1911 แบบโบราณ เพราะจะไม่มีช่องผ่าที่ท้ายลำกล้องให้ดูว่า มีสีทองเหลืองอยู่หรือไม่ อย่าเอานิ้วเข้าโกร่งไกอย่างเด็ดขาด แม้ว่านกจะไม่ได้ง้างก็ตาม(ฝึกให้เป็นนิสัยครับ วันหลังจับปืนใครเขาจะได้ชมว่า ท่านมีกฎกติกามารยาท ในการเล่นปืนอย่างแท้จริง )
2.ใช้มือขวาถือปืน หันปากกระบอกปืนไปทางซ้าย (ที่ไม่มีคนอยู่ เป็นทิศทางที่ปลอดภัย) เอานิ้วโป้งขวา กดปุ่มปลดแม็กกาซีน เอามือซ้าย มารองที่ส้นด้ามปืนไว้ เพื่อกันแม็กกาซีนพุ่งกระเด็นตกพื้น ทำให้แม็กกาซีน ราคาหลายพันบาทของท่านเสียหายได้ เพราะ 1911 ทุกรุ่น ปลดแม็กกาซีนแล้ว มันจะพุ่งออกมาเหมือนจรวดเลย ไม่เหมือนปืนออโต้บางยี่ห้อ กดแล้วต้องเอามือลากออกมา
........ที่เขียนแบบนี้ บางท่านอ่านแล้วอาจหาว่า กระผม เสียสติไปหรือไม่ ถอดแม็กกาซีนแค่นี้ มาเขียนให้เปลืองพื้นที่ทำไม ......ให้ตายเถอะครับ  กระผมเคยไปเที่ยวที่จังหวัดชุมพร คนจังหวัดนี้ ไม่ธรรมดา เห็นแต่ตัวแบบชาวบ้าน สวมรองเท้าแตะก็เถอะ เป็นเศษรฐีนะครับ แต่เขาไม่ชอบแต่งตัวหรูหราเหมือนคนกรุงฯเท่านั้นเอง ควักปืนออกมา โคลท์ มาร์คโฟร์ ซีรีส์ 80 แสตนเลสขอรับ ผมยังต้องหลบเลย........ตอนขวักปืนออกมา ก็เท่ห์ดีหรอกครับ แต่ตอนปลด และ ใส่แม็กกาซีนนี่ซิครับ ผมแทบเป็นลม พี่แก ใช้ปากกระบอกทิ่มลงไว้กับโต๊ะยิงปืน หันด้ามปืนเข้าหาตัวเอง แล้วใช้นิ้วโป้งกดปุ่มแม็กฯ ใครไม่เชื่อ ลองทำตามดูว่า มันทุลักทุเล แค่ไหน
3.พอถอดแม็กกาซีนออกเสร็จ วางแม็กกาซีนไว้ เอามือขวาจับปืน แล้วกระชากลำเลื่อน ดูซัก สองสามครั้ง ว่ามีลูกเหลืออยู่ในรังเพลิงหรือไม่ แต่ถ้าให้แน่จริง เอามือขวาจับปืน หันปากกระบอกไปทางซ้าย ยกปืนมาอยู่ระดับหน้าอก เอามือซ้ายกำศูนย์หลัง นิ้วโป้งและนิ้วชี้ซ้ายกำลายกันลื่น จากนั้น ขึ้นสไลด์โดยสวนมือกัน มือขวาดันไปทางซ้าย มือซ้ายดันไปทางขวา ใช้นิ้วโป้งมือขวา กระดก คันล็อคสไลด์ ให้ขึ้นไปขัดไว้ที่ช่องล็อคสไลด์ที่อยู่ที่สไลด์ ที่สไลด์ จะมีช่องอยู่สองช่อง ช่องหน้า จะเป็นเหลี่ยม ช่องหลังจะเป็นครึ่งวงกลม ให้ดันคันล๊อคสไลด์ ให้เข้าไปล็อคอยู่ในช่องที่เป็นเหลี่ยม มันจะขัดกัน ทำให้สไลด์ค้างขอรับ .......
......ทุกคำที่เขียนเหมือนปัญญาอ่อน .....ทำไมต้องมาเขียนเรื่องแค่การค้างสไลด์
แต่จากประสบการณ์ฝึกนักเรียนในสนามฯ การที่จะอธิบายให้นักเรียนใหม่ค้างสไลด์ให้คล่องแคล่วว่องไวนั้น ลำบากแค่ไหน แต่สำหรับคนที่คล่องแล้ว การกระทำเช่นนี้ ง่ายกว่าหายใจเสียอีก
4.พอค้างสไลด์แล้วก็ชะโงกดูในช่องรังเพลิง ว่าไม่มีกระสุนก็ใช้ได้ ทำการปลดสไลด์  ทำท่าเหมือนเดิมคือ มือขวาดันไปทางซ้าย มือซ้ายดันไปทางขวา ไอ้เจ้าคันล็อคสไลด์ มันก็จะถูกผิวลาดด้านหน้าช่องเหลี่ยมดังกล่าว ใช้หลักการเสียดทาน เบียดให้คันล็อคสไลด์หลุดจากช่องล็อคสไลด์ หล่นลงมาอยู่ในระดับปกติ  จากนั้น ปล่อยสไลด์กลับเข้าที่ ในสภาพนี้ นกปืนจะหงายรอฟาดอยู่
......เรื่องการปลดการค้างสไลด์นี่ก็เหมือนกัน เป็นที่ถกเถียงกันมาตลอดว่า ใครชอบแบบไหนก็ทำแบบนั้น ไม่เห็นมันจะเสียหาย เมื่อค้างสไลด์ เวลาจะเอาลง ก็กดคันล็อกสไลด์ลง สไลด์มันก็วิ่งไปข้างหน้าเหมือนกัน ถ้าไม่ดีจริง ทำไมฝรั่งไอพีเอสซี เขาถึงได้เสริม หางปลดคันล็อคยาวออกมาล่ะ......ดังนั้น จะทำอย่างไรก็ได้ ใช้กดลง หรือดึงสไลด์ถอยหลังก็ได้ ไม่เห็นแปลกอะไรเลย
.........แต่ในแนวคิดของผม .....ประเทศไทย ปืนราคาแพงมา อะไหล่แต่ละชิ้น ราคาแพงเกือบเท่าทองคำ เซียร์ตัวเดียว ราคาเกือบเท่าทองคำสลึงหนึ่ง นกอันหนึ่ง ราคาก็แพงเทียบเท่าทองคำได้ทีเดียว ประเทศเราไม่สามารถหาอะไหล่ได้ง่ายและราคาถูกเหมือน
อยู่ใน ยูเอสเอ ถ้าผมมีวาสนาเหมือนบางท่าน ได้อยู่ในยูเอสเอ ผมจะไม่ต้องมาคิดเรื่องการถนอมปืนเลยซักนิด นึกจะขว้างเล่นลงพื้นคอนกรีตยังได้เลย แต่ทว่า ที่นี่ เมืองไทย ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองไปหมด ชิ้นส่วนทุกอย่างแพงมากๆๆ ดังนั้น คนจนอย่างผมจึงต้องใช้ปืนอย่างถนุถนอมที่สุด
.......การที่เราเอามือปลดคันล็อคสไลด์ในขณะที่มันค้างอยู่นั้น สไลด์ถูกดันไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลาโดยสปริงโยนลำเป็นผู้มีหน้าที่ดัน...เมื่อเราปลด จะต้องออกแรงปลด เพราะคันล็อคสไลด์ไปขบ กันอยู่ในช่อง เมื่อถูกกดออก จะเกิดแรงเสียดสี ระหว่าง คันล็อคสไลด์ กับช่องของสไลด์ มี่ส่วนให้ช่องล็อคสไลด์ด้านหลัง สึกหรอได้
......แต่การปลดสไลด์ให้เดินกลับข้างหน้าโดยวิธีดันสไลด์ถอยหลังนิดหนึ่งนั้น เหล็กของสไลด์กับคันล็อคสไลดื แทบจะไม่เกิดแรงเสียดทานใดๆ เลย เป็นการใช้หลักทางวิศวะผิวลาดสไลด์ไปกดผิวผิวลาดคันล็อคสไลด์  ดังนั้น ปืนแทบไม่สึกหรอเลย เป็นการถนอมช่องล็อคสไลด์ไปในตัวขอรับ ผมรักปืนมาก จึงขอแนะนำวิธีที่สองให้เพื่อนๆ นำไปใช้สำหรับคนรักปืน 1911 ครับ ส่วนใครไม่ถนอมปืน จะใช้วิธีการปลดแบบกด ก็เชิญครับ ไม่ห้ามกันอยู่แล้ว
5.พอปลดคันล็อคสไลด์ลงแล้ว ทีนี้ นกปืนจะอยู่ในจังหวะง้างนกอยู่จริงไหมครับ
ถ้าเป็นการตรวจอาวุธ ก็ลั่นทิ้งไป 1 แชะ แต่ถ้ามั่นใจแล้ว ค้างไว้ก็ได้ ไม่ต้องลั่น เพราะเวลาถอดอาจต้องกดสไลด์ลงบ้างเล็กน้อย กรณี ปืนที่มีบุชเป็นกลีบจำปา ลำกล้องหัวโต สไลด์จะได้ไม่แข็งมากนัก กดถอยหลังง่ายหน่อยถ้าไม่มีนกคอยยันอยู่
6. หาโต๊ะทำงานซักตัวหนึ่ง หรือพื้นเรียบเรียบ อะไรก็ได้ ให้วางปืนแล้วอยู่ในระท้องน้อย และคนถอดให้ยืนขึ้น เพื่อให้ได้กำลังในการถอด เอาส้นด้ามปืน ปัก เบาๆ ลงกับพื้นโต๊ะ  พวกที่เป็น ยูเอสอาร์มี่ มีห่วงที่ตูดก็ปักเบาๆ หน่อยนะครับ เอาผ้ารองก็ได้ เอาไม้รอง เอาฟองน้ำรองก็ดี จากนั้น หันด้านที่มีซีรีส์นัมเบอร์เข้าหาตัว เพราะผมถนัดขวา ใครถนัดซ้ายก็ทำตรงกันข้ามก็แล้วกัน เมื่อหันซีรีส์นัมเบอร์เข้าหาตัว แล้วเอาส้นด้ามปักพื้น จะทำให้ปืนทำมุมกับพื้นเป็น 45 องศาโดยประมาณ ปากกระบอกจะชี้ ไปทางด้านข้าง เฉียงไปทางหัวไหล่คนถอดฯ    
.....จากนั้น ใช้มือซ้ายกำปลายปากกระบอกโดยหุ้มศูนย์หน้าไว้  จากนั้นเอาหัวแม่โป้งมือขวา กดปุ่มปลั๊กที่แกะลายข้าวหลามตัดที่ปากกระบอก กดลงไปให้ระยะของปลั๊กหรือฝาครอบสปริง ลึกลงไปเลยระดับของหน้าบูช
......จากนั้น ใช้นิ้วชี้มือซ้าย หมุนบูช ตามเข็มนาฬิกา ไปช้าๆ ในขณะที่ หัวแม่โป้งยังพยายามกดให้ฝาครอบสปริงโยนลำจมอยู่ตลอดเวลา
......เมื่อหมุนหน้าบูชพ้นระยะฝาครอบไปแล้ว ฝาครอบสปริงจะเป็นอิสระ พร้อมที่จะถูกดีดพุ่งออกมาตลอดเวลา ให้ใช้มือซ้ายค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาครอบนิ้วโป้งขวาที่กดไว้ แล้วค่อยๆ ผ่อนฝาครอบขึ้นมาช้าๆ ฝาครอบก็จะค่อยๆ ถูกดันขึ้นมาช้าๆ แรงดันสปริงที่ดันอยู่ก็จะค่อยๆ ถูกบั่นทอนออกไปจนแทบไม่มีแรงเหลือเลย เมื่อผ่อนขึ้นมาจนสุด สปริงก็จะลอยโด่เด่ อยู่โดยมีฝาครอบสปริงติดอยู่ที่ปลาย
  


 
 
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #19 เมื่อ: เมษายน 23, 2007, 02:38:59 PM »

