ตัวเล็กเท่าออฟฟีเซอร์หรือดีเฟนเดอร์กันละ แล้วตัวเล็กทำไมไม่ใช้นกกับหลังอ่อนคอมมานเดอร์ละครับ ไม่เข้าใจ
ไม่รู้ว่าจะสู้1991ได้หรือเปล่า
defender ลำกล้อง 3 นิ้วครับ... ส่วน Officer ลำกล้อง 3.5 นิ้ว...
ที่น่าแปลกใจคือตามรูป... เห็นบางส่วนของบูชปากลำกล้องครับ... ไว้มีเวลา นายสมชายจะไปค้นมาดูว่าเขาทำอย่างไร...
ประเด็นคือกระสุน .45 มีช่วงตัวยาวเอาเรื่องครับ... หากใช้บูชยาวแบบเดียวกับพวกลำกล้อง 5 นิ้ว... เวลาลำเลื่อนถอยสุดทาง ปลายข้างหลังบูชฯ จะยันกับชิ้นส่วนอื่นที่อยู่ลึกเข้ามาในโครงปืน... ใน Officer จึงใช้วิธีออกแบบให้บูชวงใหญ่ และบาง... ก็ไปมีปัญหาเรื่องความแข็งแรง หากยิงแยะๆ บูชเคยแตกหัก หรือไม่ก็ตัวติ่งล็อกหลอดครอบสปริงขาด... แต่เจ้าของฯ ที่เป็นนักนิยมปืนเขาทราบกันอยู่แล้วครับ... จึงมักไปเปลี่ยนสปริง แกนสปริง ระบบบูชที่แก้ไขจุดอ่อนนี้... ของ เสธ. มะขิ่น ท่านก็เปลี่ยนไปนานแล้วครับ...
ส่วน Defender และตระกูลยี่ห้ออื่นๆ เช่นคิมเบอร์... เปลี่ยนเป็นระบบหัวโต ที่ล็อกปลายลำกล้องโดยไม่ใช้บูชครับ... ตัดปัญหาไปเลย... ฮา...
ส่วนเรื่องหงอนนก ปลายหลังอ่อน... หากคิดเอา 1911 มาเหน็บเอว ต่อให้ 5 นิ้ว ก็ยังต้องเปลี่ยนเป็นนกกลมครับ... ของนายสมชายเอง เลยเอาหลังอ่อนแบบหลังกุดไปเสียเลย... ยกเอามาจากคอมมานเดอร์มาเปลี่ยนดื้อๆครับ... ม่ายงั้นมันทิ่มเอวครับ... เวลาทิ่มเอวแล้วเราจะมีพิรุจ ให้นั่งขยับเอวยึกยักตลอดเวลา คนอื่นเขาก็จะจับไต๋ได้ว่าเหน็บ 11 มม. ... ฮา
ไปๆมาๆ... นายสมชายว่าคอมมานเดอร์นั่นแหละครับ... คือรูปแบบ 1911 ที่ลงตัวที่สุดสำหรับเหน็บเอว... แถมยังลำกล้อง 4.25 นิ้วอำนวยให้กระสุน .45 ยังคงความเร็วได้เกินพันฟุต/วิ ในลูก 185 เกรนฟูลโหลดครับ... ลำกล้องสั้นกว่านี้มักมีปัญหาว่าเร็วไม่พอฉีกเปลือกหัวรูให้บานแฉ่ง... ฮา
แต่เอาเข้าจริงๆ... คนชอบ .45 เขามักไม่สนเรื่องหัวรูหัวเรี๊ยว หัวบานหัวหุบครับ... มักถือดีว่าหัวหนัก และบานตั้งแต่อยู่ในปลอกแล้ว... ลำกล้อง 3 นิ้วก็เลยยังงดงามเสมอ... ฮา