ภาพส่วนใหญ่ ไม่ใช่ถ่ายจาก วัดเส้าหลิน เท่าที่เคยดูจากสารคดี วัดเส้าหลิน มีกฎระเบียบเคร่งครัดมาก ขนาดรัฐบาลจีนเคยมี นโยบายรื้อวัดทิ้งแต่ก็ยังไม่กล้าเลยครับ
เมื่อปีที่แล้วผมไปเที่ยวมาครับ เมืองที่ตั้งวัดกลายเป็นแหล่งฝึก นักมวย มีนักเรียนร่วมๆหลายหมื่นคน ทั้งโรงเรียนเอกชนที่อ้างว่าเป็นลูกศิษย์วัด และ โรงเรียนเอกชนเล็กๆ มีนักเรียนไม่กี่สิบคนก็มี นักเรียนที่จบออกไปจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษในการสอบเข้ารับราชการ และเป็น บอดี้การ์ดให้นักธุรกิจใน ฮ่องกง ,ไตหวัน ที่ทำเงินสุดๆคือ เป็นครูมวยในยุโรป คนมาเรียนมีทั้งเด็กจีน และผู้ใหญ่ฝรั่ง
ดูไปแล้วน่าจะเป็นการประณีประนอมกะรัฐบาลคอมมิวนิสต์มากกว่า คือรับต้องการผลประโยชน์ที่จับต้องได้ ทางวัดจึงต้องเสียสละ เอาพระเณร มาเล่นปาหี่ โชว์ แต่ไม่โชว์ในวัดนะครับ มาโชว์โรงเรียนที่อ้างว่าเป็น สาขาของลูกศิษย์วัด
ที่กล้าเรียก ว่า ปาหี่ คือ มีสาระคดีสัมภาษณ์นักแสดง ฮ่องกง ที่ฝึกวิชามวยมาตั้งแต่เด็ก เจ้าตัวบอกว่า ท่ามวยที่ออกโชว์ในปัจจุบัน เป็นการทำเพราะตลาดเรียกร้อง พวกมวยเลี่ยนแบบสัตว์ต่างๆนั้นแหละ ของเดิมไม่มีแบบนั้น แต่คนดูอ่านนิยายดูหนัง และนึกภาพอย่างนั้น จึงทำให้ต้องมี เพื่อเอาใจคนดู
ส่วนพื้นที่วัดเอง ก็เปิดให้ชมไม่กี่จุดเท่านั้น และแทบจะไม่มีพระมาเกี่ยวข้องเลย เจ้าอาวาสคนปัจจุบัน ไม่ได้ฝึกกังฟูเลย และจะไม่ยอมออกพบคนภายนอก โดยไม่จำเป็น ดูไปแล้วเหมือนพระ ยอมสละพื้นที่บางส่วนของวัดให้การท่องเที่ยว แล้วท่านไปปลีกวิเวก ด้านหลัง
เคยเข้าไปใน ดิสโก้เทค เมืองเชียงรุ้ง พบสามเณร กอดคอควงสาวสองคนเข้ามานั่งดื่มเหล้า

เดิมชาวสิบสองปันนานับถือพระพุทธศาสนานิกายแบบล้านนา แต่พอ เปลี่ยนแปลงการปกครอง ทุกอย่างถูกทำลายหมด สังฆราชโดนสั่งจับสึก แต่ชาวบ้านยังให้ความเคารพท่านต้องห่มอังสะ และสบง ไว้ข้างในเครื่องแต่งกายแบบฆารวาส
ตอนนี้เพิ่งฟื้นฟูมาใหม่ หลายๆอย่างมันจึงดูแปลกๆ สามเณรขี่มอเตอร์ไซด์ เล่นรอบวัด .... ฟังเพลงอาร์เอส ....ฯลฯ
แต่ชาวไทลื้อ ยังมีความเชื่อมั่นแบบชาวพุทธบ้านเราครับ ยังอยากให้ลูกชายตัวเองบวชเรียนอยู่ พอรัฐบาลเริ่มให้อิสระ ก็ส่งมาเรียนทั้งของพม่า และไทย ภายหลังนิยมมาเรียนในไทยมากกว่า ตัวไกด์เอง ก็เคยเป็นสามเณรบวชเรียน ที่กรุงเทพตั้งหลายปี