มาดูว่าในตำนานมีใครถือพร้าบ้าง

https://www.tamot.ac.th/nora/?p=212หนังจวน บองหลา หรือ จวน รุ่งเรือง (เรืองมี) เกิดที่ตำบลตะแพน อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง เมื่ออายุถึงวัยที่ควรจะได้รับการศึกษา ได้ไปอาศัยอยู่กับย่าที่ตำบลนาขยาด (อ.ควนขนุน) และเข้าเรียนที่โรงเรียนวัดลานแซะ ตำบลนาขนาด ในตอนที่เข้าโรงเรียนบอกนามสกุลให้กับทางโรงเรียนผิดพลาด จากเรืองมีเป็นรุ่งเรือง จึงใช้นามสกุลรุ่งเรืองตั้งแต่นั้นมา เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ก็ออกจากโรงเรียนและเริ่มให้ความสนใจฝึกหัดเล่นหนังตะลุง หลังจากได้บวชเรียนแล้ว (น่าจะบวชที่วัดลานแซะ) ก็ได้แต่งงานกับนางนุ้ยชาวตำบลเขาเจียก จึงย้ายมาอยู่ที่ตำบลเขาเจียกตั้งแต่บัดนั้น
หนังสมปอง ลูกชายของหนังจวนบองหลา กับรูปบองหลาซึ่งเป็นรูปศักดิ์สิทธิ์ของหนังจวน
ในตอนที่จวนเด็ก ๆ ที่ตำบลเขาเจียกมีหนังที่มีชื่อเสียง ๒ คน คือ “หนังคง ชายวัง หนังสังข์ หัวหนน” หนังคง ชายวัง คือหนังคง(หรือหนูคง) กล้าคง บ้านชายวัง ส่วนหนังสังข์ หัวหนน คือ หนังสังข์ หนูฤทธิ์ บ้านหัวถนน จวนจึงได้ไปฝึกหัดหนังกับหนังคง จากนั้นก็ได้เดินทางไปยังอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ฝึกหัดหนังกับหนังประวิง หนูเกื้อ ทั้งนี้เป็นเพราะในช่วงที่หนังคงกับหนังสังข์มีชื่อเสียงอยู่นั้น ที่เขาเจียกยังมีหนังที่มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่งชื่อหนังจูฮวด หนังจูฮวดเป็นชาวหัวไทรได้มาแต่งงานกับชาวเขาเจียก และตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เขาเจียก ช่วงนั้นเองที่หนังประวิง หนูเกื้อ ได้ไปเดินทางมาที่เขาเจียกหลาย ๆ ต่อหลายครั้ง ซึ่งน่าจะเป็นเหตุให้หนังจวนติดตามไปหัดหนังกับหนังประวิงก็ได้
เมื่อเริ่มเล่นหนัง หนังจวนใช้ตัวตลกทั่ว ๆ ไป แบบเดียวกันหนังคง ได้แก่ เท่ง หนูนุ้ย ยอดทอง พูนแก้ว สำหรับรูปตลกเอก คือ บองหลา หนังจวนเพิ่งคิดตัดขึ้นในภายหลัง โดยหนังสมปอง ศิษย์จวนบองหลา ลูกชาย และนายสง อินทนะนก อดีตลูกคู่ของหนังจวน ได้เล่าตรงกันว่า หนังจวนถอดแบบมาจาก “ตาสีรัก” ชาวบานประดู่ (ใกล้ ๆ เขาเจียนก) ตาสีรักคนนี้เป็นคนเรียบง่าย “ไม่ด้น” ทำมาหากินสุจริต แต่งกายนุ่งผ้าถุงยาว ชอบถือพร้าเล็มงอ โดยแบกพร้าทัดหูเหมือนดำ หัวแพร
