บทบัญญัติที่กำหนดลักษณะการกระทำความผิดซึ่งกระทบโดยตรงต่อการรักษาความลับ(Confiden
tiality) , ความครบถ้วน (Integrity) , และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลคอมพิวเตอร์ สำหรับการกระทำความผิดที่กระทบต่อการรักษาความลับ เช่น การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์
ของบุคคลอื่นซึ่งมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงเอาไว้ (ร่างมาตรา 5) , การล่วงรู้มาตรการการป้องกันการเข้า
ถึงระบบคอมพิวเตอร์ (ตัวอย่างคือ การล่วงรู้รหัสผ่าน (Password) หรือรหัสลับ (secret code) เป็นต้น)
(ร่างมาตรา 6) , การเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่น (ร่างมาตรา 7), หรือการดักข้อมูลคอมพิวเตอร์
(ร่างมาตรา

ส่วนการกระทำความผิดที่กระทบต่อความครบถ้วนของระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์
นั้น ความครบถ้วนในที่นี้ หากกล่าวให้เข้าใจโดยง่ายหมายความว่า ในกรณีที่มีการป้อนหรือพิมพ์ข้อมูล
คอมพิวเตอร์ไว้เช่นใด โดยทั่วไปหากจะเรียกข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมาอ่าน เรียกดู หรือใช้ข้อมูลดังกล่าว
อีกครั้ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อยู่หรือเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์นั้น ก็ควรจะแสดงบนจอคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูล
หรือข้อความที่ครบถ้วนเหมือนที่พิมพ์หรือป้อนไว้แต่เดิม
ตัวอย่างการกระทำความผิดในลักษณะนี้ เช่น การรบกวนการทำงานของข้อมูลคอมพิวเตอร์ด้วยการทำให้
เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมข้อมูลคอมพิวเตอร์ (ร่างมาตรา9) เป็นต้น
ส่วนการกระทำความผิดที่กระทบต่อสภาพพร้อมใช้งานตามปกติของระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูล
คอมพิวเตอร์ เช่น การกระทำความผิดด้วยการป้อนชุดคำสั่งหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ไม่พึงประสงค์
อาทิ ไวรัส ในคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำงานผิดเพี้ยนไปจากเดิมหรือไม่สามารถทำงาน
ได้ตามปกติ (ร่างมาตรา 10)
อย่างไรก็ตามในการกระทำความผิดอันเป็นการรบกวนระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์
ให้ทำงานหรือแสดงผลต่างไปจากเดิมหรือไม่เป็นไปตามปกตินั้น ร่างพระราชบัญญัติก็ได้มีการกำหนด
โทษหนักขึ้นในกรณีที่มีเหตุฉกรรจ์ไว้ด้วย กล่าวคือ หากกระทำความผิดก่อให้เกิดผลอันเป็นความเสียหาย
แก่ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือกระทบต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ
ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การบริการสาธารณะ หรือการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์
ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือชีวิตของประชาชน
ผู้กระทำผิดดังกล่าวก็ต้องรับโทษหนักขึ้น (ร่างมาตรา 11)
นอกจากนั้น ยังได้มีการกำหนดฐานความผิดสำหรับการจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นเพื่อใ
ช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดที่กล่าวมาข้างต้น เช่น การจงใจหรือเจตนาเผยแพร่ไวรัสที่ใช้ในการก่อ
ให้เกิดความเสียหายหรือทำลายข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือชุดคำสั่งที่เรียกว่า spyware เพื่อไว้ใช้โจรกรรม
ความลับทางการค้า เป็นต้น (ร่างมาตรา 12)
ส่วนร่างพระราชบัญญัติตั้งแต่ร่างมาตรา 13 ถึงร่างมาตรา 15 นั้น จะเป็นลักษณะการกระทำความผิดที่เกี่ยวเนื่อง
กับการใช้คอมพิวเตอร์ในทางมิชอบเพื่อกระทำความผิดในลักษณะต่างๆ เช่นการปลอมแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์ ,
การเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จซึ่งก่อให้เกิดความตื่นตระหนกกับประชาชน , การเผยแพร่ข้อมูล
คอมพิวเตอร์อันมีลักษณะลามก , การกระทำความผิดของผู้ให้บริการที่มิได้ลบข้อมูลคอมพิวเตอร์อันไม่เหมาะสม ,
และการตัดต่อภาพอันทำให้บุคคลอื่นเสียหาย เป็นต้น