เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 23, 2025, 02:35:39 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อยากทราบประวัติตอนที่ จอมพลผิน ชุณหะวัณยกทัพไปตีเชียงตุงสมัยสงครามโลกครั้งที่2  (อ่าน 6276 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
o/uboy
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2007, 11:22:43 AM »

วันนี้มีคนเล่าให้ผมฟังว่าเมื่อสงครามโลกครั้งที่2 ไทยเราเคยยกทัพไปตีพม่า ผมฟังแล้วตกใจนิดหน่อยครับ ตกใจ เพราะเข้าใจว่าเราไม่เคยไปรบกับพม่ามาเป็นร้อยปีแล้วครับ เลยอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมครับ ไม่ทราบไปหาหนังสือที่ไหนอ่านดีครับ หรือมีใครทราบเรื่องก็รบกวนช่วยเล่าให้ฟังด้วยครับ.
บันทึกการเข้า
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2007, 04:03:56 PM »

สมัยนั้นเรียกว่าไปตีอาณานิคมอังกฤษครับ ไม่ใช่พม่าที่เป็นประเทศเอกราช
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
visa
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2007, 05:09:17 PM »

เคย อ่านหนังสือเจอมาว่ามีนามสกุล ณ.เชียงตุง ด้วยนะครับ ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างสยามและเมืองต่างๆทางหัวเมืองฝ่ายเหนือ
บันทึกการเข้า
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2007, 05:19:21 PM »

 Smiley ไม่แน่ใจว่าจะใช่อันนี้หรือเปล่านะครับ

หนังสือชื่อ Lords Of The Rim ที่ Sterling Seagrave เขียนนั้น โดยสำคัญก็เพื่อเปิดเผยที่มาของตัวเงิน จากข้างชาวจีนโพ้นทะเล ที่จะหนุนช่วยให้จีนเป็นเจ้าแห่งแอ่งแปซิฟิก อันที่จริงทุนเหล่านี้กองข้างแอ่งอยู่แล้ว ในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย พม่า แม้เวียดนาม และกัมพูชา ที่เริ่มยุคปฏิรูปหลังจีนและรัสเซีย

ซึ่งก็คือ ชาวจีนโพ้นทะเลเหล่านี้ เขาทำมาหากินในประเทศที่เขาไปอาศัยอย่างไร ที่สำคัญก็คือ ความสัมพันธ์ทางสังคมกับคนพื้นเมืองเดิม

แต่การเดินเรื่องแบบว่าผ้าไปตามเนื้อของหนังสือเล่มนี้ ได้ไปแตะต้องกับเรื่องราวในบางช่วงประวัติศาสตร์ไทย ที่มี จอมพลผิน ชุณหะวัณ เป็นตัวแสดงด้วย ทำให้ชีวประวัติของจอมพลผินมีสีสันขึ้น

รู้กันอยู่แล้วว่าจอมพลผิน มีบิดาเป็นคนจีนชื่อไข่ ไว้หางเปียยาวพันรอบศีรษะ สำเร็จเป็นนายร้อยรุ่นเดียวกับ จอมพล ป. พิบูลสงคราม แต่มาจากนักเรียนนายสิบที่มาเรียนต่อ เช่นเดียวกับหลวงกาจสงคราม ไม่ใช่มาจากนักเรียนนายร้อยชั้นประถม ซึ่งเป็นสายตรง อย่างจอมพล ป. หรือหลวงอดุลย์ฯ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 ไม่มีชื่อของหลวงชำนาญยุทธศาสตร์ (ผิน ชุณหะวัณ) ในคณะผู้ก่อการ

แต่งงาน มีภริยาเป็นลูกสาวนายอากรภาษีที่อยู่ถนนทรงวาด ในเขตสำเพ็ง ไต่เต้าทางราชการจนเป็นนายพลบัญชาการกองทัพที่ 2 ที่นครราชสีมา

เมื่อสงครามเอเชียบูรพาระเบิดขึ้น ไทยเข้ากับญี่ปุ่น นายพล.ท.ผิน ได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพพายัพ ไปรบกับกองพล 93 ซึ่งเป็นกองทหารประจำมณฑลหยุนหนานของจีนกว๋อหมินตั่ง ที่ชายแดนพม่า-จีน มีกองบัญชาการอยู่ที่เชียงตุง

"เราขุดสนามเพลาะเตรียมรบ" ร.อ.ประเสริฐ สุดบรรทัดเคยเล่าให้ผมฟัง "เราตะโกนข้ามสนามรบคุยกันได้"

ก่อนหน้ากองทัพพายัพ จะขึ้นไปประจันหน้ากองทัพจีนกว๋อหมินตั่ง ที่ชายแดนพม่า-จีน ตั้งทัพที่เมืองเชียงตุง เมืองเอกของแคว้นฉาน ดินแดนของชาวไทยใหญ่ผืนนี้ ได้เป็นพื้นที่ของไร่ฝิ่นเรียบร้อยไปแล้ว

