... ต้องอย่าละสายตา ต้องจับตาดูผู้นั้น ตลอด. เวลา
ดูพฤติการณ์ของเขา
มองหาที่กำบังตัว.. เลี่ยงออกห่าง. หรือเข้าหาที่กำบังนั้น.
ต้องคุมจิตใจตัวเอง อย่าให้ตื่นเต้น..หายใจ ลึก ลึก อย่างหมอรุต บอกครับ.. 
อย่ากลัว. คนเราถ้ากลัว มันจะคุมสติไม่อยู่
คิดอยู่แต่จะหนีถ่ายเดียว ไม่คิดจะสู้ มันจะกลายเป็นลนลาน.
ต้องนำความกล้าออกมาแทน.. ท่านจะมีสติ ใจท่านจะนิ่งขึ้น ..
ชีวิตนั้นมีค่าเท่ากัน .. ต้องกล้าแลกกับมัน ..
เมื่อต้องสวมนวม ต้องกล้าปล่อยหมัด .. อย่ากลัวเจ็บตัว..
ถ้าคุณมีอาวุธปืน เเตรียมให้พร้อม .. แต่โปรดอย่าแสดงอาวุธปืน อย่าให้ใครเห็น
เพราะอาจจะเป็นการท้าทาย ให้ยิง. และอาจให้เกิดความเข้าใจผิด.
ผมเพียงรู้สึก และเคยผ่านมาก็ ทำอย่างที่บอกนี้ แหละครับ.
สุดยอดครับ
เทคนิคผม หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ กำหนดจิตใจไว้ที่เหตุการณ์
วันหนึ่ง ผมออกจากสนามยิงปืน แถวถนนวิภาวดีรังสิต เมียและลูกนั่งอยู่ด้วย
ผมขับรถขึ้นสะพานลอยสุทธิสาร มีรถใครก็ไม่รู้ ปาดหน้าผมแล้วหยุด
ผมก็หยุดรถ หลังรถคันนั้น แล้วคอยระวังอยู่ ถ้าเขาลงมาทำอะไรมิดีมิร้าย
ผมคงต้องป้องกันชีวิตลูก เมีย และตนเอง แต่อยากจะอธิบายว่า การที่เขาทำเช่นนั้น
โง่บัดซบ เนื่องจากถ้าจะหาเรื่องใคร ในการขับรถแล้วปาดหน้ารถคนอื่นให้หยุด
ตัวเองจะเป็นเป้านิ่ง เนื่องจากอยู่ด้านหลังรถของผู้อื่น กว่าตนเองจะลงจากรถ
โดยสอยไปก่อนแล้ว แต่คงจะมีอะไรดลจิตใจของเขา เขาก็เลยขับรถจากไป
ผมก็ขับตามหลังไปเรื่อย ๆ สักพักหนึ่ง เขาก็แยกไป
แสดงว่าชะตามันยังไม่ถึงฆาต

ผมเคยเจอเหตุการณืที่จะต้องใช้ปืนอยู่สองครั้ง
ครั้งที่หนึ่ง คนงานก่อสร้างเมาแล้วไล่ตีชาวบ้าน แล้วจะวิ่งมาตีพ่อตาซึ่งอยู่หน้าบ้าน ตอนนั้นถือ 5906 อยู่และร้องบอกพ่อตาให้วิ่งเข้าบ้าน แล้วคนงานมันก็วิ่งตามมา แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมยิงขึ้นฟ้าเลยรอดเรื่องคดีไป
ครั้งที่สอง เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่กี่วัน ลูกสาววิ่งขึ้นมาบอกว่ายามไล่จับขโมยอยู่ข้างบ้าน จึงงัด เอส 70 พร้อมขึ้นลำวิ่งไล่ตามขโมยไปด้วย แต่มันไวมากไม่รู้หนีเข้าไปบ้านหลังใหน(บางหลังยังไม่มีคนเข้าอยู่) ตอนที่กำลังเดินหาขโมยยามเดินตามหลังเพียบ หาอยู่นานไม่เจอ