.....ไอ้เจ้าขั้นตอนที่ 6 เนี่ยก็เหมือนกัน สำหรับคนที่เป็นแล้ว หมูสะเต๊ะ ไม่เห็นต้องมาเขียนให้เมื่อย แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยประสาแล้ว ขั้นตอนนี้ ถือเป็นขั้นตอนความเป็นความตายเลยทีเดียว
เป็นตายอย่างไร ? กล่าวคือ 1.ฝาครอบสปริง กระเด็นหาย หาไม่เจอ เคยมีคนทางใต้ ชอบเล่นปืน พก 11 มม.ตลอด ไปเที่ยวเกาะในทะเล เปลี่ยวดีแฮะ หากระป๋อง หาขวด มายิงเล่นดีกว่า พวกซาดิสซ์ สนามเขาห้ามยิงก็เลยไปหาเรื่องยิงที่อื่นก็ได้ พอยิงเสร็จ
ขากลับเข้าฝั่ง เห็นมีเวลาเหลือ เรือแล่นไปเรื่อย ก็เลยหยิบปืนมาถอด เพื่อคิดจะทำความสะอาคฆ่าเวลา ปรากฏว่า บิดปากบูชเร็วไปหน่อย ไม่ค่อยชำนาญ ฝาครอบสปริง พุ่งออกมากระเด็นตกทะเล เรียบร้อยโรงเรียนโคลท์ ต้องมาจ้างช่างกลึงใหม่ เสียเงินไหมล่ะครับพี่น้อง ถ้าค่อยๆ ผ่อนแรงมาทีละหน่อย มันก็จะไม่มีแรงพุ่งหรอกครับ
2.เคยเห็นพวกคนต่างจังหวัด เขาลือกันว่า จะถอดปืนโคลท์ หรือพวก ลาม่า สตาร์ ที่มี
บูชปากลำกล้องอย่างนี้ ต้องกางมุ้งถอด คือถอดในมุ้งนั่นแหละ เพราะเวลาฝาครอบสปริงพุ่งกระเด็นออกมาจากปืน มันจะได้ไม่หายไปไหน อย่างมากก็ตกอยู่ในมุ้งนั่นแหละ
3.บางครั้งอาจต้องหาหมอ น้องคนนี้ เป็นน้องใหม่ ซื้อซีรีส์70 มา ให้ผมสอนให้ถอด พอเขาเข้าใจ ก็ไปหัดถอดเอง ซักพักเดียว วิ่งโร่มาหา ที่หัวคิ้วขวา มีรอยแตก เลือดออก
ผมงง ว่าโดนอะไร เขาตอบ โดนฝาครอบสปริง พุ่งออกมาชนเข้าให้ ......นั่นนะซิ เส้นผมบังภูเขา แล้วตอนถอดไปจ้องดูมันทำไมละครับ หันปากกระบอกใส่หน้าตัวเองทำไมล่ะครับ ก็หันไปทางอื่นซิครับ มันจะได้ไม่เข้าหน้า.....นี่ก็เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเขียนจุดนี้ ว่าให้หันปากกระบอกไปทางอื่นก็ด้วยเหตุผลนี้แหละครับ
4.จำพวกปากกระบอกเป็นบูชแฉก ลำกล้องหัวบวม ไม่ว่า 45 9 มม. หรือ .38 ซูเปอร์ การหมุนบูชจะหมุนลำบากมาก ทำไมมันลำบากละครับ ....ก็เขาทำบูชมาฟิตกับปลายลำกล้อง มันก็หมุนบูชลำบากซิขอรับ ดังนั้น กดสไลด์ให้ถอยหลังซักนิด บูชก็จะถอยหลังตามลงไปด้วย ประมาณครึ่ง ซม. หรือ 1 ซม. แล้วแต่บางกระบอก เมื่อบูชเป็นอิสระจากปลายลำกล้อง บูชมันก็หมุนฉิวแล้วครับ วิธีแก้แค่นี้เอง มีบางคนมาอ้างเหตุว่า ถอดยาก
คิดว่า เขาไม่เข้าใจจุดนี้มากกว่า ยังไงเจอคนถอดซีรีส์70 หรือ 80 แบบบูชกลีบแล้วบ่น ก็ฝากบอกกันด้วยนะครับว่า ไม่ใช่ปัญหา
5.ฝาครอบสปริง บางรุ่นก็มีการบากช่องเล็กๆ ให้เกิดเสี้ยนเหล็กอยู่ด้านในฝาครอบ เอาไว้ขัดปลายสปริงโยนลำ เพื่อล็อคฝาครอบไม่ให้กระเด็นหาย โดยการหมุนให้ปลายสปริงเข้าไปล็อคอยู่  แต่บางกระบอก ก็ไม่มีการบาก  ดังนั้น บางคนก็หมุนล็อคไว้ให้ บางคนก็ไม่หมุน ดังนั้นถอดปืนให้ใครครั้งแรก โดยเราไม่เคยถอดให้เขามาก่อน ก็อย่าได้วางใจ เอามือป้องไว้ก่อนแล้วค่อยๆ ผ่อนออกมาจะดีกว่า เผื่อเขาไม่ได้ขันล็อคเอาไว้ คนถอดจะได้ไม่เสียฟอร์มครับ
7.พอถอดมาถึงขั้นนี้ สปริงชี้โด่เด่ออกมาแล้ว มีฝาครอบติดหัวอยู่ ก็ให้ถอดฝาครอบออกก่อนครับ  จากนั้น ใช้มือขวาจับปืนเหมือนเดิม ปากกระบอกจะหันไปทางซ้าย ยกปืนมาไว้ในระดับหน้าอก ให้มือซ้ายประคองสไลด์เอาไว้ ให้มือขวาที่กำปืนอยู่ เอานิ้วโป้งขวา เกี่ยวหลังอ่อนไว้นิ้วเดียว ส่วนนิ้วที่เหลือ เอื้อมไปครอบไว้บนสไลด์ แล้วใช้นิ้วทั้ง สี่นิ้วที่ครอบสไลด์อยู่ ค่อยๆ ขยับสไลด์ถอยหลังไปเรื่อยๆ  บางครั้งอาจถอยไม่สะดวก ก็เพราะขาหน้าบูช ลงไปขัดกับสปริงด้านหน้า ก็ช่วยโยกขาบูชตามเข็มนาฬิกา ไปให้สุด ก็จบแล้วครับ เลื่อนไปเรื่อยๆ จนช่องบากที่สไลด์ ที่บากเป็นครึ่งวงกลม (อยู่ด้านหลังช่องเหลี่ยม ) เลื่อนมาตรงกับส่วนยอดสุดของคันล็อค ใช้นิ้วโป้งซ้าย กระดกคันล็อคสไลด์ ให้ขยับขึ้นนิดหนึ่ง นิ้วชี้นิ้วกลางของมือซ้ายที่อยู่อีกด้านหนึ่งของปืน ช่วยกันดันตุ่มแกนสลัก ที่โผล่ อยู่อีกด้านหนึ่งเสียหน่อย คันล็อคสไลด์ก็จะกระโดดขึ้นมานิดหนึ่ง สามารถใช้หยิบขึ้นมาได้อย่างนิ่มนวล จากนั้น ก็ค่อยๆ เลื่อนสไลด์ออกทางด้านหน้า โดยหงายท้องปืนเสียหน่อยนะครับ เพื่อให้เครื่องในปืนไม่ร่วงลงมา อันนี้ เป็นอันเสร็จพิธีแยกปืนออกจากกันระหว่างสไลด์กับโครง
.....ในจุดนี้ มีเรื่องจะบอกเล็กน้อย กรณี ปืนสภาพดี (ถึงเก่าแต่รักษาก็ถือว่าดี) ก็จะถอดได้ง่ายหน่อย แต่ถ้าเป็นปืนที่ขาดการดูแล เคยผ่านการขึ้นสนิมหนักๆ มาละก็ เจ้าตุ่มเหล็กเล็กๆ ที่ออกมายันคันล็อคสไลด์ บางครั้งจะยาวออกมามากเกินกว่าปกติ อาจมีปัญหาในการถอด หรือ ใส่ก็ได้ ให้ใจเย็นเข้าไว้ก็แล้วกัน ถอดได้ ก็ต้องใส่ได้ซิน่า
....มีเรื่องแหย่ปืนยี่ห้ออื่นเล่นๆ ตอนเอานิ้วชี้ หรือ นิ้วกลางซ้ายดันสลักคันล็อคสไลด์ให้ขึ้นมานี่แหละ ถ้าเป็นซีแซดรุ่นใหม่ๆ กว่าจะดันออก เหงื่อตกครับ ผมเห็นเขาใช้วิธีแก้โดยกัน ดันกับขอบโต๊ะแทน สนุกดีเหมือนกัน
.....
8. พอแยกจากกันได้แล้ว ให้เอาโครงปืนวางไว้อีกทางหนึ่ง ให้จัดการกับสไลด์ที่แยกออกไปก่อน โดยการค่อยๆ ยกแกนสปริง(ไกด์รอด์สั้นแบบมาตรฐาน) ออกมาทางด้านหลัง
เมื่อยกออกมาแล้ว จะเหลือลำกล้องกับบูช  ให้ยกลำกล้องขึ้นมาจากช่องที่มันขัดกลอนอยู่นิดหนึ่ง แล้วเลื่อนลำกล้องไปข้างหน้าให้รู้สึกว่าเลื่อนไปเลื่อนมาได้สะดวก จากนั้น
หมุนบูชทวนเข็มนาฬิกา กลับมาช้าๆ ให้สังเกตว่าเมื่อหมุนมาเรื่อยๆ จะมีขาสั้นๆ ที่กระบอกบูชด้านในโผล่พ้นออกมาจากร่องที่ขัดไว้กับสไลด์ เมื่อโผล่พ้นออกมา จึงจะเลื่อนพร้อมบูชออกมาทางด้านหน้าของสไลด์ได้
....เหตุที่ผมเขียนแบบปัญญาอ่อนแบบนี้ ไม่ใช้เจตนาใด แต่เจตนาให้คนถอดที่หันถอดใหม่ๆ จะได้ทราบว่า ไอ้เจ้าบูชเนี่ย มันมีประโยชน์อย่างไร แล้วมันติดอยู่ที่หน้าสไลด์ได้อย่างไร ทำไมมันไม่ถูกสปริงดันกระเด้งดึ๋งออกมาละ มันติดอยู่ได้อย่างไร ก็มันติดอยู่ได้เพราะไอ้ขาเล็กๆ สูงประมาณมิล-สองมิล นั่นแหละครับ
9.พอแยกออกมาแล้ว ทีนี้ มาถึงขั้นตอนการถอดสไลด์
....ก่อนอื่น จะขอปลุกใจผู้หัดถอดเป็นครั้งแรกก่อนว่า

.....กรุณา ...อ่านให้จบ ก่อนทำการถอด....เหมือนก๋วยเตี๋ยวที่ต้อง ชิมก่อนปรุงนั่นแหละครับ ก่อนจะถอดให้จำทิศทางอะไหล่ไว้ให้ดี

.....ปืน 1911 นี้ เป็นอดีตปืนสงคราม การออกแบบมา เจตนาให้ถอด บำรุงรักษา เป็นหลักอยู่แล้ว เพราะสงครามสมัยก่อน เป็นสงครามจริงที่ทหารต้อง ตะลุมบอน ปะทะกันที่พื้นที่ต่างๆ ตามแต่สมรภูมิ ปืนพกอาจตกโคลน ตกทราย ตกน้ำ ตกฯลฯ ดังนั้น ปืนจึงต้องถอดง่ายอยู่แล้ว ไม่เหมือนสงครามเทคโนโลยี ขีปนาวุธสมัยใหม่หรอกครับ    ดังนั้น ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องมือสั่น ไม่ต้องกลัวเสียของ ก่อนลงมือถอด ให้ค่อยๆ ศึกษาไป ก่อนจะถอด ไม่แน่ใจเมื่อไหร่ ลองใส่กลับดูก่อน แล้วค่อยขยับถอดใหม่ก็ยังได้
....ก่อนลงมือถอด ให้จ้องมองดูการทำงาน หลักการของมันเสียก่อน ปืน 1911 ออกแบบมามีเจตนาที่ทำให้ปืนติดกันทั้งกระบอกด้วยการขัดสลัก ชิ้นส่วนขัดล็อคกันเอง ทั้งกระบอก ไม่มีน็อตเลย ยกเว้นด้ามที่ไม่เกี่ยวกับกลไก กลไกทั้งหมด ถูกออกแบบมาให้ใส่ได้ด้วยมือทั้งสิ้น ดังนั้น ก่อนลงมือถอด ให้ศึกษาจ้องมอง ทำความเข้าใจในการขัดล็อคของมันทีละขั้น ที่ละขั้น เมื่อท่านเข้าใจแล้ว ท่านก็จะถอดได้ โดยเขวี้ยงบทความของผมทิ้งไปได้เลย เพราะการถอดของท่าน เป็นการถอดด้วยความเข้าใจ แต่ถ้าเป็นการถอดโดยการกางตำรา แล้วทำตามตำรา โดยไม่ศึกษากลไกไปด้วย เวลาถอดทุกครั้ง ท่านก็ต้องกางตำราวันยังค่ำ ดังนั้น ใช้ข้อความของผมเป็นหลัก แล้วทำความเข้าใจ กลไก แล้วถอด ท่านจะจำติดตัวไปจนตายเลยครับ  
....ถ้าไม่แน่ใจ เอากล้องดิจิตอลถ่ายไว้ดูจุดก่อนถอด บันทึกภาพเดิมมันไว้ก่อน แล้วค่อยถอดก็ยังได้ เอาแบบชัวร์ๆไปเลยครับ

มาเริ่มการถอดสไลด์กันเลยครับ
กรณี 1911 ที่ผลิตตั้งแต่ ปี 1912-1979 ก็คือสุดที่ ซีรีส์70 กระบอกสุดท้ายที่โคลท์ผลิตนั่นแหละครับ หรือยี่ห้อใดก็ได้ ที่ไม่มีระบบล็อคเข็มแทงชนวน
9.1หันด้านเข็มแทงชนวนมาที่ตัวเรา จะเห็นด้านหลังของสไลด์ มองไปตรงกลาง จะเจอเข็มแทงชนวน เอาปากกาลูกลื่น เอาไม้จิ้มฟัน ลองกดๆ เข็มแทงชนวนดู มันจะยุบลงไปได้ กดเล่นให้คุ้นเคย จากนั้น  มองไปทางขวา เฉียงเหนือหน่อยๆ จะเจอเหล็กกลมๆ อะไรก็ไม่รู้ นั่นคือ ขอรั้งปลอกกระสุน ซึ่งจะยาวไปถึงหน้าลูกเลื่อนโน่นแนะ ไม่เชื่อลองชะโชกไปดู ที่ช่องคายปลอกกระสุน(คงรู้จักนะครับ) ทางด้านขวาของรูเข็มแทงชนวน ที่หน้าลูกเลื่อน จะมีตะขออยู่ 1 อัน นั่นแหละ ขอรั้งปลอกกระสุนที่เป็นเนื้อเหล็กชิ้นเดียวกันกับที่เราเห็นจากด้านหลังสไลด์นั่นแหละครับ สังเกตต่อไปนะครับ เข็มแทงชนวน เมื่อลองกดเล่นจนคุ้นเคยแล้ว พอกดลงไปลึกๆ ซัก 1 เซนติเมตร ลองโยกไม้จิ้มฟันดู แผ่นเหล็กที่ติดอยู่ที่เข็มแทงชนวน มันเลื่อนลงข้างล่างได้แฮะ แสดงว่า เป็นเหล็กคนละชิ้นกับสไลด์ละซิ แน่นอน มันคือเหล็กปิดท้ายเข็มแทงชนวน สามารถดึงออกมาได้ เมื่อกดเข็มแทงชนวนลงไปพ้นระยะที่มันขัดกัน
9.2เมื่อมั่นใจว่ามันเลื่อนลงได้ ก็จัดการเลย โดยการกดเข็มแทงชนวนลงไปให้พ้นแนวเหล็กปิดท้ายฯ จากนั้น ค่อยๆ เลื่อนแผ่นเหล็ก(บางที โคลท์ตีเบอร์1ไว้ให้ดู) เลื่อลงมาช้าๆ เอามือซ้ายมาบังที่ท้ายเข็มไว้เพราะเมื่อแผ่นเหล็กเลื่อนพ้นไป เข็มแทงชนวนจะเด้งดึ๋งออกมา ค่อยๆ เลื่อนๆๆๆ พอแผ่นเหล็กหลุดพ้น เข็มแทงชนวน ก็จะกระเด้งดึ๋ง ออกมา
ยกเข็มออกมาด้วยความมั่นใจ เอาละ เสร็จไปหนึ่ง จะเห็นเข็มแทงชนวน มีสปริงครอบอยู่ อยากจะดึงออกก็ได้ มาทำความสะอาดให้ถึงกึ๋น แต่ต้องจำด้านให้ได้ว่าด้านไหนอยุ่ด้านหน้า ด้านไหนอยู่ด้านหลัง
9.3 ทีนี้ ต้องถอดขอรั้งปลอกกระสุน หนังสือบางเล่มใช้ปลายไขควงงัดออกมาเลย ผมเห็นแล้วใจแทบขาด ปืนนะขอรับ ไม่ใช่มอเตอร์ไซด์  ดังนั้น หาอะไรที่มันอ่อนกว่าไขควงมางัดไม่ดีกว่าหรือขอรับ ....หาได้ง่ายๆ ในครัวที่บ้าน ตะเกียบรับประทานก๋วยเตี๋ยวไงครับ แม่บ้านคงไม่ดุหรอก ขอมาข้างเดียวเท่านั้นเองจ้า...ที่รัก
...หลังจากถอดแผ่นเหล็กปิดท้ายเข็มฯและเข็มออกมาแล้ว มองช้อนเข้าไปทางด้านขวา จะเห็นว่า ไอ้แท่งกลมๆ ทางด้านขวา จะมีร่องให้แผ่นเหล็กแทรกตัวอยู่เมื่อครู่ แท่งเหล็กก็โดนปาดให้เป็นช่องผ่านไปด้วย ใช้ปลายตะเกียบเสียบเข้าไปที่ร่องนั้น แล้วงัดขึ้นมาไม่ต้องกลัวปืนพัง เพราะไม้ไผ่ไม่ทำให้เหล็กเป็นรอยอยู่แล้ว ขอรั้งทั้งดุ้นก็จะถูกงัดขึ้นมา พอโผล่ขึ้นมามากหน่อยก็ใช้มือดึงได้แล้วครับ
พอดึงออกมาเสร็จ สไลด์ของท่านก็จะเกิดรูโบ๋ 2 รู คือ รู เข็มแทงชนวน และรู ขอรั้งปลอกกระสุน
พอถอดเข็มออกมา ลองเอากระดาษทิชชูเช็ดดู ท่านอาจตกใจ หรือ ที่ขอรั้งปลอกกระสุน ลองเช็ดดู ท่านอาจตกใจว่า ของรักของเราทำไมมันสกปรกอย่างนี้ แล้วเขม่าดินปืนมันเข้าไปได้ไงวะ ?? ช่างมันเถอะครับ เช็ดทำความสะอาด หยอดน้ำมันตามชอบ
ในช่องที่สไลด์ ก็เอาสำลีแบบไม้ปั่นหูสำเร็จรูป (คัตต้อน บรัช) ฉีดน้ำมันให้ชุมแล้วแหย่เข้าไปเช็ดให้มันสะอาดแจ่มไปเลย
9.4 วิธีใส่กลับ เอาขอรั้งใส่เข้าไปก่อน ตอนเอาออกมาทำไง ตอนใส่กลับไป ก็ใส่ตามเดิม เอาด้านปากตะขอเข้าไปก่อน หันปากตะขอไปทางซ้าย เข้าหาตัวปืน ถ้าหันไปทางขวา มันจะเกี่ยวกระสุนได้ไงละครับท่าน ........หันตะขอไปทางซ้าย แล้วใส่เข้าไปให้สนิท จากนั้น ปรับให้สังเกตว่า ที่ตูดท้ายขอรั้ง มันกลมก็จริง แต่มันจะมีด้านที่ถูกไถให้เรียบไว้ด้านหนึ่ง หันด้านนั้นให้เสมอกับช่องท้ายที่นกตี
....จากนั้น เอาเข็มแทงพร้อมสปริงใส่กับที่เดิม กดตูดเข็มให้จมสุดพ้นแนวเหล็กของ
สไลด์ แล้วเอาแผ่นเหล็กใส่เข้าไป ถอดออกมาลักษณะคว่ำหน้าก็ใส่กลับลักษณะนั้น ไม่งั้นเดี๋ยวใส่ไม่เข้า  เอาไม้จิ้มฟันหรือปาก ปากกาลูกลื่น กดเข็มไว้ ดันแผ่นเหล็กไปบังเข็มฯไว้ ก่อนให้อยู่ตัว ชักไม้จิ้มฟันออก แล้วค่อยๆ เลื่อนแผ่นเหล็กปิดเข้าไปให้สนิท เมื่อเข้าสนิท เข็มแทงชนวน จะโผล่ขึ้นมาขัดสลัก ไม่ให้แผ่นเหล็กเลื่อนหลุดไปไหน
......เสร็จพิธีการถอด ประกอบสไลด์ 1911 ที่ไม่มีตัวล็อคเข็มแทงชนวน
.......หวังว่าคงเข้าใจนะครับ
.......ไว้จะมาต่อเรื่องการถอดสไลด์ ของซีรีส์80 ในตอนต่อไปครับ  
10. การถอดสไลด์ ปืน 1911 ซีรีส์ 80 แบบละเอียด