เมื่อมีไร่ฝิ่น ก็ต้องมีฝิ่นดิบ ฝิ่นดิบนี้ต้องถูกส่งออกมาจากป่าเขาเข้าเมือง เพื่อการบริโภคโดยตรงในโรงยาฝิ่น ที่รัฐให้เอกชนรับสัมปทานดำเนินการเชิงธุรกิจ

โรงยาฝิ่นในกรุงเทพฯ ก่อนถูกจอมพลสฤษดิ์สั่งปิด มีมากอย่างที่สำนวนโบราณว่า เกือบทั่วทุกหัวระแหง เกือบทุกหัวมุมถนนของชุมชนที่มีคนจีนอยู่หนาแน่น จะมีโรงยาฝิ่นหนึ่งโรง

ย่านสำเพ็ง เยาวราช ไชน่าทาวน์ของเมืองไทย ก็เป็นเรื่องที่ไม่ต้องถูกกันละ

ชะตาชีวิตกำหนดให้ ร.ท.ผิน พ.ท.ผิน พล.ท.ผิน เป็นเขยสำเพ็ง ศูนย์กลางของชาวจีนในประเทศไทย สำเพ็งเป็นที่พักพิงแห่งแรกของชาวจีนโพ้นทะเลที่เป็น 'ซินตึ๊ง' 'จีนใหม่'

ก็ราวปี พ.ศ.2406 มี 'ซินตึ๊ง' อายุ 18 คนหนึ่งเข้ามาทำมาหากินในเมืองสยาม หนุ่มจีนโพ้นทะเลคนนี้ เป็นคนมีเค้าจัดจ้าน กลิ่นอาย Racketeer เต็มตัว เขาไม่ได้เข้ามาอย่างชนิดเสื่อผืนหมอนใบ ตามที่มีผู้บันทึกประวัติของเขา เขามีอาชีพ 'ทำ' โรงยาฝิ่น ปล่อยเงินกู้ และค้าข้าว ซึ่งเป็นอาชีพน่ารักกว่า 2 อาชีพแรก เขาชื่อแต้จือปิง เขาเคยเป็น 1 ใน 5 ของหัวหน้าชาวจีนแต้จิ๋วในประเทศไทย ที่แสดงความยิ่งใหญ่ แสดงอิทธิพลผ่านสมาคมแต้จิ๋วและสมาคมพาณิชย์จีน

แม้ผู้ที่เขียนถึงเขาเป็นคนญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ได้พาดพิงว่าเขายังมีอะไรในเครือที่บ่งบอกไปทางอั้งยี่ ซ่องโจร แต่ก็เน้นว่า เขามีความสัมพันธ์ดีกับทางการไทย

ในสังคมไทย เป็นความลับที่เปิดเผย ที่ใครๆ ก็รู้ว่าอาชีพชนิดไรที่ต้องอาศัยคนมีสีมาคุ้มครอง คนมีสีใกล้ตัวคือตำรวจ ไกลตัวแต่หนักแน่นคือทหาร ไม่เช่นนั้นแล้ว คำ 'เสธ.' คงไม่อื้ออึงกลบคำ 'สา(รวัตร)' ไปได้

พล.ท.ผิน คงรู้จักครอบครัวแต้จือปิงดีพอสมควร ไม่เช่นนั้นแล้ว คงไม่ได้เห็นความฉลาดปราดเปรียวของ อุเทน เตชะไพบูลย์ ลูกชายแต้จือปิง จนรับไว้เป็นบุตรบุญธรรม

ไม่เพียงเท่านั้น อุเทนยังพาชิน โสภณพนิช แห่งธนาคารกรุงเทพ มาฝากเนื้อฝากตัวด้วยอีกคนหนึ่ง

เศรษฐกิจธุรกิจการค้า การธนาคารเกือบทั้งหมดในประเทศไทยอยู่ในกำมืออิทธิพลของชาวจีน มีจีนแต้จิ๋วเป็นดาบหนึ่ง (ดาบแรก) ฉะนั้น โดยผ่านอุเทนและชิน พล.ท.ผิน ก็สามารถรู้และล้วงเข้าไปในการเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจไทยหลังสงคราม

ฝิ่น ในตัวของมันเองก็คือสินค้าอย่างหนึ่ง เพียงเป็นสินค้าผิดกฎหมาย เมื่อแปรเป็นตัวเงิน ก็เป็นเงินนอกระบบ ใครที่รู้ทางในของมัน ไม่ต้องไปแตะต้อง เพียงรู้ก็พอจินตนาการแล้ว

