เมื่อถึงเวลามา อยู่ที่ไหนยังไงก็ต้องมา ..............

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อัยการประกาศิต! ทักษิณ ต้องมาขึ้นศาล!
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 17 พฤษภาคม 2550 17:35 น.
นายอรรถพล ใหญ่สว่าง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงการเตรียมความพร้อมรับคดีทั้งของพ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน
โฆษกอัยการ ย้ำชัด ทักษิณ-พจมาน ต้องมาศาลคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ อย่างน้อย 2 ครั้ง นัดพิจารณาครั้งแรก กับวันพิพากษา หากโดนฟ้องแล้วดื้อไม่มา ศาลมีสิทธิออกหมายจับ ใช้ พ.ร.บ.ผู้ร้ายข้ามแดนลากคอมาดำเนินคดี เผย คตส.นัดส่งสำนวน 28 พ.ค.นี้ อสส.ตั้งคณะทำงานรอเชือด
วันนี้ (17 พ.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด สนามหลวง นายอรรถพล ใหญ่สว่าง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงการเตรียมความพร้อมรับคดีซื้อที่ดินรัชดาภิเษก ที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เตรียมส่งสำนวนการไต่สวนพร้อมความเห็นชี้มูลความผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 ม.100 ว่า ขณะนี้อัยการได้ประสานกับนายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส.แล้ว ทราบว่าในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ นายอุดม เฟื่องฟุ้ง ประธานอนุ คตส.ไต่สวนคดีดังกล่าวจะนำสำนวนมาส่งมอบให้แก่นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุดพิจารณาเพื่อสั่งคดีให้ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางเมือง ซึ่งอัยการสูงสุดได้เตรียมแต่งตั้งคณะทำงานอัยการขึ้นมาหนึ่งชุดเพื่อรับผิดชอบตรวจสำนวนคดีดังกล่าว
นายอรรถพล กล่าวถึงข้อสงสัยในการดำเนินคดีอาญากับนักการเมืองและคู่สมรสที่ต้องยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาฯ ว่า ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 ม.10 วรรค 2 บัญญัติว่า เมื่ออัยการสูงสุดได้รับพยานหลักฐานรวมทั้งความเห็นของ คตส.ที่ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช.ฯ แล้ว ให้อัยการสูงสุดยื่นฟ้องคดีภายใน 30 วัน โดยที่ผ่านมาเมื่อ ป.ป.ช.ส่งสำนวนไต่สวนและชี้มูลความผิดนักการเมืองรายใดแล้วอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ฟ้องทุกคดี เช่น คดีทุจริตจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ ที่มีนายรักเกียรติ สุขธนะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กับพวกเป็นจำเลย แต่อย่างไรก็ดีหากอัยการสูงสุดพิจารณาสำนวนของ คตส.แล้วเห็นว่ายังไม่สมบูรณ์เพียงพอ ใน ม.11 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าวบัญญัติให้ คตส. และอัยการสูงสุดร่วมกันตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาสำนวน โดยให้มีผู้แทนทั้งสองฝ่ายเท่ากันเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์แล้วส่งให้อัยการสูงสุดยื่น
ฟ้องคดีต่อไป โดยเมื่อมีการยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฯ ม.13 บัญญัติว่าให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเลือกองค์ คณะผู้พิพากษาจำนวน 9 คน เพื่อพิจารณาพิพากษาคดีโดยเร็ว ซึ่งต้องไม่เกิน 40 วัน นับจากวันที่ยื่นฟ้องคดี
โฆษกอัยการสูงสุด กล่าวว่า เมื่ออัยการสูงสุดยื่นฟ้องคดีดังกล่าวได้โดยไม่ต้องนำตัวจำเลยไปส่งศาลพร้อมคำฟ้อง แต่อัยการสูงสุดจะต้องส่งสำนวนการไต่สวนของ คตส.ต่อศาลพร้อมคำฟ้อง ซึ่งศาลอาจไต่สวนหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ตามที่เห็นควร และเมื่อศาลมีคำสั่งประทับฟ้องแล้วก็จะส่งสำเนาฟ้องให้แก่จำเลยและนัดคู่ความมาศาลในวันพิจารณาคดีครั้งแรก ดังนั้น ในวันพิจารณาคดีครั้งแรกจำเลยจะต้องมาอยู่ต่อหน้าศาล ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว ม.27 วรรคท้ายที่บัญญัติว่า วันพิจารณาคดีครั้งแรกจำเลยจะต้องมาอยู่ต่อหน้าศาล เพื่อให้ศาลเชื่อว่าเป็นจำเลยจริง โดยศาลจะอ่านอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังและสอบคำให้การว่าจำเลยกระทำผิดจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากจำเลยแจ้งเหตุขัดข้องไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ ศาลอาจใช้ดุลพินิจเลื่อนวันนัดพิจารณาคดีครั้งแรกออกไปก่อนได้ แต่หากจำเลยทราบวันนัดแล้วไม่มาศาลโดยไม่มีเหตุอันควร ศาลอาจพิจารณาออกหมายเรียกหรือหมายจับจำเลย ซึ่งกรณีที่จำเลยอยู่ต่างประเทศอัยการสูงสุดต้องประสานความมือกับต่างประเทศ ตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน
การดำเนินคดีนักการเมืองของฎีกาฯ ต่างกับการดำเนินคดีอาญาทั่วไป ที่ไม่ต้องนำตัวจำเลยซึ่งเป็นนักการเมืองมาส่งต่อศาลในวันยื่นฟ้องเพื่อป้องกันไม่ให้คดีขาดอายุความเพียงเพราะไม่มีตัวจำเลยมาแสดงต่อศาล คดีนี้เมื่อยื่นฟ้องแล้วศาลจะส่งสำเนาฟ้องพร้อมแจ้งวันนัด ซึ่งถ้าเป็นไปในลักษณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีสิทธิกลับมาต่อสู้คดีได้ตามกฎหมาย ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคงที่ คมช.ไม่อยากให้กลับมา ซึ่งเชื่อว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ทราบว่าศาลรับฟ้องแล้วจะรีบเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาและต่อสู่คดีโดยเร็ว โฆษกอัยการสูงสุด กล่าว และว่าอย่างน้อย พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องมาฟังการพิจารณาคดี 2 ครั้ง คือ ในวันนัดพิจารณาคดี ครั้งแรก และวันนัดฟังคำพิพากษา ซึ่งระหว่างการสืบพยาน พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีลับหลังได้ เหมือนเช่นคดีเลี่ยงภาษีหุ้นชินฯ ที่คุณหญิงพจมานกับพวก 3 คนยื่นคำร้องต่อศาลอาญา
ทั้งนี้ ศาลฎีกาฯจะอนุญาตหรือไม่ขึ้น อยู่กับดุลพินิจ อย่างไรก็ดี สำหรับการสืบพยานกรณีที่ตัวจำเลยอยู่ต่างประเทศก็สามารถทำได้หากศาลมีดุลยพินิจเห็นชอบ เช่น การสืบพยานคดีของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ก็เคยใช้ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์สืบพยานที่อยู่ประเทศสหรัฐฯ มาแล้ว
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------