ก่อนถอดซีรีส์ 80 ให้ทำความเข้าใจ แบบ 1911 แบบธรรมดาก่อน จะทำให้เข้าใจการถอดซีรีส์ 80 ได้ชัดเจนและลึกซึ้ง เข้าใจมากขึ้น

....ขั้นตอนการปลุกใจ ไม่ต้องแล้วนะครับ เหมือนเดิมทุกอย่าง คือ ช้าๆ สังเกตก่อนถอด แล้วค่อยเริ่มทดลองกลไก ตามที่แนะนำ ให้เข้าใจ ระบบ การทำงานต่าง การขัดกลอน จุดขัดกลอน ขัดล็อคต่างๆ เสียก่อน แล้วค่อยเดินหน้าถอดต่อไป เรื่อยๆ อย่าใจร้อน บุ่มบ่ามเดินไปข้างหน้า ไม่ระวัง อาจเหยียบกับระเบิด ขาขาดได้ (กูผู้ชนะรู้ดี เวลาเดินป่า) ก่อนถอดสังเกตก่อนนะครับ แล้วค่อยเดินหน้า ไม่ต้องกลัว ผิดพลาดก็ไม่หนักหนาเท่าเหยียบกับระเบิดหรอกครับ
10.1..หันด้านเข็มแทงชนวนเข้าหาหน้าของผู้ถอดเหมือนเดิม สังเกตดูตรงกลางจะเจอเข็มแทงชนวน มองไปด้านขวา เฉียงบนหน่อยๆ จะเจอเหล็กขอรั้ง เหมือนกันทุกอย่างกัน 1911 แบบธรรมดา
10.2 ...เอาปลายปากกาลูกลื่น หรือ ไม้จิ้มฟันเพื่อจะทำการถอดเหมือน 1911 แบบธรรมดา กะว่าจิ้มลงไปซัก เซนติเมตร เหมือน 1911 ...แต่ทว่า ...เอ๊ะ ....จิ้ม..จิ้ม ...แล้วก็จิ้ม..ทำไมมันไม่ลงแฮะ ...?
ตอบ ...ก็ปืน ซีรีส์ 80 นี้ เป็นการออกแบบมาใหม่ของโคลท์ ในช่วงปี 1980 ออกแบบให้มีระบบล็อคเข็มแทงชนวน เข็มแทงฯจะถูกล๊อคไว้ตลอดถ้าไม่ปลดกลไกล็อคของมัน ตัวปลดกลไกล็อคตามระบบทีมันออกแบบมาคือ ต้องเหนี่ยวไกก่อน เข็มจึงจะฟรี ตัวเองได้ ไม่เชื่อประกอบปืนกลับเข้าที่เดิม แล้วเหนี่ยวไกดูซิครับ แล้วค่อยจิ้ม.....พอเหนี่ยวไก ทีนี้แหละ จิ้มได้ลึกถึงไหนๆ เลย
....อ้าว ...แล้วถอดสไลด์ออกมาแล้ว จะให้ทำไงละครับ ?
...อ๋อ ...เวลาก่อนจิ้ม ก็ช่วยเอานิ้วโป้งมือซ้ายที่กำสไลด์อยู่ เอื้อมเข้าไปกดปุ่มเล็กๆ ใต้สไลด์ ซิครับ เห็นไหมครับ มีตุ่มเล็กๆ กดแล้วยุบตัวได้ นั่นแหละครับ เป็นแท่งล็อค หรือที่เขาเรียกว่า สมอล็อคเข็มแทงชนวนนั่นเอง พอกดแล้วทีนี้ จิ้มได้ลึกถึงไหนๆ เหมือนกัน  ทีนีพอเข้าใจแล้วนะครับ ว่า ก่อนจิ้ม จะต้องกดปุ่มใต้สไลด์ก่อน
10.3 คราวนี้ ก็ทำขั้นตอนดังนี้ครับ .....เอานิ้วโป้งมือซ้ายกกดปุ่มใต้สไลด์เพื่อปลดล็อคเข็มแทงชนวน .....จากนั้น เอาไม้จิ้มฟัน หรือปลายปากกาลูกลื่น กดเข็มแทงชนวนลงไปซัก 1 ซม. หรือพอให้พ้นแนวเหล็กของสไลด์ .....เอาไม้จิ้มฟันหรือปลายปากกาที่แทง โยก แผ่นเหล็กปิดท้ายให้ถอยลงมาทางด้านล่างของสไลด์ จากนั้น ก็ดึงแผ่นเหล็กออกมา เฉยๆได้เลย เข็มแทงชนวนของซีรีส์ 80 จะไม่พุ่งกระเด้งดึ๋งออกมาเหมือนแบบ 1911 ปกติ เพราะสมอล็อค ก็จะล็อคเอาไว้อย่างนั้นแหละ
10.4 จากนั้น เราก็ดึงเข็มแทงชนวนออก ....เอาอีกแหละ ....ดึงเข็มไม่ออกอีกแหละ...ทำไงดี ก็เข็มมันถูกล็อคไว้ ก็ดึงไม่ออกซิครับท่าน ให้ใช้นิ้วโป้งมือซ้าย กดปุ่มล็อคเข็มใต้สไลด์ลงไปหน่อยหนึ่ง เข็มแทงก็จะเป็นอิสระภาพจากการถูกล็อค เราก็ดึงเข็มแทงออกมาได้เลย
10.5 ถ้าจะงัดขอรั้งออกมาเลย เหมือนรุ่น 1911 ธรรมดา ทำไม่ได้ เพราะ สมอล็อคเข็มมันยังคาอยู่ ทำไงดี จะดึงสมอล็อคออกมา มันก็ไม่ออก ที่มันไม่ออก เพราะมันถูกขอรั้งปลอกขัดไว้อีกทีหนึ่ง ดังนั้น ให้ เอามือไปบังไว้ที่ปุ่มล็อคใต้ สไลด์ ที่ให้บัง เพราะเดี๋ยว มันจะมีสปริงตัวจิ๋ว(ประเภทหล่นแล้ว หาซื้อไม่ได้) หล่นออกมา ให้เอามือบังเตรียมไว้ให้ดี จากนั้น ให้ตะเกียบ งัดขอรั้งปลอกกระสุน ขึ้นมานิดเดียว ปุ่มล็อค หรือสมอล็อคก็จะหล่นลงมา พร้อมสปริง ซ่อนอยู่ด้านใน (หาถ้วยเล็กๆ มาใส่ไว้ก่อนก็ได้ เดี๋ยวกลิ้งไป กลิ้งมา แล้วหาย หาไม่เจอ จะซวยแล้วมาโทษกระผมว่า ทำไมไม่บอกไว้ก่อนละจ๊ะ
จำไว้ว่า ด้านหัวสมอตัน จะอยู่ด้านนอก ด้านหัวสมอกลวง จะอยู่ด้านใน ไว้สำหรับใส่สปริงตัวเล็กนั่นนะจ๊ะ (จำให้ได้ อย่าหลงเด็ดขาด)
10.6 พอเอาสมอล็อคเข็มออก ก็งัดเจ้าขอรั้งปลอกกระสุนออกมาได้เลยเหมือนแบบ 1911 ปกติ
ทีนี้ ก็ทำความสะอาดตามถนัด ใครน้ำมันอะไร ก็ชะโลมเข้าไป เช็ดเข้าไปตามชอบ เสร็จแล้วเหลือน้ำมันหมาดๆ ไว้บ้างนะครับ

10.7 การประกอบกลับ ก็ทำย้อนทางการถอดดังนี้
10.8 นำขอรั้ง ใส่กลับเข้าไป ปรับเหลี่ยมด้านข้างให้ขนานกับช่องนกฟาดที่สไลด์ เพื่อให้แผ่นปิดท้ายเข็ม เข้าได้สะดวกเวลาใส่
10.9 ใส่สนิทแล้ว เอาตะเกียบงัดขึ้นมานิดหนึ่ง  ถ้าไม่งัดไว้นิดหน่อย มันจะใส่สมอล็อคเข็มไม่ได้ เพราะมันติดเขี้ยว เอาสมอล็อคเข็ม ด้านกลวง ใส่สปริงไว้ จากนั้น ใส่เข้าไปในช่องของมัน เมื่อใส่จนสนิท กดขอรั้งปลอกกระสุนที่งัดเอาไว้เมื่อกี้ให้ลงไปให้สนิท ทีนี้เจ้าปุ่มล็อคเข็มก็จะติดอยู่ที่สไลด์
10.10. ทำท่าเหมือนเดิม เอามือซ้ายถือสไลด์ เอามือขวา หยิบเข็มแทงชนวนใส่เข้าไป ใส่ให้ตาย ก็ไม่เข้า เพราะมันติดปุ่มล็อคเข็ม ฯ ดังนั้น ให้ใช้นิ้วโป้งมือซ้ายเหมือนเดิม กดปุ่มล็อคเข็มลงไปเล็กน้อย แล้วใส่เข็มแทงชนวนเข้าไป ยัดเข้าไปเรื่อยๆ จนปุ่มล็อคเข็มกระเด้งออกมาดัง" คลิ๊ก " เข็มก็ถูกล็อคเอาไว้ตามเคย
10.11 จากนั้น เอาแผ่นเหล็กปิดท้ายเข็มแทงมาใส่ กดเข็มแทงไม่ลง ก็ต้องไปกดปุ่มล็อคใต้สไลด์ให้ยุบลงก่อน เอาแผ่นเหล็กยัดเข้าไป เอาไม้จิ้มฟัน กดเข็มลงไปก่อน แล้วแผ่นเหล็กค่อยตามเข้าไป พอเข้าไปสนิท เข็มแทงก็จะกระเด้งขึ้นมา ล็อคแผ่นเหล็กไว้ไม่ให้หล่น เป็นอันเสร็จพิธี
ในขั้นตอนการใส่แผ่นเหล็ก อาจใส่ยากซักหน่อย เพราะคุณอาจวางแนวขนานของรอยบากของขอรั้งปลอกกระสุน ไม่ขนานกับช่องนกฟาด ไม่ต้องตกใจ พยายามหมุนขอรั้งหามุมให้ขนาน ก็จะใส่ได้ง่ายดายครับ ไม่ต้องกลัวใส่ไม่เข้าครับ มันออกได้ มันก็ต้องเข้าได้ซิครับ ขอให้ท่านผู้ถอด ใจเย็นๆ ค่อยๆ วิเคราะห์หาสาเหตุ แล้วท่านก็จะเข้าใจมันไปเองครับ อย่างไงก็อุ่นใจ มีผมเป็นเพื่อนอยู่แล้ว ถอดแล้วใส่ไม่ถูกอย่างไร ถามกันมาได้ในกระทู้นี้แหละครับ ยินดีแก้ไขให้เป็นรายๆ เผื่อว่า ไม่เข้าใจ
....สำหรับเช้านี้ การถอดสไลด์ซีรีส์ 80 ก็เสร็จสิ้น เอาเป็นว่า เหมือนการถอด....อะไรบางอย่างนั่นแหละครับ ค่อยๆ ใจเย็นๆ เดี๋ยวเธอก็ให้ถอดจะเกลี้ยงนั่นแหละครับ
ดังนั้นใจเย็นๆ อย่าวู่วามครับ ทำปืน ถอดปืนต้องใจเย็น ค่อยๆ วิเคราะห์ ฝรั่งมันใส่มาให้เราได้ เราก็ถอดได้ซิน่า แต่ถอดแล้ว หาถ้วยชาม กระป๋องกระบอก มาใส่อะไหล่หน่อยครับ เดี๋ยวกลิ้งหล่นหายไป จะเดือดร้อนครับ เอากระดาษหนังสือพิมพ์มารองถอด กำลังถอดเพลินๆ ตั้งอะไหล่ไว้บนหนังสือพิมพ์ ลมพัดมาแรงวูบเดียว อะไหล่ สปริงตัวเล็ก ปุ่มสมอล็อค กระเด็นหายหมด คราวนี้ละครับ จะยิ่งยุ่งกว่าถอดปืนอีกครับ
....วันนี้ ขอจบแค่นี้ คราวหน้ามาต่อเรื่อง การถอดโครงปืน 1911 รุ่นปกติ ก่อนซีรีส์ 80 กันนะครับ ....ผมอาจจะไม่ได้มาต่อทุกวัน ท่าน กูผู้ชนะ  ไม่ต้องกังวล ผมเป็นลูกผู้ชายเหมือนกัน รับปาก เป็นรับปาก พูดแล้วไม่คืนคำ แต่ว่า งานการมันจำต้องทำ ถ้าไม่ทำเดี๋ยวโดนไล่ออก ไม่มีจะกิน ดังนั้น อาจเว้นช่วงไปบ้าง ขออภัยด้วยนะครับ .....ขอบคุณครับ
.....ถ้ามีตัวเป็นๆ อยู่ในครอบครองกันละก็ ลองทำตามดูก็ได้ครับ ...ได้ผลอย่างไร เล่าแจ้งแถลงไขกันบ้าง ..ก็จะเป็นพระคุณ ........จาก เต๋า บางเขน

......การป้องกันโครงปืนชำรุด....(จากตัวเอง และเพื่อนมือบอนทั้งหลาย )

....หลังจากประกอบสไลด์เสร็จเรียบร้อย ทีนี้ ก็ชายตามามองที่โครงปืนที่เราถอดวางทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ สังเกตที่โครงปืน นกปืนจะต้องหงายค้างอยู่ เพราะเพิ่งถอดสไลด์ออกไปเมื่อซักครู่ ให้ทำการลดนกลงก่อนโดยกระทำดังนี้ คือ
ใช้มือขวาหยิบปืน นิ้วชี้ขวาอยู่นอกโกร่งไก จากนั้นเอานิ้วโป้งมือซ้าย มาง้างนกลงให้สุด
แล้วเหนี่ยวไกปืน โดยอุบไกปืนไว้ตลอด  แล้วค่อยๆ ผ่อนนกปืนลงไปจนนกปืนหมดแรงดัน หมดกำลังตี ฟรีไปเลย แล้วค่อยปล่อยไกปืน
.....สาเหตุที่ต้องพูดอย่างนี้ เพราะว่า ในการเล่นปืนนั้น เราอาจไม่ได้ถอดในสถานการณ์ปกติ หรืออาจถอดปืนอยู่ตามสนามยิงปืน เมื่อถอดสไลด์เสร็จ นกปืนง้างอยู่ เราอาจเผลอเรอ เหนี่ยวไกปืนโดยไม่ตั้งใจ หรือ มีเพื่อนเฮงซวย ไม่ประสีประสา เดินมาทักทาย เฮ้.....ถอดปืนเล่นหรือ เออ..ปืนสวยดีว่ะ ...ขอดูหน่อยดิ....จากนั้นก็หยิบโครงปืนของท่านขึ้นมากำ ทำท่าเหมือนยิง เราจะห้ามก็ห้ามไม่ทันแล้ว ....เปรี๊ยะ....เสียงนกปืนสับเข้ากับโครงปืนในส่วนที่บางๆที่สุด ซึ่งเป็นแผ่นเจาะรูของดีสคอนแน็คเตอร์ ......เพื่อนเฮงซวยมันเหนี่ยวไกปืนเล่น ..นกปืนอาจชำรุด โครงปืนอาจชำรุด ....สิ่งที่ได้รับคือ ขอโทษว่ะ แล้วเขาก็เดินจากไปแบบ งง แบบ ไม่รับผิดชอบ เพราะไม่ได้เจตนานี่หว่า...  คนที่เสียใจก็คือเรา
ครับ ....ดังนี้ ลดนกไว้ก่อน พอเพื่อนเฮงซวยมาหยิบ เขาต้องง้างนกก่อน เราได้ยินเสียง ......คลิ๊ก ...จะได้ห้ามได้ทันก่อนที่ปืนจะเสียหาย


