เอ้า บ่ายแก่ ๆ เรื่องเพื่อนกันหน่อยดีกว่า จากรีเควสของลุงโกฯ..
จัดปายยยยยย
เอาหละ เริ่มเรื่องแบบโบร่ำโบราณแล้วกัน
เรื่องนี้ เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ปัจจุบันคนต้นเรื่องได้ผัวใหม่จนลูกอยู่ ป.๑ (ห้องครูแมว) แล้ว
...นายโชค เป็นคนพื้นเพแถวนี้ อดีตเคยเป็นคนขับรถทัวร์สายเหนือ ...จนไปได้เมียชาวพะเยา ชื่อนางเอียด
คราวหนึ่ง นายโชคเมาเหล้าแล้วไปขับรถ รถทัวร์ประสพอุบัติเหตุมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย
นายโชคเองก็สาหัส....กระโหลกยุบ...!!
แน่นอน นายโชคถูกไล่ออก ส่วนเรื่องคดีความนั้น อันนี้ไม่ทราบ...ไม่รู้รอดคุกมาได้อย่างไร
นายโชค พาเมียและลูกสามคนกลับมาบ้าน แล้วไม่ได้ทำงานทำการอะไรเลย เพราะร่างกายไม่ปรกติเหมือนเก่า
ศรีษะตรงหน้าผากติดริมผม บุ๋มลึกเข้าไปเพราะอุบัติเหตุครั้งนั้น เป็นหลุมขนาดลูกส้มแป้น
....นายโชคกลายเป็นคนขี้เมา.....กินเหล้า(ขาวมั่งเถื่อนมั่ง)ทุกวันทุกคืน....
พวกเรา สมัยนั้นชอบออกไปกินน้ำชาจีบเด็กช่างศิลป์ที่ในตลาด..ดึก ๆ ขับรถกลับบ้าน ต้องเบรคกันล้อลาก....
เพราะนายโชคแกเมาไม่ได้สติ มานอนขวางทางอยู่...
....นางเอียดผู้เป็นเมีย เมื่ออยู่ในสภาพครอบครัวไร้ที่ซุกหัวนอน ต้องอาศัยกระท่อมในสวนของเพื่อนบ้าน(พี่สาวนายโชค ปากกัดตีนถีบเหมือนกัน)
ก็ต้องดิ้นรน เก็บผักเก็บหญ้าเอาไปขายในตลาด พอได้ค่าข้าวสาร
สรุปภาพรวมในขณะนั้น คือ
- พ่อ เมาหยำเป งานการไม่ทำ พึ่งไม่ได้โดยสิ้นเชิง ตระเวณหาเหล้าฟรีกินทั่วหมู่บ้าน เมาแล้วก็สลบตรงไหนก็ได้
- แม่ ไม่มีที่ไป ทำงานรับจ้าง เก็บผักเก็บหญ้าขาย เป็นคนทำงานหาเงินคนเดียวของบ้าน
- พี่ชายคนโต เป็นเด็กห่วยแตก ขี้แพ้แต่ยังไฝ่ทางเลว ก็เลยเป็นลูกไล่เพื่อนตลอด
- น้องสาวคนกลาง หน้าตาสะสวย ผิวพรรณได้แม่ หน้าตาได้พ่อ(ลืมบอกไป ว่าแต่เดิมนายโชครูปหล่อและเจ้าชู้)
- น้องชายคนเล็ก เด็กเลวขนานแท้....แต่ไม่ได้เป็นลูกไล่เพื่อนเท่าไหร่นัก
........ เนี่ย ครอบครัวเขา... เลี้ยงลูกมาได้เติบโตได้ยังไงยังนึกไม่ออก....
....สมัยนั้น ร้านน้ำชาหัวค่ำ ๆ เป็นที่นิยม มีหลายร้านแถวบ้านผุดขึ้นมา เปิดวีดีโอหนังแอ็คชั่นคืนละสองเรื่อง
เรื่องแรก มีเกรดหน่อย เริ่มเปิดราว ๆ ทุ่มครึ่ง ลูกค้าเต็มร้าน พอเรื่องแรกจบ ลูกค้าหายไปครึ่งหนึ่ง ....