ขณะที่เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในแคว้นฉาน วันหนึ่ง คือ วันที่ 4 เมษายน 2487 พล.ท.ผิน มีแขกจากกองทัพพระจักรพรรดิญี่ปุ่นที่ยึดครองพม่า ชื่อ พ.อ.สึจิ (TsuJi) ยศของเขาไม่สำคัญ เพราะเขาเป็นนายทหารเกสตาโปประจำกองทัพ เหมือนเชิร์ตดำของฮิตเลอร์ เขามาร่วมในพิธีกรรมสุดท้ายของความตกลงระหว่างผู้บัญชาการกองพลที่ 93 ของจีนกว๋อหมินตั่ง ชื่อลู่เหวิง กับผู้บัญชาการฝ่ายญี่ปุ่น โดยฝ่ายกองพล 93 จะ 'ลักลอบ' ส่งอาวุธที่ได้รับจากความช่วยเหลือ 'เช่ายืม' ให้กองทัพญี่ปุ่น

พล.ท.ผิน เป็นผู้ติดต่อฝ่ายกองพล 93 ให้ และเพียงอยู่ในที่นั้น (สึจิก็อยู่ด้วย) ขณะสองฝ่ายเจรจาตกลงกัน ไม่มีข้อมูลว่าฝ่ายญี่ปุ่นใช้อะไรแลกอาวุธ แต่เคยมีเรื่องเช่นนี้

ขณะที่กองทหารจีนรบอย่างดุเดือดกับทหารญี่ปุ่นในจีนเหนือ พวกชิงปัง (จีน) พวกมังกรดำ (ญี่ปุ่น) ที่แฝงตัวอยู่ในกองทัพ ได้ร่วมกันลำเลียงฝิ่นผ่านแมนจูเรียสู่ตลาดตะวันออกไกล สึจิอยู่ในเครือข่ายมังกรดำหรือแปซิฟิกดำ อะไรประมาณนั้น

หลังกว๋อหมินตั่งพ่ายแพ้คอมมิวนิสต์ในสงครามกลางเมือง กองพล 93 ซึ่งมีผู้บัญชาการคนใหม่-นายพลหลี่มี่ ได้ทะลักเข้าแคว้นฉาน อาศัยฝิ่นสามเหลี่ยมทองคำเลี้ยงตัวเอง ต่อมากองพลนี้กลายเป็นกำลังกันคอมมิวนิสต์ให้ไทย นายพลต้วน (Tuan) ผู้บัญชาการคนสุดท้าย ขอลี้ภัยอยู่เมืองไทย ได้สัญชาติไทย ก่อกำเนิดชาแม่สลอง

บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2007, 05:23:03 PM »

 Smiley เพิ่มเติมครับ

ข้อมูลอิสระ

1.ร.อ.ประเสริฐ สุดบรรทัด มาจากนักเรียนนายดาบ เป็นกองหนุนไปแล้ว เมื่อเกิดสงครามถูกเรียกกลับเข้าประจำการ อยู่ในกองทัพพายัพ เป็นคนหนึ่งที่ช้ำใจ (ที่ต้องเดินนับหมอนรางรถไฟกลับกรุงเทพฯ) เช่นเดียวกับจอมพลผิน ต่อมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสระบุรี ในสมัยรัฐบาลหลวงธำรงฯ ก่อนรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน 2490 เป็นเลขานุการ รัฐมนตรีกลาโหม พล.ท.จิระ วิชิตสงคราม

ก่อนหน้ารัฐประหารไม่กี่วัน ผมเห็นเขาก็ดีอยู่ วันนั้นสายๆ หลวงธำรงฯ ได้ไปพบปะพูดจากับหลวงสินธุสงครามัย ผู้บัญชาการทหารเรือในห้องทำงานของ พล.ท.จีระ

ตอนเช้าของวันที่ 9 เมื่อการรัฐประหารสำเร็จแล้ว เขาเป็นคนแบกจอมพล ป. ขึ้นบ่า (แห่) ไปตามระเบียงชั้นบนของกระทรวงกลาโหม (มีภาพปรากฏในหนังสือพิมพ์)

2.เช้าวันเดียวกันนั้น สมาชิกพรรคคนหนึ่ง (ถึงแก่กรรมไปแล้ว) ไปเห็น พ.ท.โพยม จุลานนท์ ที่บางลำพู ยืนบนรถทหาร ชี้แจงเหตุผลของการรัฐประหารให้คนที่จับกลุ่มอยู่แถวนั้นฟัง

หลังรัฐประหาร ประเสริฐได้เป็นรัฐมนตรีช่วยคมนาคม

ส่วนโพยม เป็นเลขานุการรัฐมนตรีกลาโหม หลวงชาตินักรบ สมัยรัฐบาล ควง อภัยวงศ์


บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
o/uboy
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2007, 09:46:43 PM »

ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล
บันทึกการเข้า
adisak5
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 4
ออฟไลน์

กระทู้: 661


« ตอบ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2007, 11:21:21 PM »

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.1 วินาที กับ 22 คำสั่ง