...หลังจากลดนกเสร็จแล้ว ก็ให้คนคิดจะถอดปืนช่วยพินิจพิเคราะห์โครงปืนของตนก่อน
กระผมจะตั้งสมมุติฐานว่า ทุกคนจะต้องถือปืนด้วยมือขวา และชี้ ไปข้างหน้านะครับ เพราะผมจะเรียกด้านซ้าย ของปืนหมายถึงด้านที่โครงปืนถูกเจาะรู ที่รางสไลด์ ทางด้านขวาของโครงปืนหมายถึงด้านฝั่งตรงข้าม อีกด้านหนึ่งนะครับ
....เมื่อหยิบปืนขึ้นมาถือแล้ว ให้ดูโครงปืนของคุณดังนี้
มองทางด้านซ้ายจะไม่เห็นอะไร จะเห็นแค่ปุ่มปลดแม็กกาซีน ด้ามปืน น็อตด้ามปืน
มองทางด้านขวาทางด้านท้ายใต้นกปืน จะเห็นสลัก 3 อัน เป็นรูป 3 เหลี่ยมเบอร์มิวด้า ได้แก่ สลักตัวท้ายสุดคือ สลักของเซฟ สลักสามเหลี่ยมตัวบนตัวใหญ่หน่อย เป็นสลักนกปืน ส่วนสลักตัวเล็กสุด เป็นสลักของเซียร์ และดิสคอนเตอร์
สลักของนก และเซียร์ มีข้อควรจำว่า สลักสองด้านใหญ่ไม่เท่ากัน ดังนั้น เวลาใส่ จะต้องใส่ลงไปทางเดียว จะย้อนทางไม่ได้เด็ดขาด ย้อนทางแล้ว สลักหล่น ไม่รู้ด้วยนะ
จากนั้น น็อตด้ามด้านขวาทั้งบนและล่าง และปลุ่มปลดแม็กกาซีนด้านขวา สังเกตจะมีน็อตหัวผ่าตัวเล็กๆ อยู่ด้านใน
มองลงไปข้างล่างสุดของด้ามที่ส้นปืน จะเจอสลัก 1 ตัว สลักตัวนี้ ของแท้ ของจริง จะต้องเป็นหัวหลุม ข้างหนึ่ง เป็นหัวมนๆ ด้านหนึ่ง กระบอกไหนไม่เป็นแบบนี้ แสดงว่า ไปทำสลักใหม่มา หรือ ตอกกันจนเสียของ
เอาละครับ...เราจะเริ่มลงมือถอด
.......


     
              tao bangkhaen  
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #20 เมื่อ: เมษายน 23, 2007, 02:40:54 PM »

......คำเตือนก่อนถอด ....ค่อยๆ คลำไปทีละขั้นตอน ช้าๆ ทดสอบกลไก ไปเรื่อยๆ จะทำให้ท่านเข้าใจกลไก ถ้าจำไม่ได้ ถอดไปขั้นหนึ่ง ถ่ายภาพไว้ ขั้นหนึ่ง ที่ละทอดๆ ไปเลย จะได้ ไม่หลงครับ .......เอาละ ตามข้าพเจ้ามา....
1.ถอดด้ามปืนออกก่อน ทั้งสองด้าน จริงๆ แล้ว ด้ามปืนส่วนใหญ่ จะมีเว้าตรงส่วนล่าง สำหรับตอกสลักออกได้เลย ....เห็นไหมครับ ....ยกเว้นด้ามบางอย่าง จะทำปิดรูสลัก เวลาถอด เลยต้องเปิดด้ามออก แต่ที่ผมให้ถอดด้ามออก เพื่อจะให้ท่านได้เห็นเครื่องยนต์กลไกกันแบบจะๆ ไปเลยครับ แถมได้เช็ดน้ำมันใต้ฝาประกับด้ามอีกด้วย
....การถอดด้ามปืน ดูว่า หมู แต่จริงๆ แล้วไม่หมูอย่างที่คิด น็อตด้าม คือตัวปัญหา
เมื่อท่านถอดน็อตด้ามออกจากรูด้ามใด ให้ใส่เข้ารูด้ามเดิมเท่านั้น เหตุเพราะ ในปืนบางกระบอก น็อตด้ามเขาทำความยาวให้เข้ากับความหนาของด้าม เกิดถ้าเราไปสลับ อาจทำให้น็อตด้ามยาวลึกเข้าไปในตัวปืน ไปยันกับ แม็กกาซีน ทำให้แม็กกาซีน เป็นรอย ชำรุด หรือ ทำงานไม่สะดวกได้ บางคน ก่อนถอด แม็กก็วิ่งออกดี พอประกอบใหม่ ใส่แม็กฯไม่สะดวกก็เพราะสาเหตุนี้แหละครับ ...ดังนั้น ถอดมาจากตรงไหน ใส่เข้าที่เดิม จำเอาเองนะครับ ...แล้วแต่เทคนิคของแต่ละบุคคล

2.การ ถอดเซฟ  ง้างนกปืนขึ้นก่อน ขยับเซฟขึ้นในตำแหน่งสูงสุด  ตำแหน่งปากเซฟ จะขึ้นสูงลึกเข้าไปในแนวสไลด์นิดหน่อย ใช้มือซ้ายจับโครงปืน ใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ ขวา จับปีกลายกันลื่นของเซฟขยับขึ้นลง ถี่ๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สั้นๆ แล้วค่อยๆ ยกขึ้นมา เซฟจะหลุดออกมาเอง ไม่ต้องงัด ไม่ต้องใช้ไขควงแซะ ไม่ต้องใช้คีมหนีบ ปืนจะเสียสวย มันออกมาได้แน่นอน (ถ้าเป็นเซฟด้านเดียว ) เมื่อสลักเซฟหลุดออกมา หลังอ่อนจะหงายหลังออกมาด้วย แต่ยังถอดไม่ออก
........เพื่อความมั่นใจในการถอด ว่าเราจะใส่เซฟกลับเข้าไปได้ โดยทดลองใส่เซฟกลับเข้าไปให้สำเร็จก่อน เพื่อสร้างความมั่นใจ ทำดังนี้
...นกปืนยังง้างอยู่เหมือนเดิม กับตอนถอด กดหลังอ่อนเข้าไป มองรูสลักเซฟ ให้ดี ให้ทะลุปรุโปร่ง เป็นแนวเดียวกัน
...เอาสลักเซฟแหย่ลงไป ให้ร้อยกับรูของหลังอ่อนให้ได้
....เอาเซฟกลับมาใส่เหมือนเดิมกับตอนที่ยกออกมา แต่ใส่ไม่เข้า เพราะติด สลักที่เด้งออกมาด้านหน้าจะทำไงดี ?
....หาบัตรเครดิต แข็งๆ หาพลาสติกบางแต่ แข็ง เช่น ตัดพลาสติกถังน้ำมันเครื่องแผ่นซักขนาด 2 คูน 2 นิ้ว สอดเข้าไปด้านหลังเซฟ จากนั้น กดสลักสปริงที่มันยื่นออกมาเกะกะให้เข้าไปท่อของมัน ก็จะสามารถกดเซฟเข้าไปได้ .....กดเข้าไปแล้วใช่ไหมครับ
ถอดใหม่ซิครับ .....ใส่เข้าไปใหม่ซิครับ .....ลองทบทวนทำดูซัก 3 ครั้ง ท่านก็จะเกิดความชำนาญแล้วครับ
3 .เมื่อหาความชำนาญการถอด....ประกอบ .....เซฟได้แล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการถอดสลักปิดท้ายโครงปืน

ให้ถอดเซฟออกก่อน เอามาวางไว้ หลังอ่อนจะหงายท้องมาหน่อยหนึ่ง แต่ยังไม่หลุดออกมา เมื่อถอดด้ามเสร็จ  ให้ลดนกปืนลงชิดโครง  หาตะปู ความยาวขนาด 2 นิ้ว หรือเหล็กอะไรก็ได้ เหล็กส่งอะไรก็ได้ ที่ไม่ต้องแข็งมากนัก มาหนึ่งอัน ขนาดความอ้วน ให้เล็กกว่ารูสลักปิดท้ายโครงปืน
อย่าง้างนกปืนนะครับ ให้นกปืนฟรี่ อิสระ ไร้แรงดันจากสปริงใดๆ จากนั้น วางด้ามปืนไว้ที่บนโต๊ะทำงาน หาผ้ามารองโครงปืนในส่วนที่สัมผัสกับโต๊ะ จากนั้น เลื่อนโครงปืน ส่วนท้ายออกมาเลยขอบโต๊ะนิดหน่อย ให้รูสลักพ้นขอบโต๊ะออกมาเล็กน้อยก็พอ
จากนั้น ใช้เหล็กส่งที่บอก ตอกสลัก โดยตอกจากด้านที่เป็นหลุม ให้สลักหลุดออกไปอีกด้านหนึ่ง  
....พอตอกสลักเสร็จ สลักปิดท้ายจะหล่นลงพื้น เก็บขึ้นมาทำความสะอาดให้ดีแล้วลองสังเกตสลักดูว่าเป็นอย่างไร
......สลักก็เหมือนกับสลักทั่วไป แต่ตรงกลาง จะมีการทำควั่น ทำหลุมเอาไว้ ใช้ประโยชน์ในการล็อคสลักไม่ให้หลุดออกไปทางซ้ายหรือขวา ...ถาม แล้วอะไรเป็นตัวมาล็อคละจ๊ะ
...ตอบ ให้มองเข้าไปในรูสลักที่ตอกออกมาทีแรก จะเห็นตุ่มแหลมๆ โผล่อยู่ในรูสลักที่เราตอกออกมา ไอ้หัวตุ่มแหลมๆ ที่โผล่เข้ามาในรูสลักนั่นแหละ จะมีหน้าที่ลงมาจิกตัวอยู่ในร่องสลักที่ควั่นเอาไว้ สลักเลยไม่ไหลออกทางซ้ายหรือขวาไงละครับ



.......เมื่อถอดสลักเสร็จ เหล็กปิดท้ายโครงปืนจะสามารถดึงออกมาทางด้านล่างได้อย่างง่ายดาย ในกรณีปืนใหม่ ปืนสะอาด ปืนมีน้ำมัน .....แต่ถ้าปืนไม่ค่อยดูแลละก็ จุดนี้ เป็นจุดดูดซับเหงื่อจากการพกพา เป็นอย่างดี ดังนั้น สนิมจะเพียบ ขี้ฝุ่นจะอื้อซ่าไปหมด ถอดยากหน่อย แต่ก็ต้องออกมาอยู่ดีแหละครับ