รูป “ไอ้บองหลา” ของหนังจวนบองหลา จะมี ๒ รูป รูปหนึ่งเป็นรูปศักดิ์สิทธิ์ที่หนังจวนจะนำไปทุกครั้งที่ไปแสดง โดยไม่ได้อยู่ในแผงหนัง แต่จะใส่ถุงผ้า รูปนี้โดยปกติจะไม่ออก จะออกก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ หรือการแข่งขันประชันโรงที่สำคัญ ส่วนอีกรูปหนึ่งคือรูปที่ใช้เล่นปกติ สำหรับรูป “ไอ้บองหลา” ทั้งสองรูปนี้ หนังสมปอง ซึ่งเป็นลูกได้รับการสืบทอดต่อ โดยรูปศักดิ์สิทธิ์นั้นหนังสมปองจะนำไปทุกครั้งที่ไปแสดงหนังแต่จะไม่ออก ส่วนรูปที่ใช้จริงนั้นได้ตัดขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเดิม และมักใช้รูป “ไอ้บองหลา” ที่หนังจวนเคยใช้ออกเป็น “ไอ้เหลือม” ซึ่งเป็นลูก เพราะมีขนาดเล็กกว่า (ปัจจุบันหนังสมปองได้หยุดการแสดงหนังแล้ว เนื่องจากสุขภาพไม่ดี ไม่สามารถนั่งเล่นหนังนาน ๆ ได้)
หนังสมปองกับรูปบองหลาทั้งสองตัว ซ้ายมือเป้นรูปที่ใช้เล่นปกติ ส่วนขวามือเป็น "รูปศักดิ์สิทธิ์"
“ไอ้บองหลา” นี้ ต่อมาหนังรุ่งฟ้า (หนังน่วม) ซึ่งเป็น “เกลอ” กับหนังจวนได้นำไปใช้เป็นตัวตลกสำคัญด้วย
ในช่วงที่มีชื่อเสียง (ก่อน พ.ศ.๒๕๐๐ เล็กน้อย ถึงหลัง พ.ศ.๒๕๐๐) หนังจวน บองหลา รับงานแสดงทั่วภาคใต้ เคยเดินทางไปแสดงถึงจังหวัดชุมพร และใต้สุดถึงสุไหงโก-ลก หนังตะลุงที่เป็นคู่แข่งที่สำคัญได้แก่ หนังพร้อมอัศวิน หนังประทิ่น บัวทอง (หัวไทร) หนังหมุนนุ้ย (ตรัง) มีลูกศิษย์หลายคน เช่น หนังสมเกียรติ (หนังหญิง บ้านเขาพังอิฐ) หนังเขียว (ลูกหนังสังข์ หัวถนน) หนังถาวร ไกรนรา (ลำสินธุ์) ส่วนหนังสมปอง ไม่มีโอกาสได้หัดหนังกับพ่อ แต่อาศับการเรียนรู้การเล่นหนังโดยการติดตาม “พ่อน่วม” หรือหนังรุ่งฟ้า และหัดกับหนังจรูญน้อย หัวไทร ทั้งนี้เพราะหนังจวนเสียชีวิตตั้งแต่หนังสมปองอายุประมาณ ๔-๖ ขวบ เท่านั้น
หนังจวน บองหลา เสียชีวิตเมื่ออายุได้ประมาณ ๓๔-๓๕ ปี ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดัง หนังสมปอง-ลูกชายและนายสง-อดีตลูกคู่หนังจวน ได้เล่าว่า หนังจวนถูกแทงและฟันเสียชีวิตที่หน้าวัดโคกชะงาย ผู้ที่ทำร้ายหนังจวนในครั้งนั้นที่จำกันได้มี ๒ คน คือ แจ้ง นกเขา และ ช่วย ควนวัด ส่วนอีก ๓-๕ คนจำไม่ได้ สำหรับสาเหตุที่ถูกทำร้ายน่าจะเนื่องมาจากมีงานศพในวัดโคกชะงาย หนังจวนแสดงในงานศพมาแล้ว ๓-๔ คืน เจ้าภาพต้องการจะให้หนังอื่นมาแสดงบ้างจึงขอให้หนังจวนไปรับหนังแปลกสองหิ้ง หนังจวนจึงเดินทางไปรับหนังแปลก แต่หนังแปลกติดขันหมากที่อื่นไม่สามารถมาแสดงได้ หนังจวนจึงรับที่จะแสดงต่อเอง จึงน่าจะสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ที่มาขอให้หนังจวนไปรับหนังแปลกและรุมทำร้ายหนังจวนจนเสียชีวิตในวันรุ่งขึ้น