อันนี้ รอยพญานาคพัน ครับ...

มีมาประมาณสามพันปีที่แล้ว อายุประมาณว่าเท่ากับถ้ำนี่แหละครับ...
จริง ๆ เป็นรอยของระดับน้ำ ที่เมื่อก่อนบริเวณนี้เป็นแอ่งน้ำ ตรงที่ระดับผิวน้ำก็จะมีหินปูนมาเกาะ
เป็นร่องครับ....


โฉมหน้าพี่ไกด์นำทางครับ (เสียดายไม่ได้สัมภาษณ์ถามชื่อแซ่)
ปกติไกด์จะมีอยู่สองคน คนนึงคอยอธิบาย อะไรเป็นอะไร
อีกคนจะเดินรั้งท้ายขบวน คอยดูแลตามเก็บเผื่อนักท่องเที่ยวตกหล่น พลัดหลง...

ของเล่นป๋าฮิมครับ...เป็นแท่งเรืองแสง
เวลาใช้ต้องหักให้หลอดที่บรรจุภายในแตก เพื่อให้สารเคมีออกมาผสมกันแล้วจะเกิดแสงเรืองขึ้นมาครับ
แต่ด้วยความเก๋าของเขือแพะ ก็ทำตามอย่างเคร่งครัด หักเป๊ะ....เอ๋...ทำไมมันไม่สว่างฟะ....

แต่โทษครับ...ซองพลาสติกที่หุ้มอยู่ไม่ยอมแกะออก แสงมันก็สว่างอยู่แต่ในซอง ไม่เปล่งออกมาให้เห็น
แต่พอแกะซองพลาสติกออกแล้ว โ่ว่ว....สว่างแล้ว.....



เด็ก ๆ หนุกหนานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย...จับมาเรียงคิวถ่ายรูปซะ...

จิ้งหรีดขาว วงศ์...อิ๊ ไม่ใช่ครับ..
เป็นจิ้งหรีดถ้ำครับ..มีตาแต่มองไม่เห็น...แต่มีหนวดเส้นเล็ก ๆ เท่าเส้นผมคน ยาวเฟื้อยเป็นฟุต...
มีไว้สำหรับเป็นเครื่องนำทาง และ เป็นตัวเซนเซอร์แรงสั่นสะเทือน....
่ตัวจิ้งหรีดเองตัวขนาดเล็กกว่านิ้วก้อยอีก ยาวประมาณหนึ่งเซนต์นิด ๆ ครับ...

ร่องรอยหลงเหลือจากอดีต ที่เคยมีน้ำไหลผ่าน
จะมีลักษณะเป็นแอ่งหลาย ๆ อัน ถัด ๆ กันไป


ปัจจุบันยังมีร่องรอยของน้ำอยู่อีก...

ทางขึ้นเข้าชมประตูโบสถ์....ลัำกษณะเป็นเสาซุ้มประตูด้านข้างสองข้าง...
ลองจินตนาการดูครับ

เดินผ่านไปแล้วจะมีหินงอก ขึ้นมาเหมือนกับเป็นพุ่มไม้ดัดในสวน คอยประดับอยู่ข้าง ๆ
บางคนก็ว่าเป็นเหมือนกับถ้วยรางวัลฟุตบอล เอ้า ก็ว่ากันไป ตาใครตามันครับ



อันนี้ช็อตเด็ด ที่โปรดปรานของเขือแพะอีกที่นึง...
ได้ยินเสียงเขือแพะ บอกให้เพื่อนหญิงที่ไปด้วยกัน ให้ไปนั่งข้างบน เพื่อแอ๊คท่าถ่ายรูป
คิดได้ไง.....

