เรื่องคล้ายๆกับที่เคยเกิดมาเมื่อไม่นานนี้
มือมืดปาหินใส่รถ 'หยอง ลูกหยี' หวิดเป็นเหยื่อ
หยอง ลูกหยีตลกดังหวิดสิ้นชื่อแบบเดียวกับตลกร่างแคระโจ้ มกจ๊ก เมื่อนำลูกทีมไปแสดงที่สระแก้ว ขณะกำลังเดินทางกลับกรุงเทพมาตามถนนสายสระแก้ว-พนมสารคาม กลางดึก เจอวัยรุ่น 4 คน มารถ จยย. 2 คัน ซุ่มอยู่ข้างทางใช้ก้อนหินปาใส่รถเบนซ์ที่นั่งมา พร้อมกับรถลูกน้องอีก 2 คัน โชคดีถูกแค่ขอบกระจกไม่เสียหายมาก พอจอดรถลงไปดูมือขว้างหินรีบซิ่ง จยย.เผ่นหนี ฝากเตือนผู้ที่ใช้เส้นทางให้ระมัดระวัง พร้อมทั้งขอร้องให้ตำรวจช่วยออกตรวจด้วย
เรื่องราวของศิลปินตลกที่ถูกปาก้อนหินใส่รถครั้งนี้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 2 พ.ค. นายจงรวย สมจิตรนา หรือหยอง ลูกหยี อายุ 39 ปี ศิลปินตลกชื่อดัง ได้ฝากเตือนภัยไปยังผู้ใช้รถใช้ถนนสายพนมสารคาม-สระแก้ว ให้ระมัดระวังเวลาใช้เส้นทางสายนี้ด้วย โดย "หยอง ลูกหยี" เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่ตนเองเพิ่งประสบมาว่า หลังจากที่เดินทางกลับจากการแสดงตลกจาก จ.สระแก้ว เพื่อเข้า กรุงเทพฯ ตนพร้อมกับชาวคณะรวม 16 คน นั่งรถมากัน 3 คัน ซึ่งมีรถฮอนด้า ซีวิค ของยาว ลูกหยี ขับนำหน้า มีรถ ของตนซึ่งเป็นรถเบนซ์ รุ่น 230E สีเหลือง หมายเลขทะเบียน 5 ค-9036 กรุงเทพมหานคร ขับตามมา และมีรถกระบะดีแมคซ์ของสมาชิกในคณะ ขับปิดท้ายอีกคัน โดยใช้เส้นทางสายพนมสารคาม-สระแก้ว ซึ่งทั้งหมดขับมาด้วยความเร็วประมาณ 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
หยอง ลูกหยี กล่าวต่อว่า เมื่อขับรถมาอีกประมาณ 1 กม. จะถึงเขต อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา รู้สึกเหมือนมีก้อนหินปะทะกับกระจกหน้ารถ ครั้งแรกเข้าใจว่าอาจเกิดจากเศษก้อนหินที่กระเด็นมาจากรถที่วิ่งสวนมา แต่จากการสังเกตดูก็ไม่เห็นว่ามีรถวิ่งสวนมาแต่อย่างใด จึงได้ให้คนขับส่งสัญญาณถึงรถคันที่นำหน้าเพื่อชะลอรถและนำรถเข้าจอดในที่สว่าง เนื่องจากตลอดระยะทางที่ผ่านมานั้นไม่มีไฟฟ้าข้างทาง เลยและเมื่อลงมาดูที่รถปรากฏว่า ที่บริเวณขอบ กระจกรถของตนนั้นมีรอยแตกจากโดนของแข็ง และจากการสอบถามสมาชิกในคณะทราบว่า รถทั้งสามคัน ก็โดนลักษณะคล้าย ๆ กัน คือเหมือนมีก้อนหินปาเข้าที่กระจกหน้ารถ แต่ไม่ได้รับความเสียหายมากนัก
ศิลปินตลกชื่อดัง กล่าวต่ออีกว่า ต่อมาตนได้ตัดสินใจขึ้นรถขับวนกลับไปดูยังจุดที่เกิดเหตุซึ่งห่างจากจุดที่จอดรถประมาณ 500 เมตร ตนเห็นรถจักรยานยนต์ 2 คัน มีคนนั่งบนรถคันละ 2 คน จอดดูอยู่ และเมื่อเห็นพวกตน รถจักรยานยนต์ทั้งสองได้เร่งเครื่องขี่หนีไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งตนก็ไม่มั่นใจว่าจะใช่กลุ่มคนที่ปาก้อนหินหรือไม่ อีกทั้งตนไม่กล้าตามเพราะไม่ชำนาญพื้นที่ประกอบกับเกรงว่าจะมีอันตราย
