อ้างจาก PU 45
Re: “วาดะห์”หนุนยกฐานะจ.ชายแดนใต้เป็น“เขตปกครองพิเศษ”
« ตอบ #39 เมื่อ: เมษายน 27, 2005, 07:50:15 PM »
ผมไม่เคยเรียนรัฐศาสตร์
แต่อยากบอกว่า การใช้ทฤษฏีและวิชาการโดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริง คล้ายๆกับพื้นฐานการศึกษาของบ้านเรา
ที่ผู้มีอำนาจมักไปดูงานต่างประเทศที่มีความเจริญด้านการศึกษาและนำมาใช้โดยไม่คำนึงถึงฐานรากของเรา
ฯลฯ
ผู้มีอำนาจมักมองที่ปลายทาง แต่ไม่พยายามที่จะสร้างพื้นฐานหรือรากฐานให้มั่นคงก่อน..........บอกได้ว่าเมืองไทยน่าเป็นห่วง......
ประทับใจครับ หัวอกเดียวกัน
การปฏิรูปการศึกษาคือการเปลี่ยนหน้าปกของตำราเรียนเล่มเดิมและบังคับครูให้หัด
ก็อบปี้เอกสารและถ่ายเอกสารเล่น เวลาสอนเด็กกว่า 40 % หายไปกับการปฏิรูปการศึกษา เด็กจบ ป. 6 อ่านหนังสือพิมพ์หัวสีไม่ออกก็ช่างหัวสมองขี้เลื่อยของเด็กมัน
ที่น่าเอ็นดูคือการให้องค์กรเล็กมีฐานะเป็นนิติบุคคลและขึ้นตรงต่อเขตการศึกษา
เสมือนให้หมู่บ้านขึ้นตรงต่อจังหวัด ว้าเหว่น่าดูครับ สงสารหัวอกคนแก่ต้องมาเรียนอินเตอร์เน็ต
ก่อนเกษียนเพื่ออ่านเมล์หนังสือสั่งการในเว็บของเขตการศึกษา ลูกกะตาก็ไม่ค่อยจะเจอกับยายแล้ว
ด้านการปกครองก็มีเรื่องชวนหัวอย่างนี้เหมือนกัน ยกตัวอย่าง การแก้ พ.ร.บ. อบต. พ.ร.บ. เทศบาล และ อบจ. ให้มีการเลือกตั้งนายกโดยตรง ทั้งๆ ที่เจตนารมณ์หนึ่งของการปกครองท้องถิ่นก็คือ การสอนให้ประชาชนเข้าใจถึงวิถีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยรูปแบบมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไทยรักใครไม่ชอบวิธีเลือกนายกฯโดยอ้อมเพราะต้องจ่ายเบี้ยหัวแตกมากเกินไป ในการสนับสนุน หัวคะแนนสักหนึ่งคนให้มีตำแหน่งทางราชการทำมาหากิน เลือกตั้งโดยตรงจ่ายท้องถิ่นละคนเท่านั้นคือจ่ายว่าที่นายกฯ บทสรุปสุดท้าย ไทยรักใครไม่ประสบผลสำเร็จในการแทรกแซงท้องถิ่น เช่นการเลือกตั้งนายกเทศบาลนครหาดใหญ่ กทม. ฯลฯ
การยุบเลิก ศ.อบต. มาจากความไม่รู้จักหวันส่วนหนึ่ง รับแต่ข้อมูลเฉพาะบรรดา
ลิ้วล้อราคาถูกส่วนหนึ่ง ประการสำคัญไม่ใช่นโยบายแม้ว องค์กรที่มีบทบาทต่อประชาสังคมห้าจังหวัดภาคใต้มากว่า 20 ปี แล้วจึงถูกยุบเลิกเสีย เมื่อมีเหตุจำเป็นต้องจัดตั้งขึ้นมาใหม่ใช้ชื่อเดิมย่อมไม่สวย และมันต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูอาจสำเร็จหรือไม่สำเร็จเลยก็ได้
หลายๆ เรื่อง เช่น ระบบผู้ว่า โอ้อีซี้ CEO ฯลฯ