.....เรื่องสองก็ห่วยหน่อย ร้านไหนมีปัญญาหาหนังดี ๆ มาเปิดให้ลูกค้าดู ร้านนั้นก็ครองลูกค้ามากหน่อย
อีกอย่าง ที่ดึงลูกค้าได้มาก คือ เด็กเสริฟ.......
............ ต้องสวย หุ่นดี หยอกได้ไม่ขี้โกรธ...และปลอดพันธะ คือจีบได้
ลูกสาวนายโชคนางเอียด คือหนึ่งในผู้มีคุณสมบัตินั้น อายุสิบเจ็ด สะพรั่ง...เลยทีเดียว
มาเสริฟน้ำชากาแฟร้านหน้าโรงเรียน ลูกค้าหน้าหม้อตรึมทุกค่ำคืน(ผมนั่งร้านในตลาดนะ ....ไม่ได้นั่งร้านนั้น)
อ้อ เดี๋ยว ตั้งชื่อให้สาวเสริฟเนื้อหอมคนนี้สักนิด....
....ชื่อ"น้องนิ่ม" อืมม ไม่เลว ....เหมาะสมทั้งเนื้อตัวทั้งปัญญา(ก็..แหม เพื่อนจบแค่ ป.๖)
ยกไปอีกฉาก..
...สาว"อัญ"....ลูกคนพอมีฐานะ อายุเกือบสามสิบแล้ว เพิ่งจะมีหนุ่มมาติดพัน
อัญทั้งปลื้มทั้งหึงหวงเป็นที่สุด กับหนุ่ม"เชียร" หนุ่มบ้านไกลหน้าตาดี ขับ เคอาร์150(แปลว่า บ้านมันมีตังค์ รถนั่นราคาเกินครึ่งแสน)
อัญเป็นน้องสาวเจ้าของร้านน้ำชาที่น้องนิ่มทำงานอยู่.... ซึ่งเชียรกับอัญก็เจอกันที่นี่แหละ
เชียรมาเทียวไล้เทียวขื่อที่ร้านน้ำชา บางทีก็พาอัญนั่งรถออกไปเที่ยวที่อื่น
....ในที่สุด มีข่าวแว่ว ๆ ออกมา ว่า หนุ่มเชียร จะพาผู้ใหญ่มาสู่ขอ....
ใครล่ะ ที่ปลื้มสุดชีวิต ไม่ใช่สาววัยปลาย ๆ อย่างอัญหรอกหรือ..... หลุดรถขบวนนี้ก็คงต้องโบกรถขนผักแล้วแหละ
ข่าวนี้ เบาบางลางเลือนและเนิ่นนาน จนสาวอัญแทบคลั่ง....เสียตัวเสียสาวให้เขาไปแล้ว ไม่เหลืออะไรไว้ต่อรองเหนี่ยวรั้งแล้ว
แต่ข่าวล่ามาแรงอีกข่าว ที่ทำให้สาวอัญ "คลั่งบ้า" ก็ปรากฏขึ้น เมื่อหนุ่มเชียรพาผู้ใหญ่มาสู่ขอจริง ๆ ในวันหนึ่ง
....มาสู่ขอน้องนิ่ม....!!! สาวน้อยวัยสิบเจ็ดที่สะพรั่งด้วยเลือดสาว แม้ฐานะทางบ้านจะด้อยเรี่ยดินก็ไม่นำพาสำหรับหนุ่มเชียร
ลูกที่สามารถขอรถเครื่องราคาหกเจ็ดหมื่นไว้ขับเที่ยว(ตอนนั้นยางโลละ๑๖บาท) ย่อมเป็นที่ตามใจของพ่อแม่
"นิ่ม"เหมือนถูกหวย สภาพปากกัดตีนถีบ ขาดแคลนทุกอย่างในชีวิตกำลังจะจบสิ้นแล้ว....