.....พออ่านถึงตรงนี้ ...อ๊ะ..อ๊ะ..อย่าเพิ่งดึงเหล็กปิดท้ายลงมาหมด จนหลุดจากปืนนะครับ ไม่งั้นเครื่องในจะกระเด้งออกมาหมด แล้วคุณก็จำไม่ได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน
ช้าก่อน ......ค่อยทำตามผมไป ผมมีทีเด็ดให้คุณศึกษา แล้วคุณจะจำได้ แบบไม่มีวันลืมเลยครับ เริ่มต่อกันเลย .....
...พอตอกสลักปิดท้ายออกมาเสร็จ ..ดึงเหล็กปิดท้ายโครงปืน(เมนสปริงเฮ้าส์ซิ่ง) ลงมาข้างล่างประมาณ 3 มิลลิเมตร ท่านก็สามารถยกหลังอ่อนออกมาได้ เพราะเหตุว่า ช่วงล่างของหลังอ่อน จะมีขาสองขา ถูกขัดเอาไว้โดยเมนสปริงเฮ้าส์ซิ่ง ถึงถอดหลังอ่อนไม่ออกในตอนแรก แต่พอดึงเมนสปริงเฮ้าส์ซิ่ง ถอยลงมาหน่อย ทำให้พ้นจากระยะของขาหลังอ่อน ทำให้ถอดหลังอ่อนออกมาได้  เอาหลังอ่อนไปวางไว้ ในที่ที่ปลอดภัย อย่าเพิ่งดึงเหล็กปิดท้าย(เมนสปริงเฮ้าส์ซิ่ง)ลงมานะครับ
.....จากนั้น ดันเมนสปริงเฮ้าส์ซิ่ง กลับเข้าที่เดิม ให้รูของโครงปืนกับ เมนสปริง เป็นแนวเดียวกัน  เอาเหล็กที่ตอกสลักออก มาสอดเข้าไปในช่องสลัก แล้วง้างนกมาให้อยู่ในจังหวะ ฮาฟคล้อค ต่อไป เป็นชั่วโมงอาวุธศึกษา ศึกษากลไกปืน 1911 ก่อนถอด
.....เมื่อเราถอดหลังอ่อนออกมาได้ โดยปิดเหล็กปิดท้ายโครงปืนไว้เหมือนเดิม เปรียบเสมือน เอามีดผ่าหน้าอกของมนุษย์ เห็นเครื่องในทั้งหมด ผมกำลังจะให้ท่านเห็นกลไกการทำงานของ 1911 แล้วศึกษากลไกไปด้วย เพื่อทุกท่านจะได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ จัดทำขั้นตอนการศึกษาดังนี้
......ง้างนกปืน ให้อยู่ในจังหวะมุมแบบพร้อมยิง จากนั้น เอาเซฟ ใส่กลับเข้าไปที่เดิม โดยไม่ต้องใส่หลังอ่อน คิดว่าท่านคงใส่เข้าแล้วนะครับ ....เพราะผมให้ซ้อมมาก่อนหน้านี้แล้ว
..........เมื่อเอาเซฟใส่กลับเข้าสำเร็จแล้ว คุณจะเห็น เครื่องในทั้งหมด ลองมองตามไปดูนะครับ
....เมื่อเอาหลังอ่อนออกแล้ว เอาเหล็กมาร้อยโครงกับเหล็กปิดท้ายโครงปืนไว้  ง้างนกเอาไว้ เหมือนตอนเตรียมพร้อมยิง เอาเซฟใส่เข้าไปเหมือนเดิม ท่านจะได้เห็นสภาพดังนี้ลองศึกษาตามไปดูนะครับ ก่อนถอดทั้งหมด เพื่อท่านจะได้เข้าใจระบบของมันอย่างแท้จริง
1.ถือปืนด้วยมือขวา โดยเอามือขวากำโกร่งไกปืนไว้ หันด้านหลังของปืนเข้าหาตัวแล้วสังเกต ชิ้นส่วน
2.เมื่อมองไปที่นกปืน นกปืนจะอยู่ในจังหวะเตรียมยิง โดยนกปืนจะหงายท้องอยู่
มองไปที่ด้านหลังของนกปืน จะเห็นก้านยาวๆ 1 ก้าน มีสลักยึดติดกับด้านล่างของนกปืน อันนี้ เป็นสลักยึดก้านนกปืนกับนก มองตามก้านยาวๆ ลงมาด้านล่าง จะเห็นก้านยาวๆ มันจมลงไปในเหล็กปิดท้ายโครงปืน เป็นรูๆ ภายในรูด้านล่าง จะมีสปริง มีหน้าที่ออกแรงดันนกปืนให้ตีเข็มแทงชนวนนั่นเอง
3.เมื่อมองเลยก้านนกปืนเข้าไป จะพบแนบแผ่น หรือแผ่นแนบสีดำ ลักษณะคว่ำหน้าอยู่
แหนบอันนี้ ถูกผ่าออกเป็นสามก้าน หรือที่เขาเรียกว่า แหนบสามชาย นั่นเองแหละครับ
ทีนี้ มาดูการทำงานของแนบสามชายกันหน่อย เป็นไร เพื่อเสริมความเข้าใจในการประกอบกลับคืน โดยไม่ต้องดูตำราก็ยังได้
มองจากทางด้านหลัง ตัวปืน เริ่มจากตัวซ้ายสุด  สังเกตแหนบชายที่อยู่ซ้ายสุด ที่ปลายแหนบจะมีจงอยนิดหนึ่ง จงอยลักษณะคว่ำหน้าลงไป แหนบตัวนี้ จะไปกดขาด้านซ้ายของเซียร์ (เซียร์คือตัว งอ งอ เหมือนพระจันทร์เสี้ยวนะครับ )เห็นไหมครับ ถ้าไม่เชื่อ ลองเอามือจับนกไว้ แล้วเหนี่ยวไกปืนดู ท่านจะเห็นการทำงานของแหนบซ้ายมือตัวนี้ ทันที มันมีหน้าที่กดเซียร์ให้ไปชิดหน้าแง่ของนกอยู่ตลอดเวลา ลองทำดู เห็นแล้วใช่ไหมครับ
....มาดูต่อไป แหนบชายกลาง มีหน้าที่ดันดิสคอนแน็คเตอร์อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ดิสคอนแน็ตเตอร์คือตัวไหนหรือครับ ...ดิสคอนแน็คเตอร์คือ ตัวที่มีปีก เหมือนเครื่องบิน ที่พาดอยู่บนสะพานไก มีก้านยาวต่อขึ้นไปโผล่อยู่ข้างบนสุด ทะลุโครงปืนขึ้นไป เป็นตุ่มเล็กๆ เห็นไหมครับ
อยากรู้หน้าที่ของแหนบชายกลาง ก็เอามือกดตุ่มบนโครงปืนด้านบนซิครับ แหนบชายกลางมีหน้าที่คอยดันดิสคอนฯให้กระเด้ง ขึ้นด้านบนเสมอ ลองกดดูครับ มันจะยุบ พอปล่อยมันจะเด้งขึ้น และท่านจะเห็นการทำงานของแหนบชายกลางครับ ลองดูครับ  
พอพิจารณาแหนบชายกลางเสร็จ รู้หน้าที่ของมันเสร็จ ก็มาดูแหนบตัวด้านขวามือ
.แหนบตัวด้านขวามือ จะไม่เหมือนแหนบซ้ายมือ กับแหนบชายกลาง กล่าวคือ แหนบซ้ายมือ จะอยู่ในลักษณะคว่ำหน้า แหนบชายกลาง ก็คว่ำหน้าหน่อยๆ แต่แหนบซ้ายมือ มันจะแอ่นกลับหลังมาเลย มองไม่ออกว่ามันทำหน้าที่อะไร จริงๆ แล้วมันทำหน้าที่ดันหลังอ่อน ให้เด้งออกมา ภายหลังเราไม่กำปืนแล้ว นั่นแหละครับ
........พอรู้หน้าที่ของแหนบสามชายทั้งสามชายแล้ว ทีนี้ เรามาดูการทำงานของเซฟกันบ้าง ท่านจะได้เข้าใจว่า จอนห์ เอ็ม บราวนิง ออกแบบ ระบบเซฟของ 1911 ได้ดีขนาดไหน ขนาดเป็นมรดกตกทอดไปถึง พี 35 ไฮพาวเวอร์ กันเลย
....การทำงานของเซฟที่ออกแบบโดยจอนห์ฯ จะออกแบบให้เซฟ ไปเบรก เซียร์โดยตรง ไม่เหมือนปืนบางอย่าง ที่ออกแบบให้กลไก ไปห้ามแต่ไกปืนอย่างเดียว  ไม่ได้ล็อคเซฟ โดยตรง เช่น ปืนลูกซองบางอย่าง ปืน นอริงโก้ 213 เป็นต้น
....การออกแบบของจอนห์ฯ ล็อคที่เซียร์เพียงจุดเดียว แต่ส่งผลไปถึง ล็อคหน้านกเอาไว้ และหยุดไกปืนไปในตัวด้วย อัจฉริยะที่สุดแล้วครับ .....ให้ท่านทดลองดังนี้
1....เอาสไลด์ประกอบกลับเข้าที่เดิม ใส่ลำกล้องก็ได้ ไม่ใส่ลำกล้องก็ได้ แล้วแต่ถนัด
2....เลื่อนสไลด์มาให้ถึงจุดเสมอท้ายโครงปืน กับสไลด์ เหมือนตอนประกอบปืนสำเร็จ
3....ลองขึ้นเซฟดู ติ่งเหล็กที่อยู่ภายในของเซฟ จะกระดกขึ้นไปยันพื้นที่เรียบเรียบ ด้านหลังเซียร์ และจะล็อคทั้งเซียร์ ล็อคหน้าแง่นก และล็อคไกไม่ให้ถอยหลังพร้อมกันในคราวเดียว ให้ท่านสังเกต ท่านจะเห็นว่า ส่วนไหน มันสัมผัสกับด้านหลังเซียร์ ท่านจะได้เข้าใจว่ามันขัดล็อคกันอย่างไร


......เมื่อเข้าใจระบบเซฟ กรรมวิธีการล็อคเซียร์ของเซฟแล้ว .....เราจะมาเริ่มถอดกันต่อ
1...ถอดสไลด์ออก ให้เหลือแต่โครงเหมือนเดิม
2...ถอดเซฟออก
3...ลดนกปืนลงชิดโครงเหมือนเดิมให้ฟรี หมดแรงดันของสปริง สปริงเมนจะถอนตัวขึ้นมา
4...ดึงเหล็กที่ขัดโครงปืนกับเหล็กปิดท้ายโครงปืนออก
5...ค่อยๆ ดึงเหล็กปิดท้ายโครงปืนลงมาซัก 1 เซนติเมตร
6...ก้านคันส่งแรงดันนก จะเป็นอิสระจากเหล็กปิดท้าย ให้กระดกหรือพับมันขึ้นไปให้กลับหลังไปให้สุดๆไปเลย
7....ค่อยๆ ดึงเหล็กปิดท้ายโครงปืน ตามออกไปช้าๆ แหนบสามชายจะเริ่ม ขยับตัวลอยขึ้นมา ให้เอามือกดแหนบสามชายไว้ก่อน
8....ดึงเหล็กปิดท้ายออกจากโครงปืน จนหมดทั้งอัน จะเห็นว่า แนบสามชาย จะถูกล็อคเอาไว้กับโครงปืนด้วยเขี้ยวด้านล่างสุดของแหนบ จำจุดนี้ ไว้ เวลาใส่กลับ จะต้องให้เขี้ยวลงไปล็อคในร่องขวางนี้ ไม่งั้นใส่ไม่เข้านะครับ
9.ยกแหนบสามชายออกมา ก่อนยกแหนบสามชายออกมา จดจำจุดสัมผัสของมันไว้ให้ได้แม่นยำ ถ้าจำไม่ได้ ถ่ายรูปไว้เลย จะได้ชัดเจน ไม่งั้นเวลาประกอบกลับ ประกอบเข้าก็จริง แต่ปืนอาจขัดข้องได้
10....เมื่อยกแหนบสามชายออกมาได้ ให้ดันสลักนกปืนจากทางด้านขวา ออกไปทางด้านซ้าย แล้วยกนกปืนออกมา
ให้จดจำไว้ว่า สลักหัวบานไม่เท่ากัน เวลาใส่ ให้เอาหัวมนใส่จากซ้ายมาขวา เวลาถอด ถอดจากขวามาซ้าย ถ้าใส่ผิด สลักอาจไหลออกได้
...11...มองเข้าไป เจอเซียร์ ที่เป็นรูปโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว ร้อยตัวอยู่กับดิสคอนแน็คเตอร์ ภาษาช่างเรียกว่า
เครื่องบิน (มันมีปีกที่ข้างล่างเหมือนเครื่องบิน) มันร้อยกันอยู่ โดยมีสลักอันเล็กเป็นตัวร้อยอยู่ตรงกลาง
เซียร์ จะกระดกหน้า กระดกหลังได้เท่านั้น  เนื่องจากรูที่เซียร์ พอดีกับสลัก แต่ดิสคอนแน็คฯ สามารถขยับขึ้นลงในแนวดิ่งได้ เนื่องจาก รูตรงกลางดิสคอนแน็คฯ กว้างมากๆ
......สังเกตการร้อยของมันให้ดี่ที่สุด และจดจำให้ได้แม่นที่สุด ว่ามันร้อยกันอย่างไร อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่า ขาของเซียร์จะทับอยู่บนปีกเครื่องบิน ให้จดจำไว้
12...ใช้ไม้จิ้มฟัน ดันสลักเซียร์ จากด้านขวา ออกไปทางด้านซ้าย เหมือนสลักนก และสังเกตสลักให้ดี หัวมันบานไม่เท่ากัน เวลาใส่ให้ใส่จากซ้ายมาขวา เหมือนกัน เซียร์และดิสคอนแน็คก็จะร่วงหล่นลงมา ถ้าไม่ร่วง ก็เขี่ยมันออกมาก็ได้
13.ที่นี้ จะเหลือแต่ไกปืน ถอดไม่ออกครับ เพราะมันยังติดปุ่มปลดแม็กกาซีน กั้นอยู่ ต้องเอาปุ่มปลดแม็กกาซีนออกก่อน จึงจะถอดไกปืนออกมาได้
14.ให้มือซ้ายถือปืน หันด้านหน้าของปืนไปทางขวา ท่านก็จะเห็นโครงปืนด้านขวา มองไปที่ปุ่มปลดแม็กกาซีน
ท่านจะเห็น มีหัวสกูรหัวผ่า เล็กๆ มากๆ ฝั่งอยู่ในปุ่มปลดแม็กกาซีน
.....ไอ้เจ้าสกูรหัวผ่าตัวนี้ ก็เจ้าปัญหาเหมือนกัน ในการหัดถอดครั้งแรกต้องใจเย็นเป็นน้ำแข็ง หากใจร้อน ขืนไขมันแรงๆ สกูรหัวผ่าตัวนี้ อาจหัวแตกได้ ทีนี้แหละขอรับ เรื่องใหญ่ ต้องพาไปหาร้านให้เขาเอาสว่านเจาะทิ้ง ดูดออกมาแล้วทำใหม่ ใส่เข้าไป เสียตังค์ และเสียอารมณ์ ดังนั้น ต้องใจเย็นๆเข้าว่าไว้ดังนี้ ครับ
......1.เริ่มการถอดปุ่มปลดแม็กกาซีน ด้วยการใช้มือซ้ายถือปืน หันด้านหน้าของปืนไปทางขวา ท่านจะเห็นปุ่มปลดแม็กกาซีนจากทางด้านขวาของปืน มองไปที่ปุ่มปลดแม็กด้านขวา จะเห็นสกูรหัวผ่า ขนาดเล็ก ให้ท่านหาไขควงปากเล็กขนาดไขควงวัดเช็คไฟฟ้า ก็ได้มาเป็นเครื่องมือในการถอด
..2. ใช้นิ้วชี้ หรือ นิ้วกลาง มือซ้าย กดปุ่มปลดแม็กกาซีน จากทางด้านซ้ายของปืน กดเข้าไปลึกๆ กว่าตอนปลดแม็กกาซีนแบบปกติ กดลึก กดตื้น ไม่เท่ากันในแต่ละกระบอก ท่านต้องหาความชำนาญ งมหาความตื้นลึก ของปุ่มปลดแม็กฯของตัวเอง
...กดเข้าไปให้ลึกที่สุด ใช้ไขควงเล็ก แหย่ลงไปในรูที่มันเกิดขึ้นจากการกดจากอีกด้านหนึ่ง ให้ปลายไขควงลงพอดี กดปุ่มอยู่ตลอดเวลาในระดับเดิมๆ เรื่อยๆ หมุนไขควงทวนเข็มนาฬิกา เบาๆ ทีละนิด ทีละนิด อย่าไปขืน หมุนหาไปเรื่อยๆ ถ้าไม่เจอ ก็ลองผ่อนปุ่มปลดแม็กฯซักนิด แล้วหมุนหาเบาๆ ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอ เมื่อหมุนเจอร่อง ให้หมุนทวนเข็มนาฬิกาให้สุดๆ(ไม่ต้องออกแรงมากเดี๋ยวหัก) จากนั้น ก็จะสามารถยกปุ่มปลดออกมาได้เลย
.....การถอดไกปืน เมื่อปุ่มปลดแม็กกาซีนหลุดออกมาแล้ว ใช้มือซ้ายจับปืน หันด้านหลังเข้าหาตัวเรา หาอะไรเขี่ยสะพานไก ไกก็จะไหลออกมาทางด้านหลังให้เราเชยชมแล้วครับ


       
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #21 เมื่อ: เมษายน 23, 2007, 02:42:28 PM »

