วันที่ 6 สิงหาคม 2488 เวลา 8.15 น.
ระเบิดปรมาณู "Little Boy" ถูกจุดระเบิด ณ ตำแหน่งความสูง 580 เมตร เหนือเมืองฮิโรชิมา (ทิ้งจากเครื่องบินที่เพดานบินสูง 9,500 เมตร)
ในเวลาเสี้ยวของวินาที กระแสความร้อนที่ร้อนจัดประหนึ่งไฟประลัยกัลป์พุ่งออกไปรอบทิศทาง ณ ตำแหน่ง ground zero ซึ่งได้แก่
พื้นใต้ดินจุดระเบิดอุณหภูมิขึ้นสูงถึง 4,000 องศาเซลเซียส และในอาณาบริเวณรัศมี 1 กิโลเมตร ความร้อนสูงขึ้นถึง 540 องศาเซลเซียส
ประชาชนที่โชคดีที่อยู่รัศมีเขตศูนย์กลางจะตายอย่างมีความสุขในทันทีโดยไม่รู้สึกตัว ร่างกายจะแปรสภาพเป็นเถ้าถ่านในชั่วพริบตาเดียว
ผู้คนที่อยู่ห่างออกไป จะได้รับผลกระทบจากกระแสความร้อน ทำให้บาดเจ็บทรมานอย่างมาก ผิวไหม้เกรียมร้องหาน้ำเพื่อระบายความร้อน
และ อิทธิฤทธิ์อีกประการของระเบิดตามมาคือ "แรงระเบิด" ซึ่งเป็น shock wave ความเร็วเบื้องต้นถึง 3.2 กิโลเมตรต่อวินาที

ระเบิดปรมาณู "Little Boy"
แรงระเบิดทำให้เมืองฮิโรชิมาทลายราบเป็นหน้ากลองทั้งเมือง ยังคงเหลืออาคารก่อสร้างอยู่เพียง 10 เปอร์เซ็นต์ ของที่มีเดิมเท่านั้น
(แรงระเบิดจากระเบิดปรมาณูลูกนี้ = T.N.T. 12.5 ตัน)ต่อจากแรงระเบิดก็คือ อิทธิฤทธิ์ของรังสี
ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เกิดจากการจุดระเบิดปรมาณู โดยพบว่าในอาคารโรงพยาบาล ซึ่งไม่ถูกทำลายด้วยแรงระเบิดและความร้อนนั้น
ฟิล์มเอกซเรย์ทุกชิ้น ถูกรังสีทำให้ฟิล์มเสียไปจนหมดสิ้น ซึ่งแสดงว่า "รังสี" ได้แผ่กระจายไปทั่วและกว้างไกลกว่า
กระแสความร้อนและแรงระเบิดประชาชนล้มตายในครั้งนั้นรวมทั้งสิ้นกว่า 240,000 คน ระเบิดปรมาณูที่เมืองนางาซากิ
ถูกจุดระเบิดที่ตำแหน่ง 500 เมตร เหนือพื้นดิน ณ เวลา 11.02 น.ของวันที่ 9 สิงหาคม 2488 ขนาดแรงระเบิดเท่ากับระเบิด T.N.T. 22 กิโลตัน
ซึ่งมากกว่าที่ฮิโรชิมา แต่ผลการทำลาย ณ เมืองนางาซากิมีน้อยกว่าคือ ประชาชนล้มตาย 74,000 คน
ทั้งนี้เพราะสภาพภูมิศาสตร์ของเมืองเป็นเนินเขาสูง ๆ ต่ำ ๆ สลับกัน และตัวเมืองขยายไปเป็นทางยาวมิใช่เป็นเมืองกว้างใหญ่อย่างฮิโรชิมา