"ช่วงนั้นผมสังเกตเห็นรถจักรยานยนต์ทั้งสองคัน แต่ไม่กล้าตาม เพราะเกรงจะเกิดเหตุร้าย และอีกอย่างรถก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก ตอนนั้นผมก็รู้สึกกลัวเพราะเกรงจะซ้ำรอยกับคุณโจ้ มกจ๊ก ตลกร่างแคระของคณะเหลือเฟือ มกจ๊ก และอีกอย่างคืออยากฝากเตือนผู้ที่ใช้รถใช้ถนนในเส้นทางนี้เพิ่มความระมัดระวังเพราะอาจเป็นการกระทำของวัยรุ่นที่คึกคะนองแต่อาจทำให้ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนเกิดความเดือดร้อนได้ แต่คงไม่แจ้งความเพียงแต่อยากฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตรวจตราบริเวณนั้นเพื่อความปลอดภัยด้วย" หยอง ลูกหยี กล่าว และว่า โชคดีที่ก้อนหินแค่โดนขอบกระจก หากต่ำลงมาอีกก้อนหินคงโดน กระจกแตกและอาจเกิดอันตรายกับคนขับของตนจนอาจเป็นโศกนาฏกรรมอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับตลกคณะเหลือเฟือก็ได้
สำหรับกรณีคนร้ายปาก้อนหินใส่รถแบบที่ตลกหยอง ลูกหยี โดนมานั้นได้เคยเกิดขึ้นมา แล้วกับคณะตลกของ "เหลือเฟือ มกจ๊ก" เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 26 ต.ค. 2547 ขณะที่ เหลือเฟือ มกจ๊ก นำคณะเดินทางจากกรุงเทพฯ จะไปแสดงที่ จ.ลำปาง โดยนั่งรถตู้โตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน อท 5564 กรุงเทพมหานคร มาบนถนนสายเอเซีย หลัก กม. 68 ต.คลองสวนพลู ก่อนที่จะถึงตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา 3 กม. ได้มีวัยรุ่นไม่ต่ำกว่า 7 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาทั้งหมด 5 คัน วิ่งสวนทางมาแล้วใช้ก้อนหินปา เข้าใส่หน้ารถตู้ของคณะเหลือเฟือ มกจ๊ก จนกระจกแตกก้อนหินขนาดใหญ่ไปถูกหน้าผากของ นายสมชาย จันเจือ อายุ 37 ปี หรือโจ้ หรือนฤเบศร์ ม๊กจ๊ก ตลกร่างแคระที่นั่งอยู่ด้านหลังคนขับได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องนำส่ง รพ.ราชธานี ซึ่งภายหลัง โจ้ มกจ๊ก ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทิ้งให้ นางศุภาพิชญ์ บัวติ๊ก ภรรยาคนแคระกับ "น้องจินนี่" ลูกสาววัยขวบเดียวเผชิญชะตากรรมต่อไป ส่วนคนร้ายที่ปาก้อนหินนั้นตำรวจสามารถจับกุมตัวได้เป็นวัยรุ่นที่คึกคะนองซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างดำเนินคดี.
ที่มา:
http://www.dailynews.co.th/today/each.asp?newsid=52547