...............เสร็จแล้วครับ การถอดประกอบ ทุกชิ้น เหลือ การถอดสปริงปุ่มปลดแม็กกาซีน และการถอดแม็กกาซีนแบบละเอียด จะมาต่อให้คราวหน้า
ยังครับ....ยังไม่หมด....ยังเหลืออธิบายรายละเอียดของปุ่มปลดแม็กกาซีน
อีกทั้ง การถอดละเอียดชุดเมนสปริงเฮ้าส์ซิ่งที่ถอดออกมาจากโครงปืน เพื่อทำความสะอาดให้เอี่ยมไปเลย เพราะ1911 บางกระบอก ง้างนกแล้วรู้สึกหนืดๆ ที่ไหนได้  ถอดเมนสปริงออกมาดู พวกยัดจารบีเอาไว้เต็มเลย จารบี ยัดไว้นานๆ หมดอายุ (พูดไม่สุภาพว่ายัด แต่เขาทำอย่างนั้นจริงๆ ใส่มากเกินไป) พอถอดออกมา ล้างน้ำมันก๊าซ ใส่น้ำมันซูเปอร์แมน หรืออื่นๆ ตามชอบ เท่านั้นแหละครับ ง้างนกแล้ว รู้สึกราบลื่นเลยก็มี 1911 นะจ๊ะ
ต่อจากคราวที่แล้ว เมื่อถอดปุ่มปลดแม็กกาซีนออกมาได้ มันจะออกมาเป็นแท่งเลย
......ให้ท่านมองลงไปที่รูหัวสกูรผ่า สังเกตให้ดีว่า มันจะมีเขี้ยวเล็กๆ เข้าไปขัดอยู่ในแกนแท่งที่มันฝังตัวอยู่ สังเกตรอยผ่าของแทงเหล็ก ที่เป็นปุ่มปลดแม็กฯ จะเห็นสปริงเป็นเกลียว ทอดตัว ยาวไปตามแนว ด้านที่เป็นลายกันลื่น (ด้านที่ใช้กดปลดแม็กฯกันนั่นแหละครับ ) สปริงตัวนี้ มีหน้าที่ในการทำให้ปุ่มปลดแม็กฯยุบตัวได้ ถอนตัวได้เวลาปลดแม็กกาซีนนั่นเอง โดยมีสกูรหัวผ่าตัวเล็กนี้ เป็นตัวบังคับ ควบคุมเอาไว้ เมื่อต้องการถอดออกให้หมดให้ทำดังนี้
1.เอาไขควงอันเดิม แหย่ลงไปให้อยู่ในร่องของหัวสกูรผ่าให้สนิทดี
2.หมุนไขควง ตามเข็มนาฬิกา อย่างช้าๆ ท่านจะสังเกตเห็นเดือย ของหัวสกูรผ่า ที่ฝังอยู่ในแกน เพื่อขัดกลอนสปริงไว้ เผยตัวออกมาช้าๆ ค่อยๆ หมุนตามเข็มนาฬิกา ช้าๆ เมื่อเดือยมาถึงร่องขาดของปุ่มปลดแม็กฯ เขี้ยวหรือเดือยดังกล่าวจะหลุดจากการควบคุม สปริง จะส่งแรงมาดันที่สกูรหัวผ่า สกูรหัวผ่าจะเด้งดึ๋งออกมา เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งปล่อยไขควง ให้ค่อยๆ ผ่อนแรงไขควงออกมาช้าๆ หัวสกูรก็จะค่อยๆ ถอนตามออกมา
จะได้อะไหล่เป็น 3 ชิ้นคือ 1.สกูรหัวผ่า ที่มีเดือยเล็กๆ ด้านข้าง และมีแกนยาว ถูกหุ้มไว้ด้วยสปริง 2. สปริงเล็ก 1 เส้น ยาวประมาณ 2 ซม.(ประมาณนะจ๊ะ) 3.แกนปุ่มปลดแม็กกาซีน
.....อันนี้ เสร็จพิธี ของการย่อยปุ่มปลดแม็กกาซีน
....เหลืออีกชิ้นคือ เหล็กปิดท้ายโครงปืน ซึ่งจะเป็นชิ้นสุดท้าย เริ่มเลยแล้วกัน
.....ให้สังเกตก่อนว่าอะไรเป็นอะไร เอามือซ้าย หยิบเหล็กปิดท้ายโครงปืน ขึ้นมาถือไว้ หันหลังด้านที่มีลายกันลื่น เข้าหาสายตาของเรา ถ้าเป็น 1911 แบบไม่มีลายกันลื่น(ของแท้ดั้งเดิมหายาก)  ก็เอาด้านหลัง หันเข้าหาสายตาของเรา มองไปทางด้านบน ทางขวามือ
จะเห็นสลักเล็กๆ 1 อัน ฝังตัวอยู่  สลักตัวนี้ จะเป็นตัวกั้นไม่ให้ สปริงที่อยู่ข้างใน กระเด้งขึ้นมา ไม่เชื่อลองชะโงกดูด้านบน จะเห็นเหล็กเป็นหลุมๆ อยู่ด้านใน มันมีเส้นรอบวง เป็นวงกลม แต่มันกระเด้งออกมาไม่ได้ เพราะมันมี ไอ้สลักตัวเล็กนี่แหละ มันกั้นอยู่ มองทางด้านขวาเชื่อมต่อกันจะเห็นแกนสลัก ไปขวาง วงกลมเหล็กที่มีรูตรงกลางอยู่ที่ขอบด้านขวา พลิกดูด้านหลังในทางตรงข้ามกัน ก็จะเห็นสลักตัวนี้แหละ แต่หัวบานกว่า และมีหลุมให้หัวบานลงไปแทรกตัวอยู่ เพื่อให้เกิดความเรียบ และไม่ทะลุไปอีกด้านหนึ่ง  ใช้มือซ้ายเอียงด้านขวาหรือซ้ายของเหล็กปิดท้ายก็ได้ มองเข้าไปในรูที่เราตอกสลักออก ในขั้นตอนแรกที่เราถอดโครงปืน จะเห็น รูวงกลมภายใน ไม่กลม มีตุ่มอะไรไม่รู้โผล่ออกมาหน่อยหนึ่ง ไอ้ตุ่มนั่นแหละครับ เดี๋ยวคุณจะเห็นว่า มันเป็นตัวมาล็อค มาแทงล็อคอยู่ที่ร่องกลางสลักเหล็กปิดท้ายโครงปืนที่ถอดออกไปในตอนเริ่มต้นถอด
.
....ลองพลิกด้านหน้าดู จะเห็นเนื้อเหล็ก หนาบาง ไม่เท่ากัน เขาจะปาดเนื้อเหล็กด้านบนให้บางกว่าด้านล่าง ที่ทำอย่างนั้น เพื่อให้เป็นที่อยู่ของแหนบสามชาย เวลาประกอบเข้าไปนะขอรับ.......
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมในขั้นแรก
1.ตะเกียบสำหรับกินก๋วยเตี๋ยว 1 อัน
2.ตะปู หรือเหล็ก ขนาดเล็กกว่าสลัก สักนิดหนึ่ง 1 อัน (แนะนำตะปู 1 นิ้ว ก็ได้)
3.ไม้จิ้มฟัน ชนิดที่ทำจากไม้ไผ่ แบบแหลมสองด้าน 1 อัน
4.อุปกรณ์การตอก 1 อัน ค้อนเล็กก็ได้ ด้ามไขควงไม้ -พลาสติกใส หลากสี ก็ได้
ด้ามแปรงลวดแบบ แบนๆ ก็ได้
....เริ่มการถอด
1.เอาเหล็กปิดท้ายโครงปืน คว่ำหน้าลงบนโต๊ะไม้ โต๊ะทำงาน โดยใช้ ผ้า หรืออะไรก็ได้ นิ่มๆ หน่อย รอง ก่อนคว่ำหน้า
2.เอาเหล็กขนาดเล็กกว่าสลัก ตอกจากด้านหลัง ไปทางด้านหน้า 1 โป้ง (เบาๆ ก็พอ )
ตอกเบาๆ พอให้รู้สึกว่า สลักนั้น เคลื่อนตัวไปนิดเดียว ก็พอแล้ว
ที่ให้ทำอย่างนี้ เนื่องจากปืนบางกระบอก ไม่เคยถอดเลยตั้งแต่เกิดออกมาถึงปัจจุบัน บางครั้ง สกปรก สนิม ทำให้ต้องตอก แต่กระบอกของผมไม่ต้องตอก เพราะถอดประจำ
3.เมื่อตอกเสร็จ ลองพลิกเหล็กปิดท้ายโครงปืนมาดู จะเห็นว่า หัวสลัก ที่เป็นหัวบานๆ มันเริ่มโผล่ออกมาจากหลุมเรียบๆ แล้ว แต่มันดึงไม่ออก เพราะถูกแกนสปริงดันนก ด้านล่างดันอยู่
4. เอาเหล็กปิดท้ายโครงปืน ตั้งในแนวดิ่ง เอาตะเกียบ กดลงไปในหลุม สปริงดันนก มันจะยุบตัวลงไปได้ ถ้าเป็นแบบไม่มีห่วง (ปืนพาณิชย์) ให้วางกับโต๊ะก็ได้ มันจะมีส่วนเรียบด้านล่าง พอวางเหล็กปิดท้ายกับโต๊ะได้ แต่ถ้าเป็นยูเอสอาร์มมี่ มันมีห่วง จะวางไม่ได้
5.ทำอย่างไรก็ได้ ให้ตะเกียบ กดเข้าไปในหลุม ดันสปริงดันนกลงไปเล็กน้อย สลักตัวน้อยของเราก็จะเป็นอิสระ ให้เอาไม้จิ้มฟัน ดันสลักจากทางด้านหลังไปออกด้านหน้า
แล้วค่อยๆ ผ่อนตะเกียบออกจากหลุม สปริงนกก็จะโผล่ยาวขึ้นมา เอามือดึงออกมาล้างทำความสะอาดได้เลย
...พอถอดออกหมด ก็จะเห็น สปริง ยกขึ้นมาทั้งยวงเลย ด้านบน เป็นเหล็ก หัวหลุม หลุมนั้น เอาไว้ให้หางก้านนกปืน จิกเอาไว้ เพื่อส่งแรงไปดันตกให้สับท้ายลูกกระสุนปืน
สปริงเส้นขนาดเขื่อง กดด้วยมือไม่ค่อยไหว ต้องใช้หลักกลศาสตร์ ในการกด ก็คือให้ข้อเหวี่ยงในการง้างนกให้เกิดพลังไปกด ในขณะที่สปริงอยู่ในที่จำกัด ถูกควบคุมด้วย หลอดของมัน ถ้าไปกดตรงๆ โดยไม่อยู่ในเหล็กปิดท้ายโครงปืน มันคงเด้ง ออกไปทางใดทางหนึ่งเป็นแน่ มองลงไปสุดท้าย จะเห็นเหล็กหัวแหลม ไอ้หัวแหลมนั่นแหละ มันจะไปจิกทะลุเหล็กปิดท้ายโครงปืน เข้าไปในช่องสลัก แล้วไปจิกอยู่กลางสลัก (สลักจะมีรอยขวั่นตรงกลาง เห็นไหมครับ)
.....ส่วนกรณี ยูเอสอาร์มมี่ การถอดห่วง ด้วยความเคารพ และยอมรับความจริง ไม่เคยถอดห่วงออกมาเลย มันมีสลักอยู่ตัวหนึ่ง ขวางอยู่ ตอกสลักออก มันก็คงดึงห่วงออกมาได้ แต่ ผมไม่เคยถอดเลย เพราะเคยเจอบางกระบอก สนิมกินเสียกรอบไปหมดแล้วในส่วนของห่วง เลยไม่กล้าถอด กลัวถอดแล้ว ใส่ไม่เข้า
แต่ถ้าของใครสภาพดี ลองดูก็ได้ ....แต่ผมยอมรับว่าผมไม่เคยถอดห่วง พอได้แค่นี้ ผมก็ลงมือล้างแล้วครับ ......

....เริ่มการถอด
1.เอาเหล็กปิดท้ายโครงปืน คว่ำหน้าลงบนโต๊ะไม้ โต๊ะทำงาน โดยใช้ ผ้า หรืออะไรก็ได้ นิ่มๆ หน่อย รอง ก่อนคว่ำหน้า
2.เอาเหล็กขนาดเล็กกว่าสลัก ตอกจากด้านหลัง ไปทางด้านหน้า 1 โป้ง (เบาๆ ก็พอ )
ตอกเบาๆ พอให้รู้สึกว่า สลักนั้น เคลื่อนตัวไปนิดเดียว ก็พอแล้ว
ที่ให้ทำอย่างนี้ เนื่องจากปืนบางกระบอก ไม่เคยถอดเลยตั้งแต่เกิดออกมาถึงปัจจุบัน บางครั้ง สกปรก สนิม ทำให้ต้องตอก แต่กระบอกของผมไม่ต้องตอก เพราะถอดประจำ
3.เมื่อตอกเสร็จ ลองพลิกเหล็กปิดท้ายโครงปืนมาดู จะเห็นว่า หัวสลัก ที่เป็นหัวบานๆ มันเริ่มโผล่ออกมาจากหลุมเรียบๆ แล้ว แต่มันดึงไม่ออก เพราะถูกแกนสปริงดันนก ด้านล่างดันอยู่
4. เอาเหล็กปิดท้ายโครงปืน ตั้งในแนวดิ่ง เอาตะเกียบ กดลงไปในหลุม สปริงดันนก มันจะยุบตัวลงไปได้ ถ้าเป็นแบบไม่มีห่วง (ปืนพาณิชย์) ให้วางกับโต๊ะก็ได้ มันจะมีส่วนเรียบด้านล่าง พอวางเหล็กปิดท้ายกับโต๊ะได้ แต่ถ้าเป็นยูเอสอาร์มมี่ มันมีห่วง จะวางไม่ได้
5.ทำอย่างไรก็ได้ ให้ตะเกียบ กดเข้าไปในหลุม ดันสปริงดันนกลงไปเล็กน้อย สลักตัวน้อยของเราก็จะเป็นอิสระ ให้เอาไม้จิ้มฟัน ดันสลักจากทางด้านหลังไปออกด้านหน้า
แล้วค่อยๆ ผ่อนตะเกียบออกจากหลุม สปริงนกก็จะโผล่ยาวขึ้นมา เอามือดึงออกมาล้างทำความสะอาดได้เลย
...พอถอดออกหมด ก็จะเห็น สปริง ยกขึ้นมาทั้งยวงเลย ด้านบน เป็นเหล็ก หัวหลุม หลุมนั้น เอาไว้ให้หางก้านนกปืน จิกเอาไว้ เพื่อส่งแรงไปดันตกให้สับท้ายลูกกระสุนปืน
สปริงเส้นขนาดเขื่อง กดด้วยมือไม่ค่อยไหว ต้องใช้หลักกลศาสตร์ ในการกด ก็คือให้ข้อเหวี่ยงในการง้างนกให้เกิดพลังไปกด ในขณะที่สปริงอยู่ในที่จำกัด ถูกควบคุมด้วย หลอดของมัน ถ้าไปกดตรงๆ โดยไม่อยู่ในเหล็กปิดท้ายโครงปืน มันคงเด้ง ออกไปทางใดทางหนึ่งเป็นแน่ มองลงไปสุดท้าย จะเห็นเหล็กหัวแหลม ไอ้หัวแหลมนั่นแหละ มันจะไปจิกทะลุเหล็กปิดท้ายโครงปืน เข้าไปในช่องสลัก แล้วไปจิกอยู่กลางสลัก (สลักจะมีรอยขวั่นตรงกลาง เห็นไหมครับ)
.....ส่วนกรณี ยูเอสอาร์มมี่ การถอดห่วง ด้วยความเคารพ และยอมรับความจริง ไม่เคยถอดห่วงออกมาเลย มันมีสลักอยู่ตัวหนึ่ง ขวางอยู่ ตอกสลักออก มันก็คงดึงห่วงออกมาได้ แต่ ผมไม่เคยถอดเลย เพราะเคยเจอบางกระบอก สนิมกินเสียกรอบไปหมดแล้วในส่วนของห่วง เลยไม่กล้าถอด กลัวถอดแล้ว ใส่ไม่เข้า
แต่ถ้าของใครสภาพดี ลองดูก็ได้ ....แต่ผมยอมรับว่าผมไม่เคยถอดห่วง พอได้แค่นี้ ผมก็ลงมือล้างแล้วครับ ......