ในทางการเมืองเราลอกฝรั่งเศสมาใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2435ครั้นยุคปฏิรูประบบราชการไทยครั้งแรกของรัตนโกสินทร์แล้ว ก็รูปแบบมณฑลเทศาภิบาล เมือง ( จังหวัด ) อำเภอ หมู่บ้านนี่แหละ ครับ มณฑลเทศาภิบาลก็มายกเลิกสมัยประชาธิปไตยแล้วนี่เอง
การปกครองพิเศษครั้งแรกของไทยก็เริ่มแรกที่ กทม. ในปี พ.ศ. 2515 กว่าระบบผู้ว่า กทม.จะเข้าที่ก็ล้มลุกคลุกคลานมาจนถึง พ.ศ. 2528 ที่พลตรีจำลอง ศรีเมืองได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าครั้งแรก นั้นเอง ( แต่เป็นผู้ว่าที่มาจากการเลือกตั้งคนที่สองของ กทม. ) หริอเมืองพัทยาก็มีอายุใกล้จะ 20 ปีแล้ว
การอยู่รอดขององค์กรเป็นเวลาที่ยาวนาน ย่อยจะสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็น
เพราะมันยังตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ดีและยังเติบโตได้อยู่ ไม่ใช่เพียงเพราะนโยบายแม้วหรือไม่แม้ว แต่มีข้อสังเกตก็คือมันโตใหญ่มหาศาลขึ้นมาได้ง่ายๆ เกิดขึ้นใหม่ หรือหายไปเลยมักเกิดขึ้นในยุคที่ผู้นำค่อนข้างมีอำนาจเท่านั้น และก็เพื่อให้บรรดาลูกน้องใกล้ชิดได้มีงานทำเสียด้วยซิครับ ….

แถมนิดหนึ่งครับ ให้ทุกท่านช่วยกันพิจารณา
คำขอ 7 ประการของหะยีสุหลง
1.ขอให้ปกครอง 4 จังหวัดนี้เป็นแคว้นหนึ่ง โดยมีผู้ดำรงตำแหน่งอย่างสูงให้มีอำนาจในการศาสนาอิสลาม มีอำนาจแต่งตั้งและปลดข้าราชการออกได้ ผู้ดำรงตำแหน่งนี้ต้องเป็นมุสลิมใน 4 จังหวัด
2.การศึกษาในชั้นประถมต้นจนถึงชั้นประถม 7ให้มีการศึกษาภาษามลายูตลอด
3.ภาษีที่เก็บได้ให้ใช้ภายใน 4 จังหวัดเท่านั้น ( รวมจังหวัดสตูลด้วย: sobpong)
4.ในจำนวนข้าราชการทั้งหมดขอให้มีข้าราชการชาวมลายูร้อยละ 80
5.ขอให้ใช้ภาษามลายูควบกับภาษาไทยเป็นภาษาราชการ
6.ให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดมีเอกสิทธิ์ออกระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติการศาสนาอิสลามโดยความเห็นชอบของผู้มีอำนาจสูงสุด
7.ให้ศาลรับพิจารณาตามกฎหมายอิสลามแยกจากศาลจังหวัด มีโต๊ะกาลี ( กอฎีหรือดาโต๊ะยุติธรรม ) ตามสมควรและมีเสถียรภาพในการพิจารณาชี้ขาด
ข้อที่ยังไม่ได้
ข้อ 1 เป็นความฝันหลังมณฑลปัตตานีถูกยกเลิก 14 ปี ( แต่มี ศ.อบต.แทน โดยมีปลัด กระทรวงมหาดไทย หรือรองปลัดฯ เป็น ผอ. หน่วยนี้ใหญ่กว่าจังหวัดถ้าสมุนของผู้มีอำนาจได้คุมตำแหน่ง อ่ะ ๆ ๆ ยุบแล้ว ต้องใช้ชื่อใหม่) 2 และ 5
ข้อที่ได้แล้ว รวมได้แล้วบางส่วน
ข้อที่ 4 ,6 และ 7
ข้อที่ไม่สนใจแล้ว
ข้อ 3
ขอบคุณครับ