...จากนี้ไป ชีวิตที่หรูหราอู้ฟู่เหมือนนางซิน ก็จะเข้ามาแทน เพราะหนุ่มเชียรเป็นลูกคนเดียวของพ่อค้ารับซื้อขี้ยางและสินค้าเกษตร
.......
"อัญ" แค้นใจนัก...มาจีบกรู มาพากรูไปฟัน แต่ดันมาสู่ขอคนอื่น....
....วันที่น้องนิ่ม มาทำงานที่ร้านช่วงใกล้ค่ำ (กำลังจะลาออกแล้ว แต่เจ้าของร้านขอไว้เนื่องจากไม่มีเด็กช่วยงาน)
อัญ ก็แอบเดินมาทางหลังร้าน....เอาน้ำส้มฆ่ายางมาแอบถ่ายใส่ขันอาบน้ำที่หลังร้าน...แล้วถือเดินออกมา
น้องนิ่มกำลังจัดโต๊ะเก้าอี้.....หันมาเห็นพอดีกับที่สาวอัญสาดน้ำส้มฆ่ายางในขันใส่ตัวเอง
สัญชาตญาณ ....น้องนิ่มยกแขนขึ้นป้องกันใบหน้า....
น้ำกรดซัลฟูริกเข้มข้นโดนท้องแขนด้านขวา โดนใบหูข้างขวาไล่ลงมาถึงแก้มและลำคอ
ที่สาหัสสุดก็คือ ใต้รักแร้ด้านขวาและปทุมถันข้างเดียวกัน ลงไปถึงชายโครง เสื้อยืดที่ใส่มา ซับน้ำกรดเอาไว้อย่างดี
สัญชาตญาณมนุษย์ เมื่อเจ็บปวดก็เอามือปัดกุม....ผลคือ น้ำกรดที่ชุ่มเสื้อ กัดซ้ำผิวหนังที่เปิดออกแล้วนั้น เพิ่มเข้าไปอีก
น้องนิ่มล้มลงสิ้นสติตรงนั้นเอง....ใครจะเข้าช่วยก็ช่วยลำบาก เพราะกรดเข้มข้นโดนพื้นปูน เกิดควันพิษคลุ้งไปทั่วบริเวณ
กว่าจะมีคนได้สติ เอาแป๊บน้ำมาฉีดใส่ร่างเพื่อเจือจางกรด ก็พักใหญ่....
..ซ้ำร้ายเข้าไปอีก เมื่อกรดโดนน้ำ มันทำปฏิกิริยาจนน้ำเดือดพล่านลงบนตัวน้องนิ่ม....
.....น้องนิ่มโคม่าอยู่ในโรงพยาบาลนับเดือน เสียโฉมพุพองตั้งแต่ใบหน้าถึงเอว ซีกขวาทั้งแถบ....(นมข้างหนึ่งด้วย)
......สาวอัญหลบหนี แต่ไม่ทันสว่างก็ถูกจับได้....หลังจากนั้นความเห็นแพทย์ก็ออกมาว่า อัญ...วิกลจริต...!!
.....หนุ่มเชียร ไม่รู้ไปซุกอยู่ในเมฆกลีบไหน ไม่เคยได้ข่าวอีกเลย
จบภาคแรก...เรื่องชีวิตรันทดของน้องนิ่ม ด้วยการจ่ายเงินเยียวยาจากฝ่ายจำเลย ห้าหมื่นบาท....
น้องนิ่มเอาเงินจำนวนนั้น แบ่งซื้อที่ดินจากป้า หนึ่งงาน ราคาหมื่นเดียว(ปัจจุบันสองแสนกว่าแล้ว)
เงินที่เหลือ สร้างบ้านหลังเล็ก ๆ พอซุกหัวนอนทั้งครอบครัว ......
สรุปตอนแรกครับ เดี๋ยวรอ ตอนต่อไปครับ