.......ต่อไป การถอดแม็กกาซีน 1911 ชนิดมาตรฐานเดิม แบบละเอียด
...ก่อนอื่นต้องศึกษาแม็กกาซีนเสียก่อน
แม็กกาซีนมีชิ้นส่วนอยู่ 3 ชิ้น คือ 1.ตัวแม็กกาซีน ได้แก่ เหล็กหุ้มนอก ทั้งหมด ที่เจาะเป็นรูๆ ด้านข้างเพื่อไว้นับกระสุน และถอดประกอบ  รวมส่วนส้นแม็กที่ตีตรา ม้า 1 ตัว และอักษร โคลท์ .45 ออโต
2.สปริงที่ขดไปมาอยู่ในแม็กกาซีน เมื่อถอดออกมาแล้ว ให้จำ ทิศบน ทิศล่าง ด้านหน้า ด้านหลัง ไว้ด้วย ห้ามใส่สลับเด็ดขาดไม่งั้น เจ๊ง
3.ลิ้นแม็กกาซีน ของมาตรฐาน เป็นเหล็กแผ่น เอามาพับเป็นรูปตัวแอล หัวทิ่ม ด้านล่างใช้พยุงสปริง อยู่ด้านหลัง ในส่วนเรียบ ของแม็ก ฯ ด้านบนแบนราบ มีตุ่มตรงกลาง เอาไว้สะดุดกระสุน เอาไว้ให้ลดแรงเสียดทาน และผ่าครึ่งหนึ่ง งอซีกซ้ายไว้เป็นตัวแอลอีกเหมือนกัน เอาไว้ดันคันล็อคสไลด์ เวลากระสุนหมดจะทำให้สไลด์ค้างนั่นแหละครับ
.....4.....อันนี้ สำคัญนักหนา มองลอดเข้าไปใต้ลิ้นแม็กกาซีน จะเห็นปลายของสปริงดันแม็ก ไปดันใต้แผ่นลิ้นแม็กด้านในอยู่ เป็นหัวขมวด กลมๆ จำไว้ว่า มันดันอยู่ในตำแหน่งตรงไหน ให้จดจำมันไว้ให้ได้ เพราะเวลาใส่ จะต้องทำให้เข้าที่เดิม ไม่งั้น แม็กกาซีนอาจทำงานผิดปกติภายหลังการถอด  
...........เมื่อศึกษาสภาพทั่วไปแล้ว มาศึกษาทิศทางกันนะครับ เพื่อความเข้าใจตรงกัน
ด้านหน้า...กระผมหมายถึง ด้านที่กระสุนหันไปข้างหน้า หรือที่ส้นแม็ก มีลิ้น ชี้ไปข้างหน้า นั่นแหละครับ
ด้านหลังหมายถึง ด้านเรียบ ด้านหลังแม็กกาซีน เข้าใจนะครับ เริ่มถอดเลยครับ
1.เอาไม้ตะเกียบ หรือด้ามแปรงลวดทองเหลืองชนิดแบน ขนาดเท่าลูกกระสุน ยัดลงไปให้ลิ้นแม็กฯยุบตัวลงไปประมาณ ครึ่งแม็กกาซีน
2.หาตะปู 2 นิ้ว หรือ 1 นิ้ว(ลำบากนิดหน่อย) หรือไม้เสียบลูกชิ้นแข็งๆ หรือพลาสติกหลอดแข็งๆ ที่ใส่เข้าไปในรู ที่เจาะไว้ดูกระสุน ให้เสียบเข้าไปขวางสปริง ในส่วนรูด้านหน้า( ด้านข้างแม็ก จะมีรูอยู่สองด้าน คือ ด้านหน้า และด้านหลัง ให้เสียบรูด้านหน้า ใต้แผ่นลิ้นแม็กกาซีน)
3.เมื่อเสียบเข้าไปแล้ว เป็นการล็อคกำลังดีดของสปริงแม็ก ทีนี้ ยกไม้ที่กดลิ้นแม็กออก
ลิ้นแม็ก จะตายสนิทอยู่ข้างล่าง จะไม่เด้งตามขึ้นไป เพราะโดนเราขัดสปริงไว้แล้ว
4.เมื่อเราขัดสปริงในรูช่องหน้า สปริงก็ดื้อ มันไม่ยอมหยุด มันพยายามดันตัวเองขึ้นข้างบน แต่ขึ้นไม่ได้ เมื่อเราขัดรูหน้า ทำให้ด้านหน้าของสปริงขึ้นไม่ได้ แต่รูด้านหลัง เราไม่ได้ขัดไว้ ทำให้มันพยายามดันตัวเองขึ้น ทำให้ด้านหลังของแม็กกาซีนเกิดช่องว่าง คลายขาลิ้นแม็กที่ถูกหนีบไว้ให้เป็นอิสระ
5.กลับหัวแม็กกาซีนลงบนฝ่ามือของเรา เคาะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เดี๋ยวลิ้นแม็ก ก็จะหล่นลงมา คาอยู่ที่ปากแม็กกาซีน จำทิศทางเอาไว้ ว่ามันอยู่อย่างไร ถ่ายรูปไว้ก็ได้ แล้วค่อยๆ ยกมันออกมา
....ถ้ามันดื้อ ไม่ยอมออกมา เคาะกับขอบโต๊ะก็ได้ แต่อย่าแรงมาก เดี๋ยวปากแม็กเสียรูป จะต้องซื้อแม็กฯใหม่
6.เมื่อลิ้นแม็กออกมาได้ ให้เอาไม้ที่แหย่ลิ้นแม็กลงไปในตอนแรก แหย่เข้าไปในแม็ก กดสปริงลงนิดหน่อย เพื่อให้สปริงที่งับ เหล็กที่เสียบขวางไว้ คลายตัวออก
7.ดึงเหล็กที่ขัดสปริงออก แล้วค่อยๆ ผ่อนไม้ออก สปริงจะดันไม้ออกไปทางปากแม็กกาซีน  แล้วค่อยๆ ยกสปริงออก จำทิศทางไว้ให้ได้ ว่าออกอย่างไร ใส่อย่างนั้น ไม่งั้น เจ็ง

......คำเตือน การถอดแม็ก ฯ ถ้าไม่จำเป็น ไม่ต้องถอด ให้กดสปริงลงไป เอาเหล็กขัดลิ้นแม็กไว้ เอาผ้าห่อนิ้ว เอื้อมลงไปเช็ดภายในลึกๆ หน่อย เอาน้ำมันฉีดแล้ว ปล่อยลิ้นแม็กคืนมาก็ใช้ได้แล้ว ถ้าถอดไม่ชำนาญ อาจใส่ไม่เข้าที่ แม้บางครั้งจะดูเหมือน โอเค แต่ปฏิบัติการอาจไม่เรียบร้อย ค่อยๆ หาความชำนาญไปครับ
 เมื่อถอดประกอบเสร็จแล้ว ก็ล้างตามกรรมวิธีของแต่ละท่าน ก่อนประกอบกลับ ต้องเคลือบน้ำมันทุกชิ้น จะฉีด จะชุบผ้าเช็ด จะชุบสำลีเช็ดหมาดๆ แล้วแต่ถนัด จากนั้น ..มาประกอบชิ้นส่วนประกอบกันก่อน แล้วค่อยประกอบตัวใหญ่นะครับ
1.การประกอบแม็กกาซีนกลับ
....หยิบตัวแม็กฯขึ้นมาไว้บนโต๊ะ
...เอาสปริงแม็กกาซีนใส่เข้าไป ให้ด้านที่ขดไปหัวกลมอยู่ข้างบน ให้ด้านที่ตัดลวดไว้เฉยๆ อยู่ด้านล่าง โดยด้านบนที่เป็นหัวขดนั้น ให้หันหน้าไปทางด้านหน้าของแม็กกาซีน
....เอาด้ามแปลงลวดที่เป็นไม้ ไม้ หรืออะไรก็ได้ ดันสปริงลงไปข้างล่าง อย่างระมัดระวัง เพราะมันอาจจะดีดออกมาใส่หน้าก็ได้ ค่อยๆ เอามือซ้าย ประคองสปริง มือขวากดไม้ดันสปริงลงไป
...ลงไปให้ได้ถึงกลางแม็กกาซีน เอาตะปูเสียบเข้าไปในช่องนับกระสุนที่เป็นช่องด้านหน้า เพื่อล็อคส่วนบนของสปริงแม็กกาซีนไว้ สปริง จะพยายามดันตัวเองขึ้นข้างบน แต่ถูกตะปูขัดไว้ด้านหน้า ด้านหลังมันจึงพยายามดันขึ้น เป็นผลให้สปริงด้านหลัง อ้าตัวออก เหมาะที่จะเป็นที่เสียบขา ลิ้นแม็กกาซีน
.....จากนั้น หยิบลิ้นแม็กกาซีน เข้ามาใส่ในตัวแม็กฯ โดยถอยหลังลง เอาขาลิ้นแม็กกาซีน หย่อนลงไป จากทางด้านปากแม็กกาซีน แล้วปล่อยลงไป ลิ้นแม็กฯจะหล่นลงไปเลย
ขาแม็กฯก็จะเสียบลงไปด้านหลังสปริงด้านหลัง พอดี ถ้าไม่ลง หาอะไรเขี่ยๆ ให้ลงหน่อย
พอลงไปจนหมดแล้ว เอาด้ามแปรงไม้ ลงไปยันไว้ กดไว้ซักนิด เพื่อให้สปริง คลายตัวที่งับตะปูไว้ ดึงตะปูที่เสียบออก  ลิ้นแม็กฯจะดันด้ามแปรงฯพุ่งขึ้นด้านบน ให้ค่อยๆ ผ่อนด้ามแปรงออก เสร็จพิธี
...แต่ว่า ให้ตรวจสอบ สปริงที่ขดไว้ด้านบน ให้อยู่ใต้ลิ้นแม็กกาซีนให้สนิทเข้าที ก็ใช้ได้
ทดลองเอาด้ามแปรง กดลงไปลึกๆ ถ้าลิ้นแม็กฯลื่นไปมา สะดวก ก็โอเคฯ
เสร็จพิธีการประกอบแม็ก ฯ ...กาซีน แล้วครับ
....ต่อไป การประกอบเมนสปริง เฮ้าส์ซิ่ง เข้าที่เดิม ..............
.....เอาตัวเหล็กเมนสปริงมาตั้ง เอาหัวเหล็กที่ติดสปริงที่เป็นหัวแหลม แหย่ลงไปก่อน ที่ท้ายเหล็กหัวแหลม มันจะติดสปริงเป็นเส้นยาว ใส่ตามลงไป จากนั้น เอาเหล็กที่มีหัวเป็นหลุม ใส่ตามลงไป มันจะใส่ไม่จมลงไปในเมนสปริง มันจะโด่เด่ อยู่อย่างนั้น
เอาตะเกียบกดเหล็กที่มีหัวหลุมลงไป ให้จมลงไป ให้มิด ขั้นตอนนี้ ระวังหน่อย มันอาจ
จะเด้งออกมา เข้าหูเข้าตาได้ ประคองกันตามอัธยาศัยก็แล้วกัน
เมื่อกดลงจนมิด รีบเอาสลักตัวเล็กที่ห้วบานข้างหนึ่ง หัวเล็กข้างหนึ่ง สอดเข้าไปในรู สอดเข้าไปด้านเรียบ ให้ปลายด้านเล็ก พุ่งออกมาทางลายกันลื่น กดเข้าไปให้สนิท จนหัวบาน เข้าไปอยู่ในช่องของมันให้สนิทที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าไม่สนิท เวลาประกอบ เข้ากับโครงปืน มันจะฝืด เพราะมันจะเกินขึ้นมายันกับโครงปืน
............เสร็จการประกอบ เมนสปริง เฮ้าส์ซิ่ง

..ต่อไป การประกอบ ชุดปุ่มปลดแม็กกาซีน
1..หยิบสกูรหัวผ่า ตัวเล็กขึ้นมา ใส่สปริงที่แกนให้เรียบร้อย ถือไว้ด้วยมือขวา
2.มือซ้ายหยิบ แกนปุ่มปลดแม็กฯขึ้นมา ถือไว้
3.เอาสปริงที่เสียบอยู่กับสกูรหย่อนลงไปในรู ที่เจาะอยู่ที่ปุ่มปลดแม็กฯ
4.เอาไขควงอันเล็ก ใส่ลงในหัวสกูรหัวผ่า
5.หมุนไขควงให้เขี้ยว/เดือยเล็กๆ ที่ติดอยู่ข้าง สกูรหัวผ่า  ให้ตรงกับช่องที่ผ่าตามยาว
6.กดไขควงลงไป ให้หัวสกูรจมลงไป
7.พอเขี้ยว ถึงรอยขวั่น ขวางทางด้านซ้าย  หมุนไขควงทวนเข็มนาฬิกา ให้เดือยหมุนตัวเข้าไปขัดอยู่ในช่องเหล็กขวาง หมุนให้จมที่สุด อย่าให้โผล่ ไม่งั้นเวลาใส่ จะใส่ยาก
......เสร็จแล้ว การเตรียม ปุ่มปลดแม็กฯ
..การประกอบชิ้นส่วนเข้าโครงปืน
......ในช่วงนี้ ชิ้นส่วนอะไหล่ต่าง ๆ คงกองรวมอยู่บนโต๊ะ จริงๆ แล้ว ถ้าสามารถแยกให้เป็นหมวดหมู่ไว้แต่ตอนถอด ก็จะดีมากสำหรับมือใหม่ๆ นะครับ เริ่มเลยแล้วกัน

       
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #22 เมื่อ: เมษายน 23, 2007, 02:43:19 PM »

......เอาน้ำมันลูบไกปืนให้หมาดๆ ก่อน จากนั้น
...1. เอามือซ้ายหยิบโครงปืนที่ว่างเปล่าขึ้นมาถือไว้ หันด้านหลังโครงปืนบริเวณช่องใส่นก ใส่หลังอ่อนเข้าให้สายตาของเรา มองให้ทะลุไปถึงโกร่งไกด้านหน้าเลยครับ ท่านจะเห็นช่องสำหรับใส่ไกปืน มองตรงเข้าไป ด้านข้าง ภายในช่องแม็กกาซีน จะมีบ่า เป็นทางยาวขนานไปทั้งสองข้าง นั่นเป็นที่วางสะพานไก ของไกปืนครับ
..2 เอามือขวา หยิบไกปืนขึ้นมา ให้เอาหน้าไกปืน ใส่เข้าไปในช่องทางที่ถอดมันออกมา ใส่เข้าไปตรงๆ มันก็เข้าแล้วครับ แต่ต้องใส่ไกปืนให้ด้านหลังสุดของสะพานไกที่มาทำงานกับระบบลั่นไก...อยู่ในลักษณะ คว่ำ นะครับ ไม่งั้น ใส่ไม่เข้า
..3.เมื่อใส่ไกเข้าไปแล้ว ขยับๆ ดูให้คล่องตัว
......เอาน้ำมัน ลูบปุ่มปลดแม็กกาซีนให้ทั่ว ทุกซอกทุกมุม
.......มองลงไปในช่องใส่ปุ่มปลดแม็กกาซีน ซีกเหล็กในส่วนด้านหน้า ท่านจะเห็นเขาคว้านช่อง เป็นยาวยาว ตามส่วนโค้ง นั่นแหละ เขาเอาไว้ล็อคเขี้ยวสกูรหัวผ่าครับ
เวลาจะใส่ ท่านจะต้องเลี้ยงปุ่มปลดแม็กฯ ให้เขี้ยวมาตรงร่องดังกล่าวเพื่อบิดไขควงให้เขี้ยวเข้าไปล็อคอยู่ในร่องนั้นให้ได้
.....1..เอาปุ่มปลดแม็กกาซีนที่ใส่สกูรหัวผ่าไว้แล้ว ขัดสลักไว้แล้วพร้อม หยอดลงไปในช่องรูปลดแม็กที่โครงปืน โดยแหย่ด้านที่เป็นลายกันลื่นเข้าไปก่อน ใส่จากทางด้านขวา ไปออกด้านซ้าย
.....2. ให้นิ้วชี้มือซ้าย ดันปุ่มปลดแม็ก ฯ จากทางด้านซ้ายของโครงปืน ให้โผล่พ้น ขอบโครงปืนทางด้านขวาเล็กน้อย จากนั้น ค่อยๆ ใช้ไขควงเล็ก หมุนตามเข็มนาฬิกา เพื่อให้เขี้ยว ข้างหัวสกูร เข้าไป อยู่ในร่องด้านหน้าให้ได้ ถ้าหมุนเข้าไปได้ มันจะดังกลิ๊ก ทำให้ปุ่มปลดแม็กเข้าสู่สภาวะพร้อมทำงาน ถือว่าเสร็จการใส่ปุ่มปลดแม็กกาซีน

....ไว้มาต่อการใส่เซียร์ และดิสคอนแนคเตอร์ ในคราวหน้า..
วิธีถอดใส่ อันนี้ เป็นเบสิก พื้นฐานสำหรับคนบ้าโคลท์แบบเข้าใส้ครับ....ซึ่งพอศึกษากันได้ ด้วยตนเอง เทคนิคการประกอบบางจุด ก็เป็นเทคนิคเฉพาะตัว ซึ่งบางอย่างเป็นเทคนิคเฉพาะตัวของผม ผมจึงกล้าเขียน เพราะไม่ซ้ำกับใคร
.....แต่การเขียนแบบที่พี่ต้องการนั้น ....ผู้เขียนจะต้องกล้าหาญมาก คือ
1.จะต้องมีพื้นฐานด้านประวัติของโคลท์อย่างแม่นยำ ไม่งั้นอาจตกม้าตายได้ ถ้ามีคนเขารู้ดีกว่า
2.จะต้องอ่านหนังสือต่างประเทศ ค้นจากอินเตอร์เน็ทของต่างประเทศ ต้องอ่านภาษาอังกฤษออกด้วย ต้องเข้าใจประวัติของโคลท์ ต้องเข้าใจห้วงการผลิตของแต่ละยุค แต่ละสมัย ...อีกทั้งคุณสมบัติของบริษัทโคลท์ มี่มักจะมั่วอะไหล่มาจากโรงงาน เป็นบางรุ่น บางยุคก็มี เช่น โคลท์ม้ากลับ ผลิตในห้วง ที่โครงและสไลด์ เป็น 1911 เอ1 แล้ว แต่ดันไปเอานก ไปเอาปุ่มปลดแม็ก ไปเอาคันล็อคสไลด์แบบ ยูเอสอาร์มี่ของทหารแบบ 1911 ธรรมดา  มาปะปนกับโครง 1911 เอ1
...หรือในช่วงออก คอมแบ็ท เอลีท รุ่นแรกๆ ก็มั่ว เอานกหงอนแบบมาตรฐานซีรีส์80 มาใส่กับหลังอ่อนแบบ นกรู(นกคอมแบ็ท)
....หรืออีลีทรุ่นหลังๆ ต่อมา ก็มีสะพานบนสไลด์อีก...เอาเข้าไป ...หลายอย่างมาก
ดังนั้น ผู้เขียนตำราดังกล่าวจะต้องเก๋าเป็นอย่างยิ่ง จึงจะเขียนได้โดยไร้ข้อโต้แย้ง
เพราะถ้าโต้แย้งได้ เขียนไปก็ไม่มีใครเชื่อหรอกครับ
.....แต่ถ้าจะถามมาเป็นคราวๆ ดูแล้วใช่หรือไม่ ให้ช่วยดูให้ อย่างนี้ พอไหวครับ
ดูแล้ว ก็พล่าม แถมๆ กันไปเป็นของแถม จะได้ไม่เบื่อไงละครับ ....
ถ้าเขียนหมดไส้หมดพุง ....แล้วต่อไป ผมจะคุยกับใครละครับ ......จริงไหมครับ
เข้ามาเป็นคราวๆ ดีกว่าครับ ...ผมยินดีตอบ ผิดถูกอย่างไร ก็มีคนแย้งอยู่แล้ว
......เริ่มเลยแล้วกัน
...1.หลังจากประกอบไกปืนเข้าที่แล้ว ให้เอามือขวาถือโครงปืนไว้ เอาหน้าโครงปืนทิ่มลงไปประมาณ 45 องศา มองลอดเข้าไปแล้วมองโค้งขึ้นด้านบน จะเห็นรูสำหรับ สอดปลายดีสคอนแน็คเตอร์ เข้าไป
2.จับดิสคอนแน็คเตอร์ ภาษาช่างเรียกว่า เครื่องปืน  เอามือขวา ถือเครื่องบิน ลักษณะ คว่ำหน้าลง (อย่างไรเป็นคว่ำหน้า คือ ตรงกลางเครื่องบิน จะมีช่องกว้างๆ เป็นวงไม่เสมอกัน ผมถือว่าด้านที่โค้งมาก เป็นหลังค่อมแล้วกันนะ เอาหลังค่อมเข้าหาตัวเรา เครื่องบินก็จะคว่ำหน้าเอง)  เอาหัวเครื่องบินสอดเข้าไปในโครงปืน ให้หัวเครื่องบิน ที่เป็นด้านมนๆ เข้าไปในรูของโครงปืน โดยให้ปีกเครื่องบินซึ่งอยู่ด้านล่าง วางอยู่บนด้านหลังสุดของสะพานไกปืน มันจะหล่นไปหล่นมานิดหน่อย ประคองมันไว้แล้วกัน ถ้าไม่อยากให้มันหล่นก็เอาไม้จิ้มฟันชนิดไม้ไผ่ปลายแหลมเสียบเข้าไปในรูสลักของโครงปืน ร้อยไปทะลุอีกฝั่งไว้ก็ได้ มันจะได้ไม่หล่น) แต่เวลาจะประกอบเซียร์จริงๆ ต้องถอดไม้จิ้มฟันออกก่อนนะจ๊ะ 
3. เอาเซียร์ (ตัวที่เป็นพระจันทร์เสี้ยว ) เอาด้านที่เป็นส่วนโค้ง วางลงไป ให้ท้องของเครื่องบิน (ดิสคอนแน็คเตอร์ )เข้าไปอยู่หว่างกลางเซียร์ โดยปลายเซียร์ หงายท้องเข้าหาหน้าของเรา ขาของเซียร์ทั้งสองข้าง จะต้องวางอยู่บนปีกเครื่องบิน (ห้ามอยู่ใต้ปีกเครื่องบินอย่างเด็ดขาด ไม่งั้นไม่สำเร็จ  เมื่อเอาเซียร์ใส่ลงไปแล้ว จะต้องทำให้รูตรงกัน 3 รู ดังนี้คือ  1..รูโครงปืน..2..รูเซียร์ ...3.รู...ท้องของดิสคอนแน็คเตอร์ เพื่อร้อยสลัก
.....อีตอนนี้ แหละ จอนห์ บราวนิง จินตนาการเอาไว้ ไม่ได้บอกวิธีทำไงให้มันตรงกัน
จอนห์ จินตนาการไว้ในการออกแบบให้มันทำงาน แต่ไม่มีวิธีใส่ ดังนั้น ต้องหาเทคนิกกันเอาเอง เทคนิคของผมคือ ไม้จิ้มฟันไม้ไผ่ปลายแหลมแสนรัก ของผม ใช้แหย่นำร่องเข้าไปก่อน แล้วค่อยๆ จัดแถวให้พรรคพวก ร้อยรวมเป็นแนวเดียวกัน จากนั้น เอียงตัวปืนนอนลงกับพื้นโต๊ะแล้วค่อยๆ ดึงไม้จิ้มฟันออกในแนวตรงอย่างช้าๆ เพื่อให้สิ่งที่ร้อยไว้ยังคงอยู่ในแนวเดียวกัน
4.จากนั้น เอาสลักตัวจริงมาถือไว้ เป็นสลักตัวเล็ก ด้านหนึ่ง หัวบาน ด้านหนึ่ง หัวไม่บาน เอาด้านหัวไม่บาน เสียบจากทางซ้ายของโครงปืน ไปทะลุทางขวาของโครงปืน
.....เสร็จพิธีการร้อยเซียร์ กับดิสคอนแนคเตอร์กับโครง แล้วครับ
1..พอร้อยเซียร์ ดิสคอนแน็คฯ เสร็จแล้ว พยายาม จัดให้ ขาของเซียร์ ทับอยู่บนปีกเครื่องบินของดิสคอนแน็คฯ เพราะดิสคอนแน็ค มันชอบไหลลงมาเรื่อยๆ
2...ถือปืนด้วยมือซ้าย เอามือขวาหยิบนกปืน เอานกปืนใส่เข้าไป เอาหน้านกปืนที่จะฟาดเข็ม หันเข้าหาปืน แล้วเอาสลักนกปืน
(หวังว่าคงจำได้นะ ขนาดใหญ่ มีหัวบานข้างหนึ่ง หัวไม่บานข้างหนึ่ง) เอานกใส่ เอาสลักเสียบจากโครงปืนด้านซ้าย ไปออกด้านขวา
3. พอใส่นกปืนเสร็จ กระดกหางนกปืนกลับหัวขึ้นไปข้างบน  ไปให้สุดเลย
4.เอามือซ้ายถือนกปืน เอามือขวาจับแหนบสามชาย เอาแหนบสามชายมาถือไว้
...แล้วสังเกตแหนบดู
ส่วนบน เหมือนปลาหัวยุ่งแถวเมืองกาญจนบุรี คือ มีตั้ง 3 ชาย ส่วนล่าง เป็นแผ่นเหล็กแบนๆ เขาหักตรงปลายเป็นงอๆ ไว้นิดหนึ่ง มองดูที่โครงปืน บริเวณร่องที่ใส่เหล็กปิดท้ายโครงปืน จะเห็นเขาเจาะเหล็กเป็นช่องขวาง ไว้ในจุดนั้น อยู่ที่โครงปืนบริเวณที่เหล็กปิดท้าย มันปิดบังไว้นั่นแหละครับ
1.เอาแหนบสามขา วางลงไว้ในช่องที่ดึงมันออกมาในคราวแรก เอาจุดที่เขางอๆไว้นั่นแหละ ใส่ลงไปในช่อง
2.จากนั้น เอาปลายแหนบ วางลงไปโดยที่ให้ส่วนล่างยังอยู่ในช่องเหล็กของมัน
มันจะบังคับระยะไปเองในตัวไม่ต้องไปสงสัยอะไร แต่จะบอกให้ดังนี้
..แหนบตัวซ้ายสุด ที่มีจงอยแหลมเล็กๆ  จะสัมผัสกับขาของเซียร์ทางด้านซ้าย มันจะกดให้เซียร์กระดกกลับหลังตลอดเวลา
...แหนบตัวกลาง จะบรรจง ลงที่ ส่วนกลางของเครื่องบิน จะมีหน้าสโล้ป ที่เครื่องบิน เขาขัดเงาไว้ให้ สัมผัสกับแหนบกลาง แรงของแหนบจะดันให้ดิสคอนแน็คฯ พยายามขึ้นสูงอยู่เสมอ
..แหนบ ตัวขวาสุด จะงอนกลับหลัง ทำหน้าที่ดันหลังอ่อน ให้กระดกตลอดเวลา
เมื่อวางแหนบเข้าที่ดังว่าแล้ว มันก็ไม่ค่อยนิ่ง ....
ให้เอาเหล็กปิดท้ายโครงปืน ใส่เข้าไปซักครึ่งหนึ่ง ครึ่งทางของเหล็กปิดท้าย ก็จะทำให้แหนบสามชาย นิ่งอยู่กับที่
.......จากนั้น .....เอาหาง..หรือ ขาหลัง ของนกปืนที่กระดกขึ้นไว้ กลับลงมา
เล็งให้ตรงกับ รูที่อยู่ในเหล็กปิดท้ายโครงปืน
......เอาหลังอ่อนมาใส่ เข้าที่เลย แต่ยังไม่ต้องใส่สลักเซฟ
......ขยับขานกปืนให้เข้ามาอยู่หว่างกลางร่อง กลางช่วงล่างของหลังอ่อน ปลายของขานกจะโผล่ออกมานิดหนึ่ง
......รีบดันเหล็กปิดท้ายโครงปืนให้ขึ้นมาให้สุด เหล็กปิดท้ายจะขึ้นมาดันขานก นกจะถูกดันหน้าคว่ำไป ข้างหน้า
.....ใส่สลักปิดท้ายโครงปืนเลย เอาด้านไม่มีรูใส่จากทางด้านซ้ายไปด้านขวา
.....จากนั้น ง้างนกปืนดัง "คลิ๊ก"
.....หลังอ่อนจะกระด๊อก กระแด็กอยู่อย่างนั้น
....นกง้างอยู่ ....เอาเซฟใส่ ได้เลย  ใส่ขาเซฟให้รูตรงร้อยหลังอ่อนพอดีเลย ....
....วิธีใส่เซฟ จำไม่ได้ว่าเขียนไปหรือยัง เดี๋ยวเล่าให้ฟังต่อแล้วกัน .....
พอเอาขาเซฟใส่เข้าไปในรูที่หางสุดของโครงปืน หลังอ่อนจะเข้าที่ แต่เซฟยังไม่เข้าที่ ก็ปล่อยให้มันร้อยสลักไว้งั้นก่อนก็ได้
...เอาสปริงตัวเล็กๆ ที่ถอดออกไปทีแรก ที่อยู่ในหลอดเหนือด้ามด้านซ้าย ใส่เข้าไปในหลอด เอาด้านเล็กใส่เข้าไปก่อน ด้านหัวใหญ่จะค้างอยู่ข้างนอก
...ให้ยกเซฟขึ้นมานิดหน่อย เอา ตุ่มที่ไปทำงานเกี่ยวข้องกับการล็อคเซียร์ แหย่เข้าไปในช่อง 
....เซฟ จะแหงนหน้าอยู่ เอาลงเป็นปกติไม่ได้ เพราะมันจะใส่ลงไปไม่ได้ เพราะติดตุ่มเหล็กที่มันโผล่ออกมา
...ให้เอาบัตรเครดิต หรือบัตรเอทีเอ็ม เก่าๆ หรืออะไรก็ได้ พลาสติกแผ่นบางๆ แข็งๆ ก็ได้
สอดเข้าไปใต้เซฟ กดสปริงให้ยุบลงไปในหลอด จากนั้น รีบกดเซฟลงไป มันจะเข้าไปได้ครับ
.....ครั้งแรกอาจจะไม่สำเร็จ ให้ลองพยายามดูครับ ขอรับรองว่ามันเข้าได้ง่ายๆ ครับ         
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
ตะบันไฟ
Hero Member
*****

คะแนน 47
ออฟไลน์

กระทู้: 1283



« ตอบ #23 เมื่อ: เมษายน 23, 2007, 03:04:05 PM »

อย่าลืมก้างมุ้งนะครับ Grin

ถ้ากางมุ้งก็คงไม่ได้รื้อแน่ครับ ถอดอย่างเดียว Grin Grin Grin

ที่ว่ากางมุ้ง เอาไว้กันชิ้นส่วนเด้งหลุดหายครับ
อย่าเพิ่งคิดเป็นอื่น


  :VOV:55 รับทราบครับท่านชลทิต   Grin หลงรัก
กลัวชิ้นส่วนเด้งหายนี่เอง   Cheesy

 ขอบคุณคุณ yod  อย่างมากจริงๆครับผม  หลงรัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 23, 2007, 03:05:44 PM โดย ตะบันไฟ » บันทึกการเข้า

ปืนคือเพื่อนแท้  ปืนคือเพื่อนตาย  ปืนคือเพื่อนร่วมทาง
ปืนมันพูดไม่ได้  แต่มันก็ซื่อสัตย์  จริงใจ  ไม่ทรยศหักหลังเรา
นี่แหละนิยามของคำว่าปืน
TABOO
ความจนไม่ใช่สิ่งน่าอาย ไร้ความสามารถต่างหากสิน่าอาย
Full Member
***

คะแนน 11
ออฟไลน์

กระทู้: 369


ปืน คือเพื่อนแท้


« ตอบ #24 เมื่อ: เมษายน 23, 2007, 03:41:53 PM »

หลงรักขอบคุณครับ กีมีความคิดจะถอด1911แบบทุกชิ้นส่วนเหมือนกัน แต่ยังไม่เข้าใจว่าต้องใช้เครื่องมือหลักๆอะไรบ้างเช่น เหล็กส่ง ฆ้อน หรือมีอะไรอีกแล้วจะต้องเป็นเครื่องมือเฉพาะหรือไม่หรือหาซื้อได้ที่ไหน ขอบคุณครับ หลงรัก
บันทึกการเข้า

ไร้วาสนาอย่าขอพร  บุญมาดวงดีได้เงินทอง  ความร่ำรวยหากขอกันได้  โลกนี้ก็จะไม่มีคนจน
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12903



« ตอบ #25 เมื่อ: เมษายน 23, 2007, 04:11:43 PM »

ทำไมอธิบายยืดยาวนักละครับ
ผมเคยฝึกถอดตั้งแต่เปิดตา ปิดตา  จนไม่รู้จะเล่นอะไรต่อ ก็เลยห้อยหัวลงมาถอด 1911 มาตรฐานแบบทุกชิ้น (ยกเว้นแก้มประกับด้าม) โดยไม่ใช้เครื่องมือ  เสร็จภายในหนึ่งนาที  ถ้าเกินนั้นเลือดตกหัวจนน็อคไปเอง
ใครอยากลองทำบ้าง ไม่ถือว่าละเมิดลิขสิทธิ
บันทึกการเข้า
feen
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #26 เมื่อ: เมษายน 24, 2007, 05:31:53 PM »

ไม่ถอดใต้น้ำบ้างละครับ หรือกระโดดจากชั้น20ลงมาแล้วถอดกลางอากาศ สุดยอดกว่าเยอะ (ล้อเล่นครับ อย่าลองนะครับเดี๋ยวจะไม่สบาย )
บันทึกการเข้า
Choltit
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 143
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16292



« ตอบ #27 เมื่อ: เมษายน 24, 2007, 06:35:58 PM »

คุณ yod พิมพ์เองรึเปล่าครับ  คนพิมพ์ขยันมาก
บันทึกการเข้า

yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #28 เมื่อ: เมษายน 24, 2007, 06:38:51 PM »

ของ พี่ เต๋า  ครับ  ในกระทู้   http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=22316.0

 โดย  tao bangkhaen   
 
 
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
duriankuan 2499
แควนตัมจิตวิญญาณ ศีล สมาธิ ปัญญา
Hero Member
*****

คะแนน 29
ออฟไลน์

กระทู้: 1200


ไม่เอาเปรียบผู้อื่น


เว็บไซต์
« ตอบ #29 เมื่อ: เมษายน 24, 2007, 06:43:07 PM »

 Grin
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.222 วินาที กับ 21 คำสั